18 ต.ค. เวลา 07:46 • ธุรกิจ

สิ่งที่ต้องรู้!! หากคุณจำเป็นต้องควบคุมเสียงในห้อง อาคาร สถานที่

หรือหากธุรกิจของคุณเกี่ยวกับกิจการต่อไปนี้ เช่น โรงงานและสถานที่ผลิต สถานบันเทิง โรงเรียนและมหาวิทยาลัย ห้องประชุม ห้องบันทึกเสียงและสตูดิโอ สถานที่จัดแสดงงาน นิทัศการ การประชุมต่างๆ เป็นต้น สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำการศึกษาเข้าใจ คือเรื่องของข้อกำหนดด้านเสียง
ข้อกำหนดด้านความดังเสียงในประเทศไทยถูกกำหนดโดยกฎหมายและมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อป้องกันเสียงรบกวนและรักษาคุณภาพชีวิต ดังนี้
 
1. พระราชบัญญัติการควบคุมมลพิษทางเสียง พ.ศ. 2550
ระดับเสียงที่อนุญาต:
- สำหรับพื้นที่อยู่อาศัย: ไม่เกิน 50 dB(A) ในเวลากลางวัน (06.00 - 22.00 น.) และ 40 dB(A) ในเวลากลางคืน (22.00 - 06.00 น.)
- สำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม: ไม่เกิน 70 dB(A) ในเวลากลางวัน และ 60 dB(A) ในเวลากลางคืน
2. มาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
- มาตรฐานเสียงในสถานประกอบการ: ระดับเสียงที่ยอมรับได้ในสถานที่ทำงานไม่ควรเกิน 85 dB(A) สำหรับการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
- การป้องกันเสียง: หากระดับเสียงสูงกว่า 85 dB(A) จะต้องมีมาตรการในการป้องกันเสียง เช่น การใช้หูฟังป้องกันเสียง
การควบคุมเสียงในสถานที่ที่ต้องใช้เสียงดังเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันเสียงรบกวนที่อาจกระทบต่อพื้นที่รอบข้างและรักษาคุณภาพชีวิตของชุมชน นี่คือวิธีการควบคุมเสียงที่สามารถนำมาใช้ได้:
1. การใช้วัสดุกันเสียง
แผ่นอะคูสติก สำหรับผนังป้องกันเสียง : ติดตั้งแผ่นอะคูสติกในผนัง เพดาน และพื้นเพื่อดูดซับเสียงและลดการสะท้อน
วัสดุดูดซับเสียง: ใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง เช่น โฟมอะคูสติก, ผ้าม่านกันเสียง หรือเสื่อกันเสียง
2. การออกแบบพื้นที่
ห้องเสียงแยก: ออกแบบห้องหรือพื้นที่ที่มีการใช้เสียงดังให้มีการแยกตัวออกจากพื้นที่อยู่อาศัย เช่น การใช้กำแพงที่หนาและสูง
การจัดวางพื้นที่: วางอุปกรณ์ที่สร้างเสียงดังให้ห่างจากพื้นที่ที่ต้องการความเงียบสงบ
3. การใช้เครื่องมือควบคุมเสียง
อุปกรณ์ลดเสียง: ใช้เครื่องมือที่มีการออกแบบเพื่อลดเสียง เช่น เครื่องลดเสียง (Sound Barrier) หรืออุปกรณ์ป้องกันเสียง
อุปกรณ์เสียงที่มีประสิทธิภาพ: ใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตเสียงที่ไม่สร้างเสียงรบกวน เช่น ลำโพงที่มีการควบคุมเสียงออกอย่างเหมาะสม
4. การจัดการเวลา
การกำหนดเวลาใช้งาน: จำกัดเวลาในการใช้เสียงดังในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ในช่วงกลางวัน และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมเสียงดังในช่วงกลางคืน
กำหนดช่วงเวลาพักเสียง: ให้เวลาพักเสียงในระหว่างกิจกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อชุมชน
5. การสร้างความตระหนักรู้
ให้ข้อมูลและการศึกษา: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุมเสียงและผลกระทบของเสียงรบกวนแก่พนักงานและผู้ใช้งาน
การสื่อสารกับชุมชน: สื่อสารกับชุมชนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ต้องใช้เสียงดังและความพยายามในการควบคุมเสียง
6. การตรวจสอบและประเมินผล
การตรวจวัดระดับเสียง: ใช้อุปกรณ์ตรวจวัดระดับเสียงเพื่อประเมินระดับเสียงในพื้นที่และปรับปรุงมาตรการควบคุมเสียงตามผลการวัด
การสำรวจความคิดเห็น: สำรวจความคิดเห็นของชุมชนเกี่ยวกับระดับเสียงและความพึงพอใจในมาตรการควบคุมเสียงที่มีอยู่
การควบคุมเสียงในสถานที่ที่ต้องใช้เสียงดังจะช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการทำกิจกรรมที่จำเป็นและการรักษาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง สิ่งที่ควรเริ่มปฏิบัติก่อนเกิดกิจการ หรือกิจกรรมนั้นคือการป้องกัน ด้วยการใช้วัสดุป้องกันเสียง เช่น แผ่นอะคูสติก สำหรับผนังป้องกันเสียง เป็นต้น
อ่านต่อ
โฆษณา