15 ต.ค. เวลา 00:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ยังไม่จบปัญหาค่ะ มีอีกการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปมากเกินใช่ว่าจะส่งผลดีกับวิถีชีวิตของมนุษย์ โลตัสบางแห่งใช้เครื่องในการซื้อขายไม่ใช้พนักงาน ข้อความนี้คัดลอกมาจากไลน์ เราคงต้องปฏิเสธเทคโนโลยีอีกหลายอย่าง ขออยู่ในมุมของตนเอง
UPDATE: ‘เจ้าพ่อ AI’ คว้าโนเบล! แต่กลับเตือนภัย ‘AI อาจทำลายล้างมนุษย์’ เรียกร้องบริษัทเทคยกระดับความปลอดภัย
.
Geoffrey Hinton ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2024 จากผลงานการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน
.
เส้นทางชีวิตของ Hinton เต็มไปด้วยความสำเร็จ แต่เขากลับเลือกที่จะออกมาส่งสัญญาณเตือนภัยถึงอันตรายของ AI ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง
.
Hinton วัย 76 ปี ตัดสินใจลาออกจาก Google เมื่อปีที่แล้ว เพื่อที่จะสามารถพูดถึงความเป็นไปได้ที่ AI อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของมนุษย์ และนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง หรือการควบคุมหุ่นยนต์อันตราย
.
เขาเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Meta และ Google ทุ่มเททรัพยากรมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของระบบ AI ขั้นสูง และผลักดันให้เกิดการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ
.
Hinton เชื่อว่าระบบ AI ขั้นสูงมีความสามารถในการเข้าใจผลลัพธ์ของตัวเอง ซึ่งเป็นมุมมองที่ยังเป็นที่ถกเถียงในวงการวิจัย เขากล่าวว่า “หวังว่ารางวัลโนเบลจะทำให้ผมมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อผมพูดว่า AI เหล่านี้เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดจริงๆ”
.
การได้รับรางวัลโนเบลในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนดาบสองคม ที่ทั้งยกย่องความสำเร็จของ Hinton และเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับคำเตือนของเขา ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนา AI ในอนาคต
.
อย่างไรก็ตาม มีนักวิจัยบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับ Hinton โดยมองว่าการเน้นย้ำถึงสถานการณ์วันสิ้นโลกจะทำให้การพัฒนาเทคโนโลยี AI ช้าลงโดยไม่จำเป็น และเบี่ยงเบนความสนใจจากอันตรายที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนชายขอบ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไป
.
Hinton ได้รับรางวัลโนเบลร่วมกับ John Hopfield จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน จากผลงานการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียมตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากการทำงานของสมองมนุษย์ ผลงานนี้เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยี AI มากมายในปัจจุบัน ตั้งแต่ ChatGPT ไปจนถึง Google Photos
.
เขายังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้ Backpropagation ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ใช้ในการฝึกฝนโครงข่ายประสาทเทียม และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Deep Learning ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน
.
จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ยุคใหม่ เกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อ Hinton และนักศึกษาปริญญาโทสองคนจากมหาวิทยาลัยโทรอนโตได้พัฒนา AlexNet ซึ่งเป็นโครงข่ายประสาทเทียมที่สามารถจดจำรูปภาพได้อย่างแม่นยำ ความสำเร็จของ AlexNet ทำให้ Google ตัดสินใจซื้อบริษัทที่ Hinton ก่อตั้งขึ้นด้วยเงิน 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดึงตัวเขามาร่วมงาน
.
Hinton ยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิจัย AI รุ่นใหม่ๆ เช่น Ilya Sutskever ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และได้รับรางวัล Turing Award ในปี 2018 ร่วมกับ Yoshua Bengio และ Yann LeCun ซึ่งทั้งสามคนมักถูกเรียกว่า ‘เจ้าพ่อแห่ง AI ยุคใหม่’
.
ในปี 2023 Hinton เริ่มตระหนักถึงผลที่ตามมาของการสร้าง AI ที่ทรงพลังมากขึ้น เขาเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ AI อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของผู้สร้าง และก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
.
เขาได้เข้าร่วมกับกลุ่มคนที่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI และพยายามผลักดันให้เกิดการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยเสนอให้บริษัทที่ทำงานด้าน AI จัดสรรทรัพยากรอย่างน้อย 1 ใน 3 ของงบประมาณการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรม
.
Hinton ได้ร่วมลงนามในเอกสารที่เรียกร้องให้มีการควบคุม AI และสนับสนุนร่างกฎหมายความปลอดภัยของ AI ที่ผ่านการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะกำหนดให้ผู้พัฒนา AI ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ
เพื่อให้แน่ใจว่า AI จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
.อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ถูกปฏิเสธโดยผู้ว่าการรัฐ Gavin Newsom เนื่องจากถูกต่อต้านโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ รวมถึง Google ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการควบคุม AI และความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจกับความกังวลด้านจริยธรรม
.
ภาพ: Ramsey Cardy / Sportsfile for Collision via Getty Images
.
อ้างอิง:
.
#TheStandardWealth
ข้อบ่งบอกถึงมนุษย์ปรารถนาอำนาจจากความเจริญด้านเทคโนโลยี
เตรียมพร้อมรับสงครามโลกครั้งที่สาม https://fb.watch/vdzTy0S_VS/?
สถานที่หลบภัยสงครามโลกครั้งที่สาม https://fb.watch/vdDfe1rkw-/?
โฆษณา