18 ต.ค. เวลา 12:54 • ข่าวรอบโลก

ทั้งสองฝ่ายกำลังบูรณาการสงคราม ….

ยิ่งใกล้เลือกตั้งสหรัฐ ฝ่ายตรงข้ามของสหรัฐ
ก็เร่งใช้จังหวะนี้ เพื่อกระพือสถานการณ์เต็มที่
ทั้งเกาหลีเหนือระเบิดถนนตัดขาดกับเกาหลีใต้
แถมยังมีหลักฐาน ว่าส่งทหารไปยูเครนแล้ว
จีนก็ซ้อมรบร่วมกับรัสเซียแถวไต้หวัน
ปูตินก็เร่งสถานการณ์ในยูเครนสุดขีด
พร้อมกับกระชับความสัมพันธ์ ส่ง S400 ให้อิหร่านเพิ่ม
…เรียกว่าเปิดหน้าชน แบบนี่พวกข้ากันตรงๆเลย…
มุมหนึ่ง มันอาจเป็นธรรมดาที่เป็นแบบนั้น
เพราะฝ่ายตรงข้ามสหรัฐนั้นรู้ดี
ว่าช่วงใกล้เลือกตั้งแบบนี้ สหรัฐไม่กล้าทำอะไรมาก
เพราะฝ่ายการเมืองในรัฐบาลกลัวมีผลกับการเลือกตั้ง
….ที่ไบเดน และลูกน้อง ทั้งลอยด์ ออสติน และบลิงเคน
ต้องออกมาเบรคอิสราเอลเรื่อยๆ มันก็เพราะเรื่องนี้…
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าดูดีๆ สหรัฐและชาติตะวันตก
ไม่ได้มีท่าทีลดราวาศอก ทุกประเด็น อย่างที่ปากว่าเลย…
นี่ล่าสุด สหรัฐถล่มฮูตีอีกแล้ว รอบสองในรอบไม่กี่วัน
รอบนี้หนัก และยับเยินมาก สำหรับคลังแสงของพวกฮูตี
ทางยุโรป แคนาดา ก็ออกมาให้การสนับสนุนยูเครนเพิ่ม
และเที่ยวนี้สหรัฐเล่นใหญ่ ประกาศศักดาเอา B-2
บินข้ามโลกจากสหรัฐมาถล่มถึงเยเมนเลยทีเดียว
ทั้งที่ใช้แค่ F-15 จากเรือแถวนั้นก็เหลือเฟือ….
…มันเลยยิ่งชัดเจนเลยว่า อเมริกาต้องการสื่ออะไร…
…มันคืออเมริกาต้องการบอกว่า ชั้นถล่มแกได้ทุกเมื่อ
โดยที่แกไม่มีทางรู้ตัวได้เลย เพราะรอบนี้ ทางพันธมิตรของอิหร่าน ไม่มีใครทราบเลย จนตูมแล้วนั่นแหละ ถึงรู้…
…น่ากลัวกว่าไฮเปอร์โซนิคอีก….
มันเป็นเหมือนการที่อเมริกาบอกพันธมิตรทั่วโลก
ว่าพวกเขายังเจ๋งอยู่ สบายใจได้ ไม่มีทิ้งกัน อะไรทำนองนั้น
ที่เป็นอยู่ทั้งหมด มันบอกเราได้ว่า สถานการณ์สงครามทั่วโลก
กำลังถูกทั้งสองฝ่ายตะล่อม รัดให้คู่ขัดแย้งที่กระจัดกระจาย
หลายสถานการณ์ หลายคู่กรณีเข้าด้วยกัน
…จนน่ากลัวว่าอาจลุกลามเป็นสงครามใหญ่กว่านี้ได้….
ที่ผ่านมา แม้เราจะรู้ดีกว่า จุดร้อนที่ขัดแย้งต่างๆกันบนโลก
มีจุดมุ่งหมาย และเบื้องหลังที่สำคัญที่สุดแค่สองชาติ
… คือ สหรัฐและจีน….
แม้แต่รัสเซีย ที่ออกหน้าโดยตรง ก็ไม่ใช่ผู้บงการ
และตัดสินใจอะไรเองโดยลำพังได้ พวกเขาก็แค่หนังหน้าไฟของจีน ที่ต้องการสร้างดุลอำนาจแบบใหม่ของโลก….
หลายสมรภูมิ เดิมนั้นมันเลยยังดูแยกกัน แบบกั๊กๆ
ด้วยหลายเหตุผล ซึ่งทำให้มันรวมกันลำบาก
เช่น
กรณีจีนเอง ยังมีผลประโยชน์อยู่มากในยูเครน
หรือรัสเซียเอง เดิมนั้นมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี
กับทางอิสราเอล ระดับสูงหลายคนของรัสเซีย
ถือสัญชาติอิสราเอล โดยเฉพาะฝ่ายหาเงิน
ความลักลั่นของความสัมพันธ์ในมหาอำนาจระดับกลาง
ต่างๆ อย่างซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐ รักสามเส้าของ
จีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ มันก็อิรุงตุงนังไปหมด
…แต่ตอนนี้ดูเหมือนสิ่งเหล่านี้ จะถูกโยนทิ้งถังขยะไปก่อน
แล้วไปเน้นวาระหลัก คือแบ่งออกเป็นสองก้อนใหญ่ให้จบ
ก่อนที่จะทำอะไรต่อไป….
รัสเซียตอนนี้เท่ากับสะบั้นความสัมพันธ์กับอิสราเอลไปแล้ว
ซึ่งอันนี้ปูตินก็ต้องเผชิญกับ oligarchs ภายในล่ะ
..เพราะพวกนี้มีผลประโยชน์ มีความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติ
ที่ดีมากกับอิสราเอล เป็น ยิวโปล ยิวสลาฟ ยิวโบฮิเมียน
ซะเยอะมาก มักมีหน้าที่หาเงินให้รัฐ ด้วยการเอาไปลงทุน
ตามที่ต่างๆทั่วโลก…
จีนเองก็เปิดหน้ามากขึ้น ในการสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ
ให้รัสเซียใช้ในสงครามยูเครน และยอมให้รัสเซียทำลายโรงงานของตัวเองไปหลายแห่ง เพราะเกรงว่ายูเครนจะใช้
โรงงานเหล่านี้ มาผลิตอาวุธต่อต้านรัสเซีย….
1
พูดง่ายๆ คืออะไรที่คาใจกัน
ในกลุ่มของฝ่ายต้านสหรัฐ เขาก็เร่งเคลียร์ปัญหาคาใจ
เพื่อกระชับความสัมพันธ์กันเฉพาะหน้าให้เร็วที่สุดนั่นเอง
เพราะต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ฝ่ายจีนนั้น
เดิมมันยังมีการขบเหลี่ยม ชิงการนำ ข้อคลางแคลงใจกันเยอะ
…เรื่องความเหนียวแน่นนี่ ฝ่ายสหรัฐมีเปรียบเยอะ
ฝ่ายจีนจึงต้องรีบกระชับความสัมพันธ์แกนของฝ่ายตนบ้าง
หากอยากจะเล่นเกมส์ยาว เพื่อให้ได้สิ่งที่ฝันไว้….
ผลประโยชน์ ข้อแคลงใจอะไร ช่วงนี้ก็คงวางๆกันไว้ก่อน
เคลียร์กับสหรัฐให้จบ แล้วจะกัดกันเอง ก็ค่อยว่ากัน
เพราะจังหวะมันกำลังได้ ตอนนี้สหรัฐกำลังอ่อนแอที่สุด…
….และมันอาจเป็นโอกาสเดียว ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
ของทั้งปูติน สี่จิ้นผิง และคาเมนาอี ซึ่งก็มีเวลาอีกไม่มากแล้ว…
ทำไมถึงบอกว่าสหรัฐกำลังอ่อนแอที่สุด ?
เรื่องนี้ไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิดเรื่องการล่มสลายของเศรษฐกิจ
หรือว่ากองทัพของพวกเขาอ่อนแอลง และเทคโนโลยี
ล้าหลังคนอื่นแล้วแต่อย่างใด
ถ้าพูดเรื่องพวกนี้ สหรัฐยังอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมาก
และยังเหนือกว่าคู่แข่งเยอะ ต้องใช้เวลาอีกมาก
กว่าจีนที่เป็นคู่แข่งสำคัญจะตามทัน อย่างน้อยก็สิบ ยี่สิบปีแน่
แต่สิ่งที่ทำให้สหรัฐอ่อนแอลง คือ การเมืองภายในของพวกเขา
คาดกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจทำให้สหรัฐวุ่นวายได้
จากการที่คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ไม่ใช่อะไร
ที่คนอเมริกันต้องการมากนักทั้งคู่
…ทั้งสองคน เหมือนแข่งกันว่า ใครมีคนเกลียดน้อยกว่า…
…ไม่ใช่ใครมีผู้สนับสนุนมากกว่า…
แม้ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะไม่ได้อิงกับ
จำนวน สส. มากนัก
แต่ก็คาดว่า ไม่ว่าใครชนะ สหรัฐเองก็ต้อง
มีรัฐบาลที่ค่อนข้างขาดเสถียรภาพในทั้งสองสภา
นี่จะทำให้พวกเขา ต้องสงวนท่าที
กับเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะสงครามเอาไว้ต่อไป
อีกอย่างน้อยๆสองปี…
สหรัฐนั้น มีการเลือกตั้งกลางปี
ใครก็ตามที่ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้
มีความจำเป็นมากที่จะต้องสงวนท่าทีต่อสงครามไว้ต่อไป
เพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่เกลียดสงคราม แห่ไปเลือกฝั่งตรงข้าม
…ยิ่งถ้าคะแนนในการเลือกตั้งที่จะถึงสูสีมาก
ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายชนะ ก็จะทำงานด้านนี้ลำบาก…
…เพราะหากเสียงในสภา เกิดกลับขั้วในกรณีของรีพับลิกัน
ทรัมป์ชนะได้เป็นประธานาธิบดี หรือเดโมแครตชนะ
แต่มี สส. สว. น้อยลงขึ้นมา จากผลการเลือกตั้งกลางปี
มันก็จะยุ่งทั้งสองทาง…
…รัฐบาลสหรัฐ จึงแทบขยับตัวอะไรไม่ได้เลย
ในประเด็นอ่อนไหว ใช้งบเยอะแบบสงคราม…
แม้ในความเป็นจริง สหรัฐเองก็คงสนับสนุนทั้งยูเครน
อิสราเอล และนาโต้ต่อไป โดยไม่อาจเปลี่ยนแปลง
แต่มันจะช้า และไม่ชัดเจน กับพันธมิตรต่างๆ
จากเกมส์การเมืองในสภาฯ ที่คงเล่นกันหนักๆ ค้านกันตลอด
เหมือนที่่เคยเกิดขึ้นปลายปีก่อน
ที่รีพับลิกัน ดึงเรื่องของยูเครนนั่นแหละ
ความช้า ไม่ชัดเจนเหล่านี้นี่เอง ที่จะทำให้สหรัฐ
อยู่ในจุดอ่อนแอที่สุด หากว่ากันถึงเรื่องสงคราม….
ความจริงสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาและเป็นวัตถุประสงค์
ของการเกิดแนวคิดประชาธิปไตย ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เกิดสงครามยากอยู่แล้ว
ประชาธิปไตยสร้างบนแนวคิดพื้นฐานว่า
ระดับชาวบ้านไม่มีใครอยากได้สงคราม
ใครก็ได้ตามที่สร้างสงคราม จะแพ้การเลือกตั้ง
จนไม่สามารถมีอำนาจได้
…ในทางหนึ่งมันคือข้อดี แต่ในยามความขัดแย้งสูง
หรือสภาวะสงคราม มันก็คือจุดอ่อนของรัฐประชาธิปไตยเอง…
ด้วยเหตุผลทางการเมืองสหรัฐที่ว่ามา
ทางฝ่ายศัตรูของสหรัฐย่อมทราบดี ถึงกลไกเหล่านี้
พวกเขาจึงได้ออกมาแอ็คชั่น โชว์ความเหนียวแน่นกันถี่
ในช่วงนี้ ยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งมาก คงยิ่งถี่และแรง
ในทางกลับกัน สหรัฐเองก็ไม่ได้อยู่เฉย
แม้ไม่พูดอะไรมาก ให้ชาวบ้านเมกันด่า
แต่ก็ดำเนินการหลายอย่าง ให้เห็นเป็นรูปธรรม
และสร้างพันธะเอาไว้กับพันธมิตร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
พันธมิตรสหรัฐเอง ก็เข้าใจเรื่องเหล่านี้ดี
และพยายามพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น
หรือพยายามรั้งสหรัฐเอาไว้ด้วยพันธะกรณีต่างๆเช่นกัน
ในกรณีของนาโต้และยุโรป และอิสราเอลนั้น
ด้วยผลประโยชน์ต่างๆ และมุมมองต่อรัสเซีย
ที่สหรัฐและยุโรปเห็นตรงกันว่าเป็นจังหวะดีที่จะทุบ
ให้ตาย คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่
ต่อให้เปลี่ยนเป็นทรัมป์ ก็ไม่มีทางหยุดสงครามยูเครนได้
แถมเขาเองก็มีจุดยืนที่กร้าวร้าวมากต่ออิหร่าน
มันจะต้องมีการแลกเปลี่ยนในสภาฯอย่างแน่นอน
สำหรับการสนับสนุนในทั้งสองสมรภูมิ
ผลการเลือกตั้ง จึงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
สำหรับทั้งยูเครนและอิสราเอล
เพียงแต่ว่า การแบ่งงานกันของกลุ่มพันธมิตรเอง
อาจมีสัดส่วนต่อสมรภูมิที่เปลี่ยนไป
แต่ กรณีของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ทรัมป์เคยมองว่า
ไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเพราะไกลตัวนั้น
พวกเขาแก้เกมส์ด้วยการวางข้อบาดหมางกันลงชั่วคราว
จับมือกันแน่นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วไปรวมหัวกับฟิลิปปินส์ ให้เป็นเหมือนตัวกลางในการรั้งสหรัฐเอาไว้
สหรัฐมีพันธะกับ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์
ว่าต้องช่วยหากถูกรุกราน ที่แน่นหนากว่าเกาหลีใต้
…เมื่อเกาหลีใต้สร้างพันธะกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์
พวกก็จะได้ผลประโยชน์มากที่สุด แบบพลอยฟ้าพลอยฝน
และข้อตกลงเหล่านี้ แม้ไม่มีไต้หวัน แต่ไต้หวันจะได้ด้วย
…เพราะกรณีจีนบุกไต้หวัน มันจะเลี่ยงไม่ได้
ที่จีนจะล้ำน่านน้ำและน่านฟ้าทับซ้อนที่จีนอ้างไว้
ไม่ตรงกับชาวบ้าน ในส่วนของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์
จึงเท่ากับว่า ไต้หวันจะได้รับการปกป้องไปด้วย
อย่างไม่เป็นทางการนั่นเอง…
….นี่คือวิธีการที่ชาติเอเชีย ผูกสหรัฐเอาไว้ เพื่อป้องกันตัว…
มันก็คือการบูรณาการฝั่งเอเชีย ในฝ่ายของสหรัฐ
มีไว้เพื่อรับประกัน ความไม่แน่นอนทางการเมืองนั่นเอง…
ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่งความขัดแย้ง ถูกกระชับ
อย่างไม่เคยมีมาก่อนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
มันอาจดูน่ากังวล ว่าจะกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่
หรือสงครามโลกหรือไม่ เมื่อต่างฝ่ายต่างมีพันธะกรณี
ต่อกัน ทั้งตรง อ้อม และเป็นทางการ ไม่เป็นทางการ
เท่าที่อ่านมาจากนักวิเคราะห์ทั้งสองฝั่ง
และไม่บ้าสงครามเกินไป
( โปรอย่างเดียวแต่ไม่ได้ว้อนท์สงครามแบบไร้สติ)
มันค่อนข้างตรงกัน
ทางฝั่งรัสเซีย จีน ก็มองว่าสหรัฐไม่กล้า
ส่วนฝ่ายสหรัฐ ก็มองว่าทางคู่กรณีคงไม่กล้าเหมือนกัน
ซึ่งในความเป็นจริง ก็คงเป็นอย่างนั้น
สงครามในปัจจุบัน มันเกิดขึ้นยากกว่าในอดีตมาก
เพราะต่างฝ่ายต่างมีอาวุธที่ร้ายแรงเกินไปในมือ
จนไม่มีใครรับความเสี่ยงได้ แม้ตนจะเป็นฝ่ายเหนือกว่าก็ตาม
1
จุดร้อนน่ากลัวที่สุด ที่มองกันไว้ คือสองเกาหลี
และคู่ของอิสราเอลกับอิหร่าน ไม่ใช่ยูเครน
1
ความไม่แน่นอนทางอารมณ์ของคนมีอำนาจแถวนั้น
มันสูงเกินไป และมีความเกลียดชังสูง ไว้ใจไม่ได้
ในขณะที่รัสเซีย จีน สหรัฐนั้น คงต้องใช้สติมากสักนิด
เพราะคู่กรณีมีแสนยานุภาพร้ายแรงใกล้เคียงกัน
ยาก ที่จะลามเป็นสงครามโลกครั้งที่สามเต็มรูปแบบ
แต่สงครามตัวแทนแบบหนักๆ จะเกิดขึ้นทั่วโลก
การเลือกตั้งสหรัฐ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร
เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลง
ว่ากันว่า สองอย่างเท่านั้นที่จะทำให้โลกสงบสุข
คือ หนึ่งสี่จิ้นผิงตาย
และสอง คือการพังทลายของเศรษฐกิจสหรัฐ
ข้อแรกเพราะจีนหลังยุคสี่คงไม่ยอมเป็นสปอนเซอร์
สงครามให้ใครอีกแล้ว
ปัจจุบันระดับสูงในพรรคคคอมมิวนิสต์จีนส่วนมาก
ไม่โอเคกับแนวทางของสี่มากนัก และกำลังเล่นเกมส์
ดึงสายเจียงเจ๋อหมิงกลับมา เพียงแต่ทำอะไรมากไม่ได้
พวกเขาทราบดี ว่าชาวบ้านชาวจีนนั้น
ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของสี่
และต้องการแนวทางสายพิราบเหมือนเดิมในยุคเจียงเจ๋อหมิง
มากกว่า ตามสไตล์ของคนจีนที่ชอบค้าขาย
…มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะเลิกสะสมอาวุธ สร้างแสนยานุภาพ
แต่มันจะไม่เหมือนยุคนี้ของสี่ ที่สร้างความขัดแย้งมากเกินไป
จนสร้างปัญหาให้เศรษฐกิจของประเทศอย่างหนัก
จีนปัจจุบัน เสียทรัพยากรคนเก่ง และเงินทุน
ที่ไหลออกมามากมายมหาศาล
เพราะคนจำนวนมากที่มีทางไป
มีศักยภาพ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของสี่
คนเหล่านี้คือหัวกะทิ คือเศรษฐี นักลงทุน นักวิทยาศาสตร์
ระดับยอดเยี่ยม เป็นกลุ่มมันสมองที่แท้จริงของจีน
คนเหล่านี้ ไม่ได้เกลียดประเทศตัวเอง แต่มันหากินลำบาก
ดูไร้อนาคต มันไม่เหมือนในยุคก่อนหน้า ที่จีนก้มหน้าหาเงิน
ไม่ไปวุ่นวายกับความขัดแย้ง หรือหาเรื่องกับใครเป็นหลัก
ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น รู้ดี ว่าการจะให้คนกลุ่มนี้กลับมา
ช่วยสานต่อความเจริญแบบยุคเจียง มันทำได้วิธีเดียว…
…ก็คือรอสายเหยี่ยวตัวพ่อ อย่างสี่จิ้นผิงตายนั่นเอง…
ต้องตายเท่านั้น ถึงจะทำให้สี่หมดอำนาจจริงๆ
เพราะปัจจุบันเขาเหมือนฮ่องเต้มากกว่าประธานาธิบดี
…เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ถ้าสี่ตาย จีนจะไม่พร้อมจ่ายหนักๆแน่
…หรืออเมริกาเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักมากๆ โลกก็สงบ…
ไม่ต้องไปมองระดับรองลงไป
หรือมหาอำนาจระดับกลางหรอกครับ ….
…ไม่มีเงินจากสองชาตินี้ พวกบ้าสร้างสงครามบางชาติ
จะมีมาซื้อกินเข้าไปยังลำบากเลย ไม่มีเงินไปรบกันหรอก…
มันจึงอยู่ที่สองสปอนเซอร์สงครามนี้ จะเอายังไงเท่านั้นเอง
…ที่เหลือน่ะ ตัวประกอบทั้งนั้นแหละครับ ….
…ดังนั้น ก็สบายใจได้อย่าง ว่าจะอย่างไรคงไม่ถึงกับเป็น
สงครามโลก ที่เราต้องเลือกข้าง ส่งทหารไปรบ หรือเป็นเป้าไปด้วย เหมือนสงครามโลกครั้งที่สองแน่ๆ …
ถ้าจะกลัว ควรกลัวสงครามเศรษฐกิจที่จะเข้มข้นซะมากกว่า
โฆษณา