19 ต.ค. 2024 เวลา 07:08 • หนังสือ

สรุปไอเดียสำคัญจากหนังสือ “The Almanack of Naval Ravikant” คัมภีร์สู่ความมั่งคั่งและความสุข

Part แรก
Naval Ravikant คือใครกัน ทำไมเราถึงต้องฟังเขา?
เขาคือนักลงทุนชาวอินเดียที่ย้ายมาตั้งรกรากที่อเมริกา เขาเป็นทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุน และเป็นผู้มีอิทธิพลใน Silicon Valley คนหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและได้รับการยกย่องเป็น Angel Investor of The Year เมื่อปี 2018 เลยทีเดียว
Part แรกว่าด้วยเรื่องของ Wealth หรือความมั่งคั่ง หรือ ความสำเร็จ นั่นเอง ได้มา 20 ข้อแบบเข้มข้นดังนี้ครับ
1) การจะประสบความสำเร็จได้นั้นขยันอย่างเดียว หรือ hard work ไม่พอ เราต้องรู้ว่าเราจะทำอะไร ทำกับใครและทำเมื่อไหร่ (คุ้น ๆ ครับว่าขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย 555)
2) จะสุดได้ เราต้องมี “specific knowledge” ที่ไม่สามารถสอนกันได้ง่าย ๆ เพราะถ้าเป็นเรื่องที่สอนกันได้ง่าย ๆ คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน และจะเป็นคู่แข่งเรา
Specific knowledge ที่ว่านี้เป็นสิ่งที่สอนไม่ได้ แต่เราเรียนรู้ได้ และเป็นสิ่งที่เรามี passion มีความสนใจ เกิดจากตัวตนของเรา ทักษะการขายเป็นหนึ่งในตัวอย่างของ specific knowledge
3) จะเรียนรู้ Specific knowledge ได้จากการฝึกทำ ไม่ใช่เรียนในโรงเรียน
4) สังคมจะตอบแทนสิ่งที่เราสร้าง value ให้กับสังคม
5) ไม่มีใครจะแข่งกับคุณได้เมื่อคุณเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นจงอย่า copy ใคร
6) ให้เต็มที่กับสิ่งที่เราทำ ถ้าเราไม่เต็มที่ 100% กับสิ่งที่เราทำ คนอื่นที่เขาทำเต็มที่จะแซงหน้าคุณได้ และเมื่อเวลาผ่านไปเขาจะไปไวกว่าคุณมาก ๆๆๆ
7) ให้เล่นเกมยาว (long-term games) ผลตอบแทนของทุกสิ่งในชีวิตล้วนมาจาก compound interest ชื่อเสียงของเราก็เช่นกัน (นึกถึงหนังสือ Same as Ever เลยครับ จริงเสมอออ)
“Great people have great outcomes. You just have to be patient.”
8) ให้มี accountability และกล้าที่จะ take risk ภายใต้ชื่อเราเองนี่แหละ สังคมจะตอบแทนเราในความรับผิดชอบอันนี้เอง
9) ให้แสดง judgement ที่ดีให้คนอื่นเห็น การที่เรามี judgement จะทำให้เราดูน่าเชื่อถือมาก ๆ
10) เป็นคน optimistic และ positive เพราะในระยะยาวนั้นจะดีกว่าอย่างแน่นอน
11) สิ่งสำคัญที่เราควรทำเมื่ออายุยังน้อยคือ กล้าตัดสินใจสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเราเองก่อน ซึ่งมี 3 อย่างคือ จะอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร และจะทำอะไร
12) ถ้าเราไม่สามารถอธิบายเรื่องนั้น ๆ ให้เด็กฟังแล้วเข้าใจได้ แสดงว่าเรายังไม่รู้จริงพอ
13) เราต้องยอมรับความจริง เราจะก้าวหน้าได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นความจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากสำหรับหลายคน เราต้องกำจัดอีโก้ในตัวเราออกไปให้ได้ก่อน
14) ต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้เสมอ ขนาด facebook หรือ X ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ หน้าตาเสมอ เราเองก็เช่นกัน
15) หากเรามีทางเลือกสองทางที่ได้ผลลัพธ์หรือผลตอบแทนเท่ากัน ให้เลือกทางที่ยากกว่าและลำบากไว้ก่อนในระยะสั้น เพราะจะตอบแทนเรามากกว่าในระยะยาว แต่คนเราทำไม่ค่อยได้เพราะสมองชอบความสุขในระยะสั้นมากกว่า
16) Leverage เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นคน เงินทุน หรือ products ที่ไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มของการผลิตซ้ำ (no marginal cost of replication) เช่น การเขียน code หรือ media ที่ทำครั้งเดียวขายได้เยอะมากโดยแทบไม่มีต้นทุนเพิ่ม!
17) ต้องสะสม mental model หรือ หลักการคิดพื้นฐาน เช่นพวกคณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ทฤษฎีเกม ซึ่งส่วนใหญ่เราได้มาจากการเรียนรู้และพัฒนา (evolution) วิธีที่ช่วยให้เรามี mental model ที่ดีที่สุดคือ การอ่าน
18) Read what you love until you love to read หลายคนถามว่าทำอย่างไรให้ชอบอ่านหนังสือ ข้อนี้ตอบโจทย์เลย
19) อ่านแล้วให้เล่าต่อให้คนอื่นฟังหรือสอนคนอื่นต่อ มันจะช่วยให้เรายิ่งเข้าใจมากขึ้น (การทำ output หลังอ่านนั่นเองครับ)
20) จะประสบความสำเร็จได้ต้องมี 3 อย่าง คือ specific knowledge, leverage แล้วก็ accountability
Naval สรุปไว้แบบเท่ ๆ ว่า “Productize Yourself”
Productize คือ leverage + specific knowledge
Yourself คือ uniqueness + accountability + specific knowledge (เช่นกัน)
สรุปว่าสุดท้ายเราต้อง “productize yourself”
เดี๋ยวไว้สรุป part สอง เรื่อง Happiness อีกทีครับ 😊
ติดตามได้อีกช่องทางใน facebook : สิงห์นักอ่าน ครับ
โฆษณา