เมื่อระบบการขนส่งทางรางของรัฐจะถูกกลุ่มทุนเข้ายึดครอง
ด้วยสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกหรือ climate change ที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน ทำให้กิจการ หรือธุรกิจต่างๆที่ใช้ทรัพยากร หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อทำให้โลกเย็นลง สงบลง
การขนส่งเกือบทั้งหมดที่ใช้พลังงานฟอสซิลซึ่งสารผสมทั้งหลายที่ปล่อยออกมาก็ส่งผลต่อมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน ดังนั้นในระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ก็มีความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยการนำพลังงานทางเลือกที่สะอาดมาเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน เช่นรถไฟฟ้า และ ระบบการขนส่งขนาดใหญ่คือ“ระบบการขนส่งทางราง”ก็เป็นยุทธศาสตร์ของโลกที่จะกลับมาให้ความสำคัญกันขนานใหญ่ และเป็นยุทธศาสตร์ของโลก“ รวมทั้งการเปลี่ยนพลังงานผลักดันการขับเคลื่อนจากน้ำมัน ไปสู่ระบบไฟฟ้า
ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกับนานาชาติซึ่งก่อนหน้านี้นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ.2504 -2509 จนถึงปัจจุบันได้มีการลดบทบาทการขนส่งทางรางลงและไปลงทุนในระบบการขนส่งทางถนน และปัจจุบันความหนาแน่นของรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ(ที่ไม่มีแบรนด์ไทยแม้แต่ยี่ห้อเดียวทั้งๆที่รถยนต์ทุกยี่ห้อทั่วโลกผลิตที่ประเทศไทย)เต็มท้องถนนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และ ผลกระทบด้านสิ่งแวดอย่างมหาศาล
และแล้วรัฐไทยก็ตื่นขึ้นหันมาลงทุนในระบบการขนส่งทางรางทั้งการสร้างทางรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และการลงทุนในเส้นทางสายใหม่ คือสายเด่นชัย-เชียงของ / บัวใหญ่-นครพนม เป็นต้น แม้จะคิดช้าแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
แต่ที่น่าเศร้าคือการสร้างเส้นทางรถไฟในเส้นทางต่างที่ต้องใช้งบประมาณของจำนวนมหาศาลและให้เอกชนร่วมลงทุนเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็ปล่อยให้เอกชนบริหาร จัดการในระยะเวลาที่ยาวนาน 30 ปี และมีการต่อสัญญากันต่อเนื่องและเรียกเก็บค่าบริการจากประชาชนในราคาที่แพงจนรัฐบาลไม่สามารควบคุมราคาได้(ตัวอย่างเช่นการประกาศของนักการเมืองพรรคการเมืองที่จะกำหนดราคาค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย: ทำได้เพียงสายเดียวคือสายสีแดงซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท.ที่รฟท.ถือหุ้น 100%ส่วนที่อื่นไม่สามารถทำได้)
แย่ไปกว่านั้นเมื่อไม่นานมานี้ ครม.ในรัฐบาลปัจจุบันเพิ่งผ่านร่าง พรบ.การขนส่งทางราง พ.ศ….ที่จะให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการในระบบรางได้แข่งกับรัฐเช่น รฟท./รฟม.แต่ด้วยเงื่อนไขความเป็นรัฐที่มีกฏหมาย ระเบียบ นโยบายที่มาก ย่อมไม่สามรถสู้หรือแข่งขันกับเอกชนได้ ในที่สุดกิจการของัฐก็ล่มสลาย และที่สุดของที่สุดแล้วคนที่เดือดร้อนก็คือประชาชนที่ใช้บริการ จะต้องจ่ายในราคาที่แพงขึ้น สิ่งเหล่านี้ในอดีตตที่เรียกว่า“การแปรรูปกิจการของรัฐให้เอกชน หรือ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ”
ข้อมูลที่เป็นจริงและประจักษ์ชัดแล้วคือการแปรรูปในกิจการพลังงาน คือ น้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า การสื่อสารโทรคมนาคม(คลื่นความถี่โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต วงโคจรดาวเทียม)การขนส่ง บขส./ ขสมก.
ดังนั้ถึงเวลาที่ประชาชนจะต้องร่วมกันแสดงออก ส่งเสียงไปถึงรัฐบาลว่า“ประชาขนคัดค้านไม่เห็นด้วย กับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือการถ่ายโอนกิจการของรัฐที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างสำคัญกับการดำเนินชีวิตของประชาชน
#หยุดร่าง พรบ.การขนส่งทางราง พ.ศ…..
#หยุดขูดรีดประชาชน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
