18 ต.ค. เวลา 05:18 • ความคิดเห็น
คนเรานั่น มันพูดได้ มันจดจำได้ อ่านออกเขียนได้ เหมือนที่เราเอาตา ..ตาที่มีอารมณ์เป็นอัตตา ไปดูนั่นดูละคร เราก็เห็นมีตาไปเห็น มีหูได้ยิน ไอ้คนนั้นคนนี้ ทำไม่ดี ทำชั่ว หรือว่าทำดี ..เราก็อาจไปอิจฉาเค้าเสียอีก
พอเห็นคนทำไม่ดี ยิ่งเราเรียนรู้มามากอ่านมา จดจำเรื่องนั่นเรื่องนี้ มีความเก่งฉลาดก็ิเเอามาพูดได้ ที่เค้าเรียกว่า พูดรู้จักไปตามอารมณ์กรรมตัวกระทำ มันก็ไม่รู้จัก ..มองไม่เห็นอารมณ์ที่สั่งจิตให้พูดได้ ..เหมือนมีใครเอาเข็มมาแทงมาจิ้มแรง ปากก็ร้อง ..โอ้ย..เจ็บ นั่นแหละเป็นเสียงที่ร้องไปตามอารมณ์ที่สั่งจิต ให้ไปสั่งกายให้ร้อง. โอ้ย
เรื่องของการเรียนรู้จักอารมณ์ กิเลสตัณหาต่างๆ อารมณ์ตัวการสามตัวใหญ่ มีคำภีร์ตำรากล่าวไว้มากมาย เรียนจนจบพระไตรปิฏก ก็จำมาพูดได้ ยิ่งเก่งฉลาด ก็เอาทิฐิของตนใส่ลงไป ..แต่งเติมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปให้คยเค้านับถือ นิยมชมชอบ แล้วจิตดวงนั้นจะได้อะไร
เรื่องบาปบุญคุณโทษ มันต้องใช้กายใช้จิตมาสร้างบุญกุศล ..ไม่ได้ใช้อารมณ์โลกโกรธหลงมาสร้างบุญกุศล ..เมื่อใช้กายใช้จิต มาสร้างบุญกุศล มีการประพฤติปฏิบัติธรรมตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็จะค่อยรู้จักคำว่า บุญ คำว่า บาปกรรม คำว่า บานมี หนีกรรม ท่านทำกันอย่างไร มันค่อยเรียนรู้ขึ้นมา ..บางท่านก็เคยสะสมมา หลายชาติ ที่รู้จักบุญกุศลบารมี นั้นทำกันอย่างไร ไม่ใช่พูดไปตามอารมณ์ที่มีตามีหูจดจำมา
โฆษณา