20 ต.ค. เวลา 13:51 • ความคิดเห็น
ตอนเราเกิดเรื่องช่วงเสี้ยววินาทีนั้น เราพยายามหาทางช่วย แต่มันช่วยไม่ได้เลย ไม่มีโอกาส จนหมดโอกาส เราจอดรถลงไปดูเขาแล้วก็ร้องไห้ เสียใจมากกกกกกก แล้วก็ตั้งสติขับรถต่อ มันหลอนมาก กลัวว่าจะมีตัวอะไรตัดหน้ารถเราแล้วมันจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก ....
1
เรามานั่งทบทวนว่าตอนนั้นเรามีเจตนาฆ่าหรือเปล่า
เรารู้ชัดว่าเราไม่มีเจตนาฆ่าแม้แต่นิดเดียว คิดอยากช่วยด้วยซ้ำตอนนั้นถามตัวเองว่าจะทำยังไง ช่วยยังไง พยายามมองหลัง มองซ้าย เพื่อหาทางหลบ แต่มันไม่ทันแล้ว ถ้าเราหักรถเราอาจไปชนรถอีกสองคันที่ตามมา และก็อาจจะชนเขาด้วยเหมือนกัน จะกลายเป็นเหตุใหญ่กว่านี้มาก ทั้วคนทั้งหมาทั้งรถสองสามคันไม่รู้จะกี่คนกี่คันมี่ต้องเดือดร้อน เราเองก็อาจจะไม่รอด
พอคิดจบว่ามันช่วยไม่ได้ ยังไม่ได้คิดอะไรต่อก็ชนพอดี พอรู้ชัดว่าใจเราไม่มีเจตนฆ่า มันก็เบาใจขึ้นค่ะ แต่ก็เศร้าหมอง
1
เริ่มเรียนรู้ว่านั่นคือเรื่องสุดวิสัย เป็นช่วงจังหวะเวลาและวาระที่เขากับเราต้องมาเจอกันแบบนี้ ถึงไม่มีเจตนาทำให้เขาตาย แต่เราก็เสียใจที่มีส่วนที่เป็นเหตุให้เขาต้องตาย เราก็ยอมรับ เราก็ได้แต่ขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ เราร้องไห้อยู่นานเหมือนกัน ร้องจนเจ้าหน้าที่ประกันสงสาร ปลอบแล้วปลอบอีก...
1
เริ่มต้นหลังจากนั้นก็เริ่มปล่อยไปตามความเป็นจริง เกิดขึ้นแล้ว ตายไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เวลาของเขามาแค่นั้น เรามีส่วนให้เขาต้องจากไปแม้ไม่ได้เจตนา เราก็ทำสิ่งที่เราพอจะทำให้เขาได้ คือทำดีให้เขา
 
เริ่มตักบาตรทำบุญให้เขา อย่างน้อยก็ทำให้เราสบายใจขึ้นมาบ้างว่าเราได้พยายามทำอะไรดีๆให้เขา เราทำบุญให้เขาอีกเรื่อยๆ หลายครั้งค่ะ ทำจนเราสบายใจ ว่าเราไม่ค้างคาอะไรเขาอีก
2
ตอนนี้เหลือแค่ความทรงจำที่ไม่ทำให้เราต้องตกใจหรือร้องไห้แล้วค่ะ... ก็ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนกันค่ะ
1
เกิดมาเราไม่คิดจะฆ่าใคร ไม่แม้แต่จะทำร้ายร่างกายอะไรก็ตามให้เจ็บแม้แต่นิดก็ไม่เคย ยุงก็ยังไม่ตี....
มันสะเทือนใจมาก
2
โฆษณา