Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
17 ต.ค. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุป 3 สิ่งที่ Peter Lynch นักลงทุนในตำนาน มองหาใน รายงานประจำปี
การลงทุนให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัท อย่างละเอียด
1
ซึ่งตำนานนักลงทุนของโลกคนหนึ่ง ที่นักลงทุนชาวไทยเกือบทุกคนต้องรู้จัก ก็เชื่อในสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน
เขาคนนั้นคือ คุณ Peter Lynch
ผู้จัดการกองทุนในตำนานของ Fidelity Magellan
และผู้เขียนหนังสือการลงทุนระดับขึ้นหิ้ง
ชื่อ “One Up On Wall Street”
เพราะคุณ Peter Lynch ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียดมาก ก่อนที่จะลงทุน เช่น
2
- เดินสำรวจกิจการ เพื่อดูว่าสินค้าขายดีจริงไหม
- โทรคุยกับนักลงทุนสัมพันธ์
- เข้าเยี่ยมชมบริษัท เพื่อพูดคุยกับผู้บริหาร
และอีกสิ่งหนึ่ง ที่คุณ Peter Lynch ต้องทำอยู่เป็นประจำ ก็คือ การอ่านรายงานประจำปี นั่นเอง
1
แต่รู้ไหมว่า รายงานประจำปีที่หนาเป็นร้อยหน้า คุณ Peter Lynch ใช้เวลาอ่านเพียงแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น ด้วยการเลือกอ่านแต่ข้อมูลที่สำคัญ จนประหยัดเวลาได้มากขนาดนี้นั่นเอง
และถ้าหากอยากรู้ว่า คุณ Peter Lynch มองหาอะไรบ้าง ในรายงานประจำปี ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
สิ่งที่คุณ Peter Lynch มักจะอ่านในรายงานประจำปี เป็นลำดับแรก ๆ ก็คือ “งบการเงินของบริษัท”
เพราะคุณ Peter Lynch มองว่า การวิเคราะห์งบการเงิน จะช่วยให้เราเข้าใจสถานะปัจจุบันของบริษัทได้ดีขึ้น โดยจะให้ความสำคัญกับงบดุล หรืองบแสดงฐานะการเงินของบริษัทเป็นหลัก
งบแสดงฐานะการเงิน คือ งบที่บอกว่า กิจการมีสถานะทางการเงินเป็นอย่างไรบ้าง ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ สินทรัพย์, หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น
โดยคุณ Peter Lynch จะมองหาข้อมูลสำคัญ 3 อย่างจากงบนี้ คือ
1. เงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด
จะอยู่ในส่วนของสินทรัพย์หมุนเวียน เป็นข้อมูลที่แสดงถึงเงินสดที่บริษัทมีอยู่ และรวมถึงสินทรัพย์ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายภายในระยะเวลาอันสั้น
3
คุณ Peter Lynch จะดูว่า เงินสดเพิ่มขึ้นหรือลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ เพื่อประเมินสภาพคล่องของบริษัท
ถ้าบริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
2. หนี้สินระยะยาว
คือหนี้สินที่บริษัท ยังไม่ต้องชำระคืนภายในระยะเวลา 1 ปีต่อจากนี้
คุณ Peter Lynch จะให้ความสำคัญกับหนี้สินระยะยาวมาก เพราะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท
1
โดยเชื่อว่าบริษัทที่มีหนี้สินระยะยาวน้อย จะมีความเสี่ยงในการล้มละลายต่ำกว่า และสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากได้
1
หลังจากรู้ข้อมูลเงินสด และหนี้สินระยะยาวแล้ว คุณ Peter Lynch จะนำข้อมูลเหล่านี้ มาคำนวณเงินสดสุทธิ
1
เงินสดสุทธิ = เงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด - หนี้สินระยะยาว
ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อจะเปรียบเทียบว่า เงินสดมากกว่าหนี้สินระยะยาวหรือไม่ และยังดูแนวโน้มว่า เงินสดสุทธิเพิ่มขึ้นหรือลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ด้วย
ถ้าเงินสดเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง ถือว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีมาก
1
ในทางกลับกัน หากเงินสดลดลง และหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จะถือว่า เป็นสัญญาณที่ควรระวัง เพราะแสดงถึงฐานะทางการเงินของบริษัท เริ่มอ่อนแอลง
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการวิเคราะห์เรื่องสภาพคล่องของบริษัทในระยะสั้นด้วย
โดยจะเปรียบเทียบว่า สินทรัพย์หมุนเวียน มากกว่าหนี้สินหมุนเวียนหรือไม่
หากสินทรัพย์หมุนเวียน มากกว่าหนี้สินหมุนเวียน หรือพอ ๆ กัน ก็ยังถือว่า บริษัทดูไม่มีปัญหาสภาพคล่องอะไร
3. เงินสดสุทธิต่อหุ้น
พอรู้เงินสดสุทธิแล้ว คุณ Peter Lynch ก็จะนำเงินสดสุทธิ มาหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท เพื่อหา “เงินสดสุทธิต่อหุ้น”
1
ตัวเลขนี้เป็นเหมือนกับโบนัส ที่ซ่อนอยู่ในราคาหุ้น เพราะถ้าหากบริษัท มีเงินสดสุทธิต่อหุ้น ซ่อนอยู่มาก ก็เหมือนกับเรามีโอกาสได้ซื้อหุ้นตัวนั้น ในราคาที่ถูกมาก นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น หุ้นซื้อขายกันที่ราคา 30 บาทต่อหุ้น
และมีเงินสดสุทธิ 10 บาทต่อหุ้น เท่ากับเราจะได้ซื้อหุ้น
บริษัทนี้ ในราคาที่แท้จริง แค่ 20 บาทเท่านั้น
2
การมองหาบริษัทที่มีเงินสดสุทธิต่อหุ้นสูง จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุน ที่คุณ Peter Lynch ชอบใช้บ่อย ๆ
อ่านถึงตรงนี้ ก็จะเห็นแล้วว่า คุณ Peter Lynch ให้ความสำคัญกับอะไร ในรายงานประจำปีของบริษัทบ้าง
ซึ่งโดยหลักก็คือ การดูว่าบริษัทมีเงินสดมากกว่าหนี้สินระยะยาวหรือไม่ และมีเงินสดสุทธิต่อหุ้นเท่าไร
1
วิธีนี้จะช่วยให้สามารถประเมินสุขภาพทางการเงินของบริษัท ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ได้ข้อมูลสำคัญ ประกอบการตัดสินใจลงทุนแล้ว
การเลือกลงทุนในบริษัทที่มีหนี้สินน้อย ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ เพราะบริษัทที่มีหนี้สินน้อย จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าในการรับมือกับวิกฤติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
1
ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ หรือการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย บริษัทเหล่านี้ ก็จะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ได้ง่ายกว่าบริษัทที่มีหนี้สินเยอะ
เนื่องจากไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย หรือหนี้สินหนัก ๆ ที่อาจจะทำให้บริษัท ต้องเผชิญกับปัญหาการชำระหนี้
การมองหาบริษัทที่มีเงินสดเพียงพอ มีหนี้สินต่ำ จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาว ตามหลักการของคุณ Peter Lynch
อย่างไรก็ตาม การอ่านงบการเงินในรายงานประจำปี ก็เป็นเพียงแค่ หนึ่งในหลาย ๆ อย่าง ที่คุณ Peter Lynch ทำตอนวิเคราะห์การลงทุน
แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุน เราก็ควรตรวจสอบปัจจัย ด้านอื่น ๆ ให้ครบถ้วนด้วย เช่น วิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ และความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร
เพราะการจะตัดสินใจลงทุนในบริษัทหนึ่ง ๆ ให้ถูกต้อง เพื่อสร้างความมั่งคั่ง คืนให้กับเราในอนาคตอีกหลาย 10 ปีข้างหน้า
คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการกวาดสายตา ผ่านข้อมูลสำคัญ ๆ ในงบการเงิน ด้วยเวลา 2-3 นาที เพียงอย่างเดียวเป็นแน่..
Reference:
- หนังสือ One Up On Wall Street: How To Use What You Already Know To Make Money In The Market (1989) โดย Peter Lynch
หุ้น
การลงทุน
62 บันทึก
51
44
62
51
44
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย