18 ต.ค. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

สรุปธุรกิจ Alphabet เจ้าของ YouTube และ Google ที่ทำเงินได้ 8,000,000,000,000 บาท

ถ้าถามว่ามูลค่ารายได้กว่า 8 ล้านล้านบาท ที่บริษัท Alphabet เจ้าของ YouTube และ Google ทำได้นั้น ใหญ่มากแค่ไหน
ก็ตอบได้ว่าใหญ่เท่ากับครึ่งหนึ่งของ GDP ประเทศไทยเลยทีเดียว
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะแต่ละวันที่เราตื่นมาทุกวันนี้ ก็แทบไม่มีวันไหนที่เราจะไม่ใช้ Google และ YouTube แล้ว
และถ้าเราอยากเป็นเจ้าของส่วนแบ่งรายได้ตรงนี้ไปด้วย
ก็สามารถซื้อได้ผ่าน DRx ในตลาดหุ้นไทย ที่ชื่อว่า GOOG80X ได้แล้ว
1
อย่างไรก็ตาม กว่าบริษัท Alphabet หรือ Google ในตอนนั้น จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนทั่วโลกได้อย่างแนบเนียนแบบนี้
1
ก็ไม่ได้มีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก เพราะในตอนที่เริ่มตั้งไข่ บริษัทเองก็ต้องเจอกับคู่แข่งมากมายเลยทีเดียว
แล้ว Google กับ YouTube ทำเงินมหาศาลได้อย่างไร ?
1
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
รู้ไหมว่า Google ไม่ได้เป็นเจ้าแรกที่ทำตัวเป็น Search Engine ให้เราค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย
เพราะเมื่อ 26 ปีก่อนหน้านี้ มี Search Engine ให้เราเลือกมากมาย เช่น Infoseek, Excite, Altavista
และเจ้าตลาดในตอนนั้นอย่าง Yahoo..
ช่วงเวลานั้น Search Engine จะไม่ได้แสดงผลเหมือนอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้
โดยในตอนนั้น ถ้าเราค้นหาด้วยคำว่า “ไก่ทอด”
ผู้ให้บริการ Search Engine โดยเฉพาะ Yahoo
จะแสดงเว็บไซต์ต่าง ๆ ออกมา ด้วยการนับคำว่าไก่ทอด
มีมากแค่ไหน ไล่เรียงจากมากไปน้อย
1
ทำให้บางครั้ง เนื้อหาในเว็บไซต์แทบไม่ได้เป็นสิ่งที่เราอยากได้เลยด้วยซ้ำ
น้องใหม่อย่าง Google ที่เห็นปัญหาตรงนี้ เลยเลือกแก้ปัญหาด้วยการจัดอันดับเว็บไซต์ ตามจำนวนคนดู และเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เรียงลำดับจากมากไปน้อย
ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สวนกระแสในตอนนั้น และ Google ก็พร้อมที่จะทำ เพราะอยากทำให้ตลาด Search Engine ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
คำว่าไก่ทอดของ Google จึงแสดงออกมาเป็นเว็บไซต์
ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไก่ทอดมากขึ้น
ผู้ใช้งานบางส่วน จึงค่อย ๆ หันมาใช้ Google แทนเจ้าตลาดอย่าง Yahoo มากขึ้น เพราะค้นหาได้ตรงตามความต้องการ แถมยังใช้งานง่ายกว่าด้วย
กว่า Yahoo จะรู้ตัว ก็โดนน้องใหม่อย่าง Google
เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปอย่างมหาศาลแล้ว
Yahoo จึงพยายามปรับโมเดลธุรกิจ แต่ก็ทำพลาดเป็นหนที่สอง
ในขณะที่ Yahoo เลือกแสดงโฆษณาบนหน้าค้นหาแรกของตัวเอง ทำให้ดูรกหูรกตาไปหมด จนผู้ใช้งานยิ่งหนีไปใช้ Google มากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ Google เลือกขายโฆษณาบนเว็บไซต์ ด้วยโมเดลการประมูลคำค้นหา ใครที่เสนอราคาประมูลคำคำนั้นได้มากที่สุด ก็จะได้คำหรือ Keyword ตรงนั้นไป
สุดท้าย Google ก็กลายเป็นผู้ชนะในตลาด Search Engine และทำให้เกิดวลีที่ว่า “อยากรู้อะไรก็ไปถามกูเกิล” มาจนถึงทุกวันนี้
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำให้ Google ต่อยอดธุรกิจตัวเองจากเม็ดเงินโฆษณา จนสามารถทุ่มซื้อกิจการ YouTube ในราคา 57,000 ล้านบาท ทั้งที่ก่อตั้งได้แค่ปีเดียว
แม้ตอนนั้น หลายคนคงหัวเราะว่า Google บ้ามาก
ที่ซื้อธุรกิจแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอ ที่มีราคาแพง แถมยัง
ทำเงินไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ Google ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนา YouTube ต่อไป
จนสามารถสร้างรายได้จากโฆษณา แถมยังเก็บค่าสมัครรายเดือนจาก YouTube Premium กับคนที่ไม่ต้องการดูโฆษณาได้อีกด้วย
และทุกวันนี้ก็ไม่มีใครสงสัยอีกแล้วว่า Google จะซื้อ YouTube มาทำไม เพราะคนที่วิจารณ์ในตอนนั้น วันนี้ก็คงกำลังเปิดหาอะไรดูใน YouTube ตอนกินข้าวอยู่ก็ได้
Google เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ในปี 2015 เพราะตอนนี้ทางบริษัท กำลังดูแลธุรกิจทั้ง Google และ YouTube
ซึ่งปีที่แล้ว รายได้จากโฆษณาที่ได้จาก Google และ YouTube มากถึง 8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 77% ของ
รายได้ทั้งหมดที่ Alphabet ทำได้
โดยรายได้ตรงนี้ มาจาก
- รายได้โฆษณาบน Google Search และส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทที่เอา Google เป็นเว็บไซต์ค้นหาเริ่มต้น 74%
- รายได้โฆษณาบน YouTube 13%
- รายได้ Google Ads เครื่องมือจัดการโฆษณา 13%
และนอกจากรายได้โฆษณาแล้ว รายได้ที่เหลือของ Alphabet ก็มาจากค่าสมาชิกรายเดือน YouTube Premium และ YouTube Music, Google Cloud รวมถึงส่วนแบ่งรายได้บน Google Play
ด้วยโฆษณาที่ขายให้คนทั่วโลกยกเว้นจีนได้เห็น
ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมรายได้โฆษณาบน Google และ YouTube จะมากถึง 8 ล้านล้านบาท..
#ลงทุน
#DRx
#DRวันละตัว
โฆษณา