16 ต.ค. เวลา 11:00 • การเมือง

‘ขอนแก่น’เดือด เชือด‘เอกราช’ เขย่า‘ช่างเหลา’ ?

สัญญาณลั่นกลองรบ ศึกชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ“นายกอบจ.” เริ่มเปิดฉากเป็นระยะ โดยในเดือน พ.ย.จะมีการเลือกตั้งอีก 6 จังหวัด
หนึ่งในนั้นคือ จ.ขอนแก่น รอบนี้เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “พงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์” แชมป์เก่า 6 สมัย และ “วัฒนา ช่างเหลา” อดีตสส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ลูกชาย “เอกราช ช่างเหลา” สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ที่เวลานี้สังกัดพรรคสีน้ำเงิน แค่เพียงในนาม เพราะโดยพฤตินัยได้แยกทางกันไปเรียบร้อย
วัดขุมกำลังรอบนี้ ฝั่ง “พงษ์ศักดิ์” ถือดีกรีแชมป์ 6 สมัยเป็นนายก อบจ.ขอนแก่นครั้งแรกในปี 2554 ได้ชัยชนะมาโดยตลอด โชว์ความเก๋า ประสานการเมืองได้ทุกขั้ว ประวัติไม่เคยเสีย พกความมั่นใจ 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ จะเอาชนะคู่แข่งได้อย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว “นายกพงษ์ศักดิ์”ได้คะแนนท่วมท้น 375,803 ทิ้งห่างคู่แข่งกว่า 2แสนคะแนน
ฝั่ง “ต้อม วัฒนา” ที่เพิ่งสลัดเสื้อสีน้ำเงิน สมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก่อนลงรับสมัครนายกอบจ.เพียง 1 วัน ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าจะลงชิงในนามพรรคเพื่อไทย โดยมี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ รมว.คมนาคม และมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เป็นแบ็คอัพ
ทว่า คล้อยหลังไม่นาน แกนนำพรรคได้ชิงปฏิเสธ โดยะระบุว่า “วัฒนา”สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจริง แต่การชิงนายกอบจ. ขอนแก่น ในฐานะสมาชิกพรรคสามารถทำได้ แต่ย้ำว่าเพื่อไทยไม่ได้ส่งลงสมัครในนามพรรค
หากจับสัญญาณการเมืองในเชิงพื้นที่แล้ว แน่นอนว่า “วัฒนา”ย่อมหวังผลไปที่การใช้ฐานเสียงเพื่อไทย ที่เวลานี้มี สส.ขอนแก่น 6 คน บวกกับเขต 4 ของเอกราช ผู้เป็นบิดา รวมเป็น 7 เขตจากทั้งหมด 11 เขต รวมกับกระแสพรรคที่กำลังขับเคลื่อนบรรดาเรือธง เป็นจุดขาย
ย้อนเส้นทางการเมืองของ “ต้อม วัฒนา” ปี 2562 สวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ เอาชนะ อรอนงค์ สาระผล พรรคเพื่อไทย ภรรยาของ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้เป็น สส.ขอนแก่น เขต 2 สมัยแรก
ปี 2566 วัฒนา ในสีเสื้อภูมิใจไทย คะแนนร่วงไปอยู่อันดับ 3 แพ้อันดับ 1 อิทธิพล ชลธราศิริ พรรคก้าวไกล ประมาณหมื่นกว่าแต้ม ก่อนหันมาคุมทีมฟุตบอล “ขอนแก่น ยูไนเต็ด” มีฉายาทีมว่า “จงอางผยอง”
วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ “พงษ์ศักดิ์”นอกจากจะถือดีกรีแชมป์ 6 สมัยแล้ว ยังเป็นพ่อตาของ "ทวีสันต์ วิชัยวงษ์" ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น
ขณะที่ในมุมของภาคธุรกิจในพื้นที่ มีการวิเคราะห์ว่า พงษ์ศักดิ์มีฐานเสียง และอบจ.ต้องเป็นฐานเสียงทั้งจังหวัด จากทั้ง 26 อำเภอของขอนแก่น มีฐานเสียงหนาแน่นมาแต่เดิม และทุกครั้งจะมีเสียงอยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าคะแนน
ส่วน “วัฒนา” แม้จะได้ฐานเสียงจากเคยเป็น สส.เขต 2 และพ่อมีฐานเสียงในเขต 1 บางส่วน แต่ก็ถือว่ามีฐานเสียงแค่ 1-2 อำเภอเท่านั้น
เป็นเช่นนี้ต้องจับตา ฝั่ง “วัฒนา-เอกราช” 2 พ่อลูกช่างเหลา ที่นอกจากจะอาศัยแบรนด์เพื่อไทยแล้ว จะมีไม้เด็ดอะไรอีกหรือไม่
ที่น่าสนใจคือ ในห้วงที่การเมืองท้องถิ่นกำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวคราวการย้ายพรรคของ 2 พ่อลูกช่างเหลา ต้องจับตาวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งศาลจังหวัดขอนแก่น นัดฟังคำพิพากษาคดี ที่ “เอกราช” ถูกฟ้องยักยอกทรัพย์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ กว่า 430 ล้านบาท
โดยคดีดังกล่าว เมื่อไม่นานมานี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช) ยังได้ชี้มูลความผิด “เอกราช” ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประพฤติตนไม่อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน และกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 12 ข้อ 19 ประกอบข้อ 3 วรรคสอง และข้อ 27 วรรคสอง
ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป
จริงอยู่วิบากกรรมที่“เอกราช”กำลังเผชิญ แม้คำพิพากษาจะออกมาหลังรู้ผลแพ้ชนะในศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น ในวันที่ 3 พ.ย.
แต่ในทางการเมืองแล้ว หากคดีออกมาในทางลบ ย่อมส่งผลต่อตระกูลช่างเหลา ที่เวลานี้สลัดเสื้อสีเก่าสวมเสื้อสีใหม่ ไม่ใช่แค่สนามนายกอบจ.แต่อาจสะเทือนไปยังสนามอื่นๆ หลังจากนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โฆษณา