รื้อคดีดังฆ่าพ่อแม่ตัวเอง โหดร้ายหรือน่าสงสารกับคดีพี่น้องเมเนนเดช
ในยุค 90 มีคดีสุดโหดเหี้ยมที่สร้างความสะเทือนขวัญไปทั่วโลก
ย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 1989 ได้มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหาตำรวจเพื่อแจ้งเหตุฆาตกรรมในคฤหาสน์หรูย่านเบเวอร์ลีฮิลล์ ซึ่งปกติแล้วย่านนี้จะมีแต่คนรวยคนมีชื่อเสียงและไม่เคยมีเหตุฆ่าคนตายมาก่อน
เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุก็ได้พบร่างผู้เสียชีวิตสองราย คนแรกคือ โฮเซ เมเนนเดซ ผู้มีอิทธิพลคนดังในวงการบันเทิง กับ คิตตี เมเนนเดซ ภรรยาของโฮเซ ทั้งสองถูกสังหารด้วยอาวุธปืนลูกซองจำนวนหลายนัด สภาพร่างถูกยิงจนพรุน เป็นการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม
ตำรวจค้นหาหลักฐานในที่เกิดเหตุก็ไม่พบร่องรอยการชิงทรัพย์ ตำรวจพบลูกชายทั้งสองคนยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ คนแรกคือ ไลล์ เมเนนเดซ ลูกชายคนโตและเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ อีกคนคือ อิริค เมเนนเดซ ลูกชายคนเล็ก ทั้งคู่ให้การกับตำรวจว่าไปดูหนังด้วยกันก่อนกลับมาที่บ้านเจอร่างพ่อแม่ที่ถูกฆาตกรรมจึงได้โทรแจ้งตำรวจให้รีบมาโดยเร็ว
คดีนี้กลายเป็นคดีใหญ่ที่ทุกคนต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งตำรวจก็ระดมกำลังตามหาฆาตกร ทางอัยการก็ลงมาหาหลักฐาน โดยในตอนแรกตำรวจสันนิษฐานว่าอาจเป็นพวกเจ้าพ่อมาเฟียที่เป็นคู่แข่งกับตัวโฮเซ แต่ต่อมาตำรวจได้รับเบาะแสสำคัญว่า ภายหลังพ่อแม่เสียชีวิต ตัวไลล์และอิริคต่างใช้เงินฟุ่มเฟื่อยเอาไปซื้อของหรูหราราคาแพงจำนวนมากผิดจากปกติที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ตำรวจจึงได้หันเป้าผู้ต้องสงสัยมาที่ตัวไลล์และอิริค แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจนเพราะในวันเกิดเหตุพวกเขาไม่ได้ตรวจคราบเขม่าดินปืนกับทั้งสองคน
เวลาผ่านไป 6 เดือนหลังเกิดเหตุฆาตกรรม ได้มีผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนจิตแพทย์ที่รักษาอิริค ได้แจ้งกับตำรวจว่าไลล์และอิริคได้สารภาพระหว่างการบำบัดจิตใจว่าเป็นคนลงมือฆ่าพ่อแม่ตัวเอง ซึ่งมันได้ถูกบันทึกไว้ในเทปด้วย
ตำรวจจึงใช้อำนาจทางกฎหมายให้จิตแพทย์มอบเทปเหล่านั้นกับพวกเขา แล้วขอหมายจับกับทางศาล ตัวไลล์ถูกเข้าควบคุมตัวทันที ส่วนอิริคที่กำลังไปตีเทนนิสอยู่ต่างประเทศเมื่อทราบข่าวก็เดินทางกลับมามอบตัว แล้วทั้งสองคนก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ตัวเองจริงๆ
คำสารภาพนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ ทุกคนตั้งข้อสงสัยว่าครอบครัวที่ร่ำรวย ดูดี สมบูรณ์พร้อมทำไมถึงเกิดเหตุฆาตกรรมสุดโหดแบบนี้ได้ อัยการชี้ว่ามูลเหตุจูงใจฆาตกรรมคือทรัพย์สินเงินทอง การตัดสินคดีความจึงเป็นที่จับตาจนถึงขนาดมีการถ่ายทอดสดให้คนข้างนอกได้รับชม
ซึ่งในขณะที่ไต่สวน คนทั่วไปก็ต้องช็อกเมื่อไลล์และอิริคได้ขึ้นให้ปากคำพร้อมเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าพวกเขาถูกโฮเซพ่อแท้ๆ ล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่เด็กและถูกกระทำหลายครั้ง พวกเขาอ้างว่าโฮเซได้ขู่ฆ่าหากพวกเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น มันทำให้พวกเขาตัดสินใจฆาตกรรมเพื่อหาทางเอาตัวรอด ส่วนในรายของคิตตี้ที่เป็นแม่ พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าด้วย เพราะแม่น่าจะโทรแจ้งความ อีกทั้งพวกเขาคิดว่าแม่น่าจะอยู่ต่อเองไม่ได้ถ้าไม่มีพ่ออยู่แล้ว
นอกจากนี้ทางทนายของไลล์และอิริคยังได้นำญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของทั้งคู่มาเป็นพยาน โดยลูกพี่ลูกน้องได้ให้การว่าเมื่อตอนเด็กๆ ที่เธอได้ไปนอนข้างที่บ้านของไลล์และอิริค มีอยู่คืนหนึ่งที่อิริคได้ลงมาบอกเธอที่ห้องนอนว่าเขาถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อลูกพี่ลูกน้องได้ยินดังนั้นจึงไปบอกเรื่องนี้กับคิตตี้ แต่คิตตี้กลับไม่พูดอะไรพร้อมกับพาตัวไลล์ขึ้นไปข้างบน เธอจึงคิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน จนเมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นมาเธอจึงนึกถึงเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
จากคำให้การนี้ทำให้ความเห็นของคณะลูกขุนเสียงแตก ด้านหนึ่งมองว่าคำให้การของไลล์และอิริคเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อต้องการลดโทษ อีกด้านหนึ่งรู้สึกเห็นใจที่ไลล์และอิริคถูกล่วงละเมิดทางเพศจนกลายเป็นปมเหตุฆาตกรรม ความเห็นของคณะลูกขุนจะส่งผลบทลงโทษให้กับทั้งคู่ ซึ่งในเคสนี้จะออกมาได้ 2 ทาง
1. หากคณะลูกขุนมองว่าทั้งคู่ตั้งใจฆาตกรรม โดยวางแผน คิดไตร่ตรองมาดี จะมีบทลงโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต
2. หากคณะลูกขุนมองว่าทั้งคู่ก่อเหตุเพราะต้องการป้องกันตัวเอง โดยเข้าใจว่าทั้งคู่อาจถูกพ่อฆ่าได้หากปฏิเสธการล่วงละเมิด บทลงโทษจะลดหย่อนติดคุก 5-15 ปี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางศาล
คณะลูกขุนใช่เวลาถกเถียงนานเกือบเดือนก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จนในที่สุดวันแถลงปิดคดี คณะลูกขุนได้แถลงว่าเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ เสียงแตกออกเป็น 50%-50% ทำให้การพิจารณาคดีครั้งนี้ต้องยกเป็นโมฆะ
เวลาผ่านไปเป็นปี ศาลได้เปิดการไต่สวนพิจารณาคดีอีกครั้งขึ้นมา โดยผู้พิพากษารู้สึกเสียหน้ามากที่การไต่สวนครั้งแรกไม่สามารถหาข้อสรุปได้ การพิจารณาคดีครั้งที่ 2 นี้เขาจึงจำเป็นต้องหาบทลงโทษให้ได้ เขาไม่อนุญาตให้ไลล์และอิริคขึ้นให้การ รวมทั้งตัดพยานลูกพี่ลูกน้องคนสำคัญออกด้วย ทำให้คณะลูกขุนต้องตัดสินจากหลักฐานการฆาตกรรมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เอาปมประเด็นสภาพจิตใจหรือการถูกล่วงละเมิดขึ้นมาประกอบการตัดสิน
คำตัดสินของคณะลูกขุนจึงออกมาว่าเป็นการฆาตกรรมที่ตั้งใจ โดยมีการวางแผน คิดไตร่ตรองมาดีแล้ว แต่ทางคณะลูกขุนมองว่าไม่ควรเอาโทษถึงประหารชีวิต ศาลจึงตัดสินลงโทษไลล์และอิริคให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการลดหย่อนโทษ
ไลล์และอิริคถูกจับแยกจำคุกตั้งแต่นั้นมา เวลาผ่านไป 30 กว่าปี ประเด็นการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ถูกหยิบมาพูดแพร่หลายมากขึ้น และกระแส #MeeToo
รวมไปถึงซีรีส์ทาง Netflix เรื่อง Monsters : The Lyle and Erik Menendez Story ที่เอาคดีนี้มาทำ ได้ก่อให้เกิดความสนใจของสาธารณชนต่อคดีฆาตกรรมนี้อีกครั้ง มี Content มากมายในหมู่วัยรุ่นที่ได้ทราบเรื่องราวคดีนี้รู้สึกว่าบทลงโทษต่อไลล์และอิริคมากเกินไป เพราะทั้งคู่ถูกล่วงละเมิดทางเพศมา ซึ่งในยุคนั้นประเด็นนี้ไม่ถูกยอมรับให้เปิดเผยออกมา การหาทางออกโดยวิธีฆาตกรรมจึงน่าเห็นใจ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา จอร์จ กัสคอน อัยการเขตลอสแองเจลิส ได้กล่าวว่ากำลังมีการพิจารณาว่าจะนำคดีพี่น้องเมเนนเดซกลับมาไต่สวนใหม่หรือไม่ โดยอ้างอิงจากหลักฐานใหม่ที่มีเข้ามาเพิ่มเติมถึงเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ข่าวนี้ได้ทำให้ไลล์กับอิริคมีความหวังขึ้นมา เพราะนั่นเท่ากับว่าพวกเขามีสิทธิได้ออกมาใช้ชีวิตในฐานะคนปกติอีกครั้งหนึ่ง
แต่ในอีกด้านหนึ่งลุงของพวกเขาได้ออกมาให้ความเห็นว่า หลานเขาทั้ง 2 คนควรติดคุกไปตลอดชีวิต การถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่อย่างไร มันก็ไม่ใช่เหตุผลมากล่าวอ้างเหตุฆาตกรรม
ต้องติดตามว่าคดีนี้จะถูกนำมารื้อพิจารณาคดีใหม่ไหม และบทลงโทษจะยังคงเป็นแบบเดิมหรือจะลดลงหรือไม่อย่างไร คงต้องติดตามข่าวกันต่อ ซึ่งหากใครอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนี้ สามารถเข้าไปดูสารคดีเรื่อง The Menendez Brothers ทางช่อง Netflix กันได้ครับ
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
