17 ต.ค. 2024 เวลา 10:40 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 168

หอธรรมภักดิ์ (1) พี่น้องพร้อมหน้า
ซ่งเจียงถอยทัพกลับค่ายแล้ว ก็สั่งให้นำตัวเชลยกงว่าง ติงเต๋อซุนส่งไปยังเขาเหลียงซาน ซ่งเจียงกล่าวกับหลูจวิ้นอี้ อู๋ย่งว่า
“ยุคห้าราชวงศ์ หวางยั่นจาง 王彦章 แห่งต้าเหลียง 大梁 เงาตะวันไม่ทันคล้อย สังหารขุนพลราชวงศ์ถังรวดเดียวสามสิบหกนาย วันนี้ได้เห็นจางชิงใช้เวลาไม่นาน กำราบขุนพลฝ่ายเรารวดเดียวสิบห้านาย แม้จะไม่ได้เหนือกว่า ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ” เหล่าพี่น้องนิ่งฟังไม่มีอะไรจะพูด
ซ่งเจียงกล่าวต่อว่า “ข้าเห็นว่า คนผู้นี้อาศัยกงว่าง ติงเต๋อซุนเป็นปีกหาง บัดนี้ปีกหางถูกเด็ดสิ้นมือเท้า ควรจะใช้อุบายจับตัวคนผู้นี้”
อู๋ย่งว่า “พี่ท่านวางใจ บัณฑิตผู้น้อยมีแผนไว้แล้ว ก่อนอื่น ให้เหล่าพี่น้องที่บาดเจ็บกลับไปรักษาตัวบนเขา แล้วตามหลู่จื้อเซิน อู่ซง ซุนลี่ หวงซิ่น หลี่ลี่ และเหล่าหัวหน้าทัพน้ำทั้งหมด นำมาทั้งรถและเรือแสดงให้เห็นว่าส่งกำลังและเสบียงมาเสริม เราจะใช้กำลังทางบกทางน้ำประสานกัน ล่อจางชิงออกมา คงสำเร็จผล”
ทางด้านจางชิงและเจ้าเมืองตงชางหารือกันว่า “แม้ฝ่ายเราจะได้ชัย แต่ไม่ได้ลดทอนกำลังของฝ่ายตรงข้าม ควรใช้คนไปสอดแนมดูลาดเลา”
หน่วยสอดแนมกลับมารายงานว่า “หลังค่ายศัตรูทางตะวันตกเฉียงเหนือมีเกวียนมาร้อยกว่าคัน ในแม่น้ำมีเรือเสบียงใหญ่น้อยห้าร้อยกว่าลำ มีกำลังมาเสริมทั้งทางบกและทางน้ำ มีตัวหัวหน้ากำกับรายทางมาอีกหลายคน”
เจ้าเมืองว่า “อาจเป็นอุบายฝ่ายโจร ไปสืบดูให้รู้แน่ว่าเป็นเกวียนเรือเสบียงจริงหรือไม่”
วันรุ่งขึ้น ทหารกลับมารายงานว่า “บนเกวียนนั้นล้วนเป็นเสบียง ส่วนบนเรือนั้นคลุมไว้มิดชิด แต่พอจะมองเห็นว่าเป็นกระสอบข้าวสาร”
จางชิงว่า “คืนนี้ข้าจะออกนอกเมืองไปชิงเสบียงบนบกก่อน แล้วค่อยไปชิงเรือในน้ำ ท่านเจ้าเมืองคอยยกทัพหนุนช่วย การคงสำเร็จ”
เจ้าเมืองว่า “เป็นแผนที่ดี แต่อย่างไรก็ต้องระวังไว้เป็นดี” จึงให้ทหารกินอาหารกันให้อิ่ม แล้วสวมเกราะเตรียมตัว สะพายกระสอบไว้บนหลัง จางชิงนำทหารหนึ่งพันลอบออกจากเมือง
คืนนั้นดวงดาวเต็มฟ้าพอจะมีแสงจันทร์ เดินทัพมาไม่ถึงสิบลี้ พบขบวนเกวียนปักธงเขียนว่า “เสบียงธรรมภักดิ์ค่ายชายน้ำ 水浒寨忠义粮” หลู่จื้อเซินถือไม้เท้าเหล็กเดินนำหน้า
จางชิงคิดว่า “ลาหัวเถิกนี่กบาลน่าโดนหินซัด”
หลู่จื้อเซินสังเกตเห็นแต่ทำเป็นไม่รู้ ก้าวย่างต่อไปเรื่อย ลืมไปเช่นกันว่าต้องระวังหินซัด
จางชิงอยู่บนหลังม้าตะโกนว่า “โดน” หินก้อนหนึ่งซัดถูกหัวหลู่จื้อเซินแตกเลือดไหลหงายหลังลงนั่งพื้น ทหารของจางชิงก็กรูกันเข้ามาชิงเสบียง
อู่ซงใช้มีดศีลคู่เข้าคุ้มกันหลู่จื้อเซินแล้วพาหนี ทิ้งขบวนเกวียนเสบียง
จางชิงชิงเกวียนเสบียงมาได้ ตรวจดูเห็นว่าเป็นเสยียงจริงก็ชอบใจใหญ่ ไม่สนใจจะไล่ตามหลู่จื้อเซิน รีบนำขบวนเสบียงกลับเข้าเมือง เจ้าเมืองเห็นก็ชอบใจเช่นกัน
จางชิงว่า “ต่อไปก็เรือเสบียงในน้ำ”
จางชิงขึ้นม้ามายังประตูเมืองทิศใต้ มองไปนอกเมืองเห็นเรือเสบียงมากเหลือคณา จึงสั่งให้เปิดประตูเมืองโห่ร้องมากันริมน้ำ
พลันเกิดเมฆฝนดำทมึนปกคลุมฟ้า มืดสนิทจนมองหน้ากันไม่เห็น นี่เป็นอิทธิฤทธิ์อาคมของกงซุนเสิ้ง จางชิงเกิดประหวั่นพรั่นพรึงใคร่ถอยกลับ ลังเลสองจิตสองใจอยู่นั้น มีเสียงโห่ร้องดังสนั่น หลินชงนำทัพม้าหนักบุกตลุยมา ทัพจางชิงกำลังเสียขวัญอยู่หนีเตลิดลงน้ำ หลี่จวิ้น จางเหิง จางซุ่น สามหย่วน สองถง แปดนายทัพน้ำนำทหารน้ำตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งรออยู่ จางชิงพอตกน้ำก็หมดท่า ถูกสามหย่วนจับมัดพาตัวมายังค่าย ทัพน้ำต้อนเชลยมาด้วย เหล่าหัวหน้าทัพบกฉวยโอกาสเข้าระดมตีเมืองซึ่งเหลือเจ้าเมืองป้องกันอยู่โดยลำพัง
พอเสียงปืนใหญ่ดัง ประตูเมืองก็พัง ทหารซ่งเจียงเข้าเมืองได้ รีบไปช่วยผีผมแดงหลิวถัง แล้วมุ่งเก็บกวาดคลังและยุ้งฉางนำกลับเหลียงซาน ส่วนหนึ่งแจกจ่ายชดเชยชาวบ้าน ตัวเจ้าเมืองตงชางผู้นี้ปกติไม่เคยรีดนาทาเร้นจึงไดัรับการละเว้นไม่แตะต้องทั้งครอบครัว
ซ่งเจียงและพวกชุมนุมกันอยู่ ณ ที่ว่าการเมือง หัวหน้าทัพน้ำนำตัวจางชิงมัดไว้พาเข้ามา เหล่าพี่น้องเห็นเข้าต่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะต้องบาดเจ็บด้วยฝีมือจางชิงกันหลายคน ซ่งเจียงก้าวลงจากยกพื้นเข้าไปแก้มัดให้ด้วยตัวเอง ทั้งยังขอขมาว่า “ที่ลบหลู่ท่าน โปรดอย่าได้เก็บไว้คาใจ” แล้วเชิญเข้ามาในห้องโถง
หลู่จื้อเซินโพกผ้าพันแผลที่หัวถือไม้เท้าเหล็กก้าวอาดๆ มาจะเอาไม้เท้าฟาดจางชิง ซ่งเจียงรีบก้าวเข้าขวาง แล้วตวาดสั่งให้ถอยไป “ใครให้ท่านลงมือ”
จางชิงเห็นซ่งเจียงแสดงน้ำใจเช่นนั้น จึงกราบคำนับยอมสามิภักดิ์ ซ่งเจียงให้นำสุรามากระทำสัตย์ รดพื้นคารวะ แล้วหักดอกศรกล่าวคำสาบาน
“แม้นมีพี่น้องยังคิดแก้แค้น เทพเบื้องบนขออย่าคุ้มครอง ต้องตายภายใต้คมหอกคมดาบ”
เหล่าพี่น้องได้ฟัง ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง
จางชิงเป็นกลุ่มดาวเทพฟ้าเทียนกังคนสุดท้ายที่เข้าร่วมกลุ่มเหลียงซาน แต่ไม่ใช่คนท้ายที่สุด ยังมีกลุ่มดาวมารดินตี้ส้าคนสุดท้ายที่จะเข้าสมทบครบ 108 คน
จางชิงกล่าวแนะนำแก่ซ่งเจียงว่า ที่เมืองตงชางนี้มีสัตวแพทย์ฝีมือดี แซ่หวงฝู่ 皇甫 ชื่อตวน 端 เชี่ยวชาญการดูลักษณะม้า อีกทั้งรู้จักสารพัดโรคที่เกิดขึ้นกับม้า สามารถรักษาทั้งการให้ยาหรือฝังเข็ม เปรียบได้ดัง ป๋อเล่อ 伯乐 (คนรัฐฉินยุคชุนชิว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องม้า) หวงฝู่ตวนพื้นเพเป็นชาวเมืองอิวโจว 幽州 มีนัยน์ตาสีเขียวเคราเหลือง หน้าตาเหมือนคนต่างด้าว จึงมีฉายาว่า เฒ่าเคราม่วง 紫髯伯
传家艺术无人敌,安骥年来有神力。
回生起死妙难言,拯惫扶危更多益。
鄂公乌骓人尽夸,郭公騄駬来渥洼。
吐蕃枣骝号神驳,北地又羡拳毛騧。
腾骧騋駜皆经见,衔橛背鞍亦多变。
天闲十二旧驰名,手到病除难应验。
古人已往名不刊,只今又见皇甫端。
解治四百零八病,双瞳炯炯珠走盘。
天集忠良真有意,张清鹗荐诚良计。
梁山泊内添一人,号名紫髯伯乐裔。
เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไร้เทียบเคียง
คู่มือสัตว์เลี้ยงอันจี้วิเศษเหลือ
ฟื้นชีพจากมรณังช่างเหลือเชื่อ
ยิ่งทรงคุณจุนเจือแก้อ่อนล้า
อูยากาดำแห่งเอ้อกงอันเลิศเลอ
ลู่เอ่อของกวอกงจาก ว่อวา
เจ่าหลิวจากทิเบตอันล้ำค่า
ฤๅอาชาขาวด่างข้างอุดร
สารพัดม้าดีล้วนเคยพบ
ทรงเครื่องครบออกรบผ่านสมร
คอกหลวงหรือตำนานสิบสองอัสดร
ถึงมือถอนโรคหายกันทั่วถ้วน
แต่โบราณผ่านมาจารึกชื่อ
ปัจจุบันนั้นคือหวงฝู่ตวน
รักษาสี่ร้อยแปดโรคทั้งมวล
มุกควรค่าทอประกายในม่านตา
ชุมนุมดาวทรงธรรมมาจุติ
จางชิงริแนะนำผู้ทรงค่า
สู่เหลียงซานอีกหนึ่งชื่อเพิ่มมา
สืบป๋อเล่อฉายาเฒ่าเคราม่วง
(ปกิณกะอันจี้ 安骥集 หนังสือรวบรวมความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดย หลี่สือ 李石 สมัยถัง
อูยา 乌骓 ลู่เอ่อ 騄駬 เจ่าหลิว 枣骝 ม้าขาวด่าง เป็นม้ามีชื่อเสียงในตำนาน
ว่อวา 渥洼 ชื่อแหล่งกำเนิดม้าพันธุ์ดีในตำนาน)
ซ่งเจียงเห็นบุคลิกหวงฝู่ตวนโดดเด่นเหนือธรรมดาก็ชอบใจยิ่ง หวงฝู่ตวนเห็นซ่งเจียงมีคุณธรรมน้ำใจก็ยินดีเป็นผู้ติดตาม
ทัพซ่งเจียงกลับถึงค่ายเขาเหลียงซาน ซ่งเจียงให้เบิกตัวกงว่าง ติงเต๋อซุนมาเกลี้ยกล่อมให้สามิภักดิ์ ทั้งสองก็ยินดี
หลังกลับจากศึกเมืองตงผิงและเมืองตงชาง พี่น้องเหลียงซานทั้งหมดมีหนึ่งร้อยแปดคน ซ่งเจียงปลื้มใจยิ่งเอ่ยแก่เหล่าพี่น้องที่มาชุมนุมในหอธรรมภักดิ์ว่า
“นับแต่ข้าซ่งเจียงก่อความวุ่นวายที่เมืองเจียงโจว ได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากเหล่าพี่น้องยกให้ข้าเป็นผู้นำ มาวันนี้เหล่าพี่น้องเรามีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยแปดคน เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง นับแต่ท่านพี่เฉาไก้กลับสู่สรวงสวรรค์แล้ว ทัพเราลงเขาก็ล้วนแคล้วคลาดกลับมา นี่เป็นด้วยสวรรค์คุ้มครอง แม้จะถูกจับเป็นเชลย ต้องคุมขัง หรือได้รับบาดเจ็บ ในที่สุดก็ผ่านไปได้โดยสวัสดิภาพ
บัดนี้ทั้งร้อยแปดคนต่างชุมนุมอยู่ต่อหน้า แต่เดิมมายังไม่เคยบัดพลีขอบคุณสวรรค์ ข้าจึงใคร่จัดทำพิธีหลอเทียนต้าเจี้ยว 罗天大醮 ตอบแทนพระคุณทวยเทพและฟ้าดิน ด้วยเหตุผลสามประการ
หนึ่งคือ ขอให้ปกปักรักษาเหล่าพี่น้องให้มีความสุขความเจริญ
สอง คือ หวังให้ราชสำนักทรงโปรดนิรโทษโดยไว เพื่อให้เหล่าพี่น้องมีโอกาสหวนกลับไปทุ่มเทแรงกายแรงใจปกป้องบ้านเมืองจนกว่าชีวิตจะหาไม่
สาม คือ ขอให้ดวงวิญญาณของท่านพี่เฉาไก้ได้จุติใหม่บนสรวงสวรรค์ ทุกชาติทุกภพ ขอให้ได้พบกันใหม่ แคล้วคลาดปลอดภัยจากผองภยันตราย
ข้าคิดเห็นเช่นนี้ มิทราบเหล่าน้องพี่คิดเห็นกันเช่นไร”
เหล่าพี่น้องว่า “นี่เป็นเรื่องมงคลสร้างบุญกุศล พี่ท่านดำริสมควรยิ่ง”
อู๋ย่งว่า “ก่อนอื่นต้องขอเชิญท่านกงซุนเสิ้งอีชิง เป็นประธานประกอบพิธีต้าเจี้ยว จากนั้นให้คนไปเชิญนักพรตผู้ทรงคุณจากทั่วสารทิศมาอีกสี่สิบแปดรูป รวมเป็นสี่สิบเก้ารูป ทั้งยังต้องให้คนจัดซื้อธูปเทียนเครื่องกระดาษ เครื่องใช้ในพิธีและอาหาร”
กำหนดวันเริ่มประกอบพิธีวันที่สิบห้าเดือนสี่ พิธีดำเนินทั้งวันและคืนเป็นเวลาเจ็ดวัน พิธีใหญ่สำคัญงานตระเตรียมที่ต้องทำนั้นมีมาก จัดทำธงทิว สร้างหอสักการะสูงสามชั้นประดิษฐานเทพปรมาจารย์เจ็ดเป่าสามชิง เทพหมู่ดาวยี่สิบแปดหมู่ สิบสองวัง ด้านนอกยังมีเทพขุนพลชุย หลู เติ้ง โต้ว ทั้งสี่องค์ และจัดวางเครื่องบัดพลีต่างๆ
ถึงกำหนดวัน ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้เป็นประธาน อู๋ย่งนำเหล่าพี่น้องจุดธูป กงซุนเสิ้งเป็นประธานทำพิธีดำเนินไปเจ็ดวันเจ็ดคืน ซ่งเจียงยังให้กงซุนเสิ้งอ่านฎีกาคำขอชิงฉือ 青词 แก่เทพบิดรขอให้ทรงตอบรับด้วย
ในคืนสุดท้ายเวลายามสาม กงซุนเสิ้งประกอบพิธีอยู่บนหอชั้นบนสุด เหล่านักพรตอยู่ชั้นสอง ซ่งเจียงและเหล่าพี่น้องอยู่ชั้นสามล่างสุด มีเสียงฟ้าลั่น ฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือปรากฏประตูสวรรค์เปิดออกรูปร่างเหมือนเม็ดข้าวห้วท้ายแหลมตรงกลางป่อง อาจเรียกได้อีกว่า ดวงตาสวรรค์เปิด มีลูกไฟรูปรังผึ้งกลิ้งออกมาแล้วกลิ้งลงจากหอไปตามพื้นมุดดินหายไปทางทิศใต้
ซ่งเจียงให้คนขุดดินตรงที่ลูกไฟมุดหายไปลึกราวสามฉื่อ ก็พบแท่งหินประหลาดมีอักษรยันต์หงส์มังกร 龙章凤篆 (ชื่ออักษรยันต์สำนักหนึ่ง เขียนแบบไม่มีใครอ่านออก ไม่ได้หมายถึงภาพหงส์มังกร) และอักษรสวรรค์หน้าตาเหมือนตัวลูกอ๊อดมีหัวมีหางที่ไม่มีใครอ่านออก สลักยั้วเยี้ยอยู่ทั้งสองหน้า
แต่ปริศนาก็ไขได้โดยบังเอิญว่า ในหมู่นักพรตที่เชิญมาร่วมพิธีจากภายนอกนั้น มีรูปหนึ่งคงแก่เรียนแซ่เหอ นักพรตเหอพินิจดูอักษรสลักแล้วบอกว่า อักษรนี้เรียกอักษรเคอโต่ว (蝌蚪 ลูกอ๊อด) ที่อาจารย์ของท่านมีคู่มือแปลและเผอิญอีกที่ท่านได้นำติดตัวมาด้วย
หลังจากแปลถอดความอยู่พักใหญ่  นักพรตเหอก็เฉลยว่า แท่งหินนี้สลักรายชื่อของเหล่าผู้กล้าเอาไว้  บนหัวแถวหน้าหนึ่งสลักอักษรสี่คำแปลความได้ว่า “替天行道 ผดุง ธรรม แทน ฟ้า”   อีกหน้าหนึ่งบนหัวแถวสลักอักษรสี่คำว่า “忠义双全 พร้อม ภักดิ์ รัก ธรรม” หน้าแรกเป็นรายชื่อของดาวเทพฟ้าเทียนกัง 天罡 ทั้ง 36  หน้าหลังเป็นรายชื่อของดาวมารดินตี้ส้า 地煞 ทั้ง 72 พร้อมกำกับชื่อเหล่าผู้กล้าต่อท้ายหมู่ดาว ซ่งเจียงจึงให้บัณฑิตหัตถ์เทวะ เซียวย่าง คัดลอกรายชื่อเอาไว้
忠义英雄迥结台,感通上帝亦奇哉!
人间善恶皆招报,天眼何时不大开!
วีรชนทรงธรรมภักดิ์สมัครสมาน
ยากพบพาน ตระหนักรู้ ถึงสรวงสวรรค์
สนองกรรมดีชั่ว ทั่วโลกหล้า สารพัน
เป็นสาเหตุเนตรสวรรค์พลันเปิดมอง
ซ่งเจียงเห็นรายชื่อแล้วกล่าวว่า “ที่แท้ข้าน้อยเป็นหัวหน้าหมู่ดาว 星魁  เหล่าพี่น้องก็ล้วนเป็นพวกพ้องมาจุติ สวรรค์จัดลำดับตามกลุ่มดาวเทียนกังตี้ส้าเอาไว้แล้ว มิอาจขัดบัญชาสวรรค์”
ไม่รู้ได้ว่า ซ่งเจียงแอบเอาแท่งหินไปฝังไว้แต่เมื่อใด และนัดแนะกับนักพรตเหออย่างไร แต่เมื่อเป็นลิขิตสวรรค์แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าต่อล้อต่อเถียงกับฟ้า ต่างยอมรับลำดับที่ฟ้ากำหนด
ตอนก่อนหน้า : ศรไร้ขน
ตอนถัดไป : เทียนกังตี้ส้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา