Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
the Crown Story
•
ติดตาม
19 ต.ค. 2024 เวลา 01:49 • ประวัติศาสตร์
พระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด มงกุฎที่ใส่เพียงครั้งเดียว
"เมื่อชาร์ลส์สวมมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ในพิธีราชาภิเษก เขาจะเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ"
หัวใจสำคัญของพระราชพิธีราชาภิเษกของตะวันตกคือการ สวมมงกุฎ และในบรรดามงกุฎอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสูงส่งนี้ คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่า มงกุฎของอังกฤษอีกแล้ว ในเมื่ออังกฤษเป็นมหาอำนาจโลกมาก่อน (ก็เป็นนานอยู่ 800 กว่าปีได้) มงกุฎกษัตริย์อังกฤษจึงเป็นสิ่งสูงค่าตามไปด้วย โดยบรรดามงกุฎของอังกฤษ พระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด (St. Edward's Crown) สำคัญที่สุด
มงกฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี (ยุคก่อนประเทศอังกฤษอีก) โดยเชื่อว่ามันสร้างจากชิ้นส่วนของมงกุฎของพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช มันถูกใช่สำหรับสวมในพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 โดยพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต หรือพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ได้นำมาสวมในพิธีราชาภิเษกของพระองค์ในวันคริสต์มาส ปี ค.ศ.1066 นับแต่นั้นมามันก็เป็นสมบัติของชาติ เป็นมงกุฎที่กษัตริย์ทุกพระองค์ต้องสวมในพิธีครองราชย์ทั้งสิ้น
จนกระทั่งเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น และฝ่ายรัฐสภาชนะ ล้มล้างระบอบกษัตริย์และโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ได้ครองอำนาจในฐานะผู้พิทักษ์แห่งชาติ เขาได้สั่งทำลายสัญลักษณ์ของชาติ รวมถึงมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดด้วย แต่ว่าโชคดีที่ช่างที่ได้รับคำสั่งเกิดเสียดายขึ้นมาเลยทำลายไม่หมด เขาเก็บโครงของมงกุฎไว้และบันทึกภาพดั้งเดิมก่อนจะแยกชิ้นส่วนตามคำสั่ง (เพชรพลอยถูกเอาไปขายเป็นเงินเข้าคลังหลวง)
ต่อมาเมื่อเกิดการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ได้กลับสู่บัลลังก์ ก็เลยมีดำริให้สร้างมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดอีกครั้งในปี ค.ศ.1661 โดยอาศัยโครงเก่าที่แอบเก็บไว้และภาพร่างดั้งเดิม จนกลายเป็นมงกุฎองค์ปัจจุบัน
ตัวมงกุฎบนฐานประกอบด้วยกางเขนแพตตี สี่กางเขนที่ฐานสลับกับสัญลักษณ์ดอกลิลลีจำนวนสี่ดอก เหนือจากฐานขึ้นไปเป็นโค้งสองโค้งที่มีกางเขนอยู่ข้างบน ตรงกลางมงกุฎเป็นหมวกกำมะหยี่ที่มีขอบเป็นขนเออร์มิน เดิมประดับด้วยอัญมณีที่เช่ามาเฉพาะเมื่อมีการราชาภิเษก โดยเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีก็ถอดคืนเหลือแต่โครงมงกุฎเปล่าๆ
และแต่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1911 เป็นต้นมาก็ได้มีการฝังอัญมณีอย่างถาวร ประกอบด้วยอัญมณี 444 ชิ้น ประกอบด้วยอะความารีนทรงกุหลาบ 345 เม็ด โทปาซสีขาว 37 เม็ด ทัวร์มาลีน 27 เม็ด ทับทิม 12 เม็ด แอเมทิสต์ 7 เม็ด ไพลิน 6 เม็ด เพทาย 2 เม็ด โกเมน 1 เม็ด ทับทิมสปิเนล 1 เม็ด และคาร์บันเคิล 1 เม็ด ไข่มุกเทียมบริเวณส่วนโค้งด้านบนและบริเวณฐานของมงกุฎได้ถูกเปลี่ยนเป็นทอง ต่อมาก็ได้ใช้วัสดุเป็นทองคำเคลือบแพลตตินัมเพื่อจะได้ปรับขนาดเท่ากับขนาดหัวผู้สวมใส่ได้
มงกุฎองค์นี่ก็ถูกใช้เรื่องมาจนถึงสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ในปี ค.ศ.1689 ก็หยุดใช้งานไป นั่นเพราะว่ามีการใช้มงกุฎอื่นแทน จากการที่มงกุฎดังกล่าวมีน้ำหนักมากและยุ่งยากในการใช้งาน มารื้อฟื้นการสวมมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดอีกครั้งในปี ค.ศ.1911 ในพิธีราชาภิเษกของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และก็ใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ถึงกระนั้น มงกุฎองค์นี้มีข้อกำหนดในการใช้งานแตกต่างจากองค์อื่นนั่นก็คือ ห้ามนำออกนอกประเทศ ใส่ได้แค่ในอังกฤษเท่านั้น และใส่ได้เพียงครั้งเดียวคือในพิธีราชาภิเษกเท่านั้น ทำไมนะหรอ ก็เพราะน้ำหนักของมงกุฎ มันหนักถึง 2.23 กิโลกรัม แถมประดับอัญมณีกว่า 444 เม็ด ทองคำมีหลายบาท ทำให้การสวมใส่ไม่ได้สะดวกเลย ดังนั้นมงกุฎจะสวมครั้งเดียวเท่านั้น
เราจะเห็นได้ในพิธีราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เมื่อทรงกระทำพิธีครบถ้วนแล้ว จะเสด็จเข้าข้างในและเปลี่ยนมาทรงมงกุฎอิมพีเรียลสเตทแทน และนับจากนั้นจะไม่สวมมงุกฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดอีก
ปัจจุบัน มงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ถูกเก็บรักษาอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอน ซึ่งนักท่องเที่ยวและผู้สนใจสามารถซื้อตั๋วเข้าไปชมความงามอลังการได้นะครับ
อ้างอิง
- Arthur Penrhyn Stanley, Historical Memorials of Westminster Abbey (London, John Murray 1876 (4th Edn)), 42-54.
- Stephen King-Hall, The Crowning of the King and Queen (London: Evans Brothers (Russell Square), 1936-1937), Plate 1 and caption, facing p. 4.
- Kenneth J. Mears; Simon Thurley; Claire Murphy (1994). The Crown Jewels. Historic Royal Palaces Agency. p. 23. ASIN B000HHY1ZQ
ประวัติศาสตร์
blockdit
บันทึก
4
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย