20 ต.ค. เวลา 14:55 • ความคิดเห็น
เป็นเวลาหลายปีกว่าเราจะเข้าเรื่องของการทำบุญ เวลามีคนมาบอกทำบุญ บูรณะกุฏิ ศาลาโบสถ์ ศาลา อะไรเราก็ให้เค้าไปคิดว่า ทะนุบำรุงสถานที ที่เราได้มาประพฤติปฏิบัติธรรมก็คิดอยู่แค่นั้น
จนวันหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่า ทำบุญเก่ง ทำบุญเรื่อย ๆ สร้างพระ ..พระท่านก็นั่งฟัง ..บอกว่า โยมที่บอกว่า ทำบุญมามาก .ทำไมไม่มีแสงสีของบุญเกิดขึ้นมาเลย แล้วท่านก็บอกว่า นี่ ..โยมเวลาใครมาบอกบุญ โยมหยิกเงินให้เค้าไปเลยใช่มั้ย ไม่มีการการอธิษฐานอะไรเลย สร้างพระเป็นแสน โยมก็หยิบให้เค้าไป ..บุญกุศลก็ไปอยู่ที่คนนำไปถวาย .โยมไม่ได้อะไรเลย มีมีหลักฐานบันทึกลงไปทีธาตุทั้งสี่ของตัวเองเลย
หลังจากนั้นมาพวก เราก็.จะทำบุญ เราก็ ..เอาของวัตถุปัจจัยมานั่งกน้าพระ กล่าวคำอธิษฐาน ถวายพระพุทธเจ้า กรวดน้ำเรียบร้อย แล้วจึงไปถวายพระ เราก็ก็ทำสะสมไปทุกวัน ก่อนออกจากบ้านก็กราบพระ ตกเย็นกลับมาบ้านก็เข้าไปกราบพระ ก็ฝึกหัดตัวเองมาเรื่อย
หลังจากนั่นมา เราก็เริ่มฝึกหัด ทำให้เป็นเรื่องเป็นราว กราบพระ สวดมนต์ ทำบุญหน้าพระ ก็ค่อยทำไป คราวนี้ กเริ่มีพระท่านมาสิน ตั้งแต่มานั่งหน้าพระ ต้องทำกายทำจิตอย่างไร เพื่อที่จะเปิดสวิตซ์ ให้วิญญาณทั้งหก ที่เป็นเหมือนกล้องบันทึก การกระทำในการสร้างบุญกุศล บันทึกลงไปที่จิต ว่า เราใช้กายพ่อแม่ที่อาศัยนี้มาสร้างบุญกุศลบารมี
ท่านให้ทำกายให้นิ่ง จิตเฉย ..เวลาจะถวายของ ..ท่านก็ให้ยกของขึ้นมา หายใจลึก ๆ ทำกายให้นิ่ง จิตเฉย ตามมองดูที่มือ นำกิริยาที่ดีๆ มาสร้างบุญกุศล พอสำรวจว่า กายนิ่ง จิตนิ่ง.ไม่ลุกลี้ลุกลน ก็ให้กล่าว มาว่า กายนิ่ง จิตเฉย กายบิดามารดาอนุโมทนา (จิตของเราอาศัยกายบิดามารดา เราทำเพื่อให้กายนี้มีบุญ)
พอพระท่านเห็นว่ากายนิ่ง จิตนิ่ง ท่านก็ปูผ้าลงมาให้วางสิ่งของลงมา แล้วท่านก็สวดของท่าน..เวลากรวดน้ำ ก็เหมือนกัน ต้องทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง พูดไปเลย ข้าพเจ้าขอนำธาตุนะโมมากระจายบุญกุศล จิตต้องทกชำกายนิ่งจิตนิ่ง เหมือนมีสมาธิในการกรวดน้ำ..พอพระท่านเริ่มสวด เราก็ลดมือลงกรวดน้ำ
เรื่องราวของการสร้างบุญกุศล หากเราทำเป็นเหมือนไม่สำคัญ มันน่าเสียดาย อุตส่าห์ไปหาเงินทอง เหนือยยากลำบาก แต่เวลาทำบุญ กลับไม่เห็นความสำคัญ บ้างก็ว่าทำบุญที่ใจ ..ถ้าคิดเอง เออ..บุญนั้นสำเร็จ ..ไม่ต้องไปทำที่พระ ที่มีผู้ครองเครื่องหมายธรรมห่อหุ้มกายหรอก .คิดเอง เออเอง..ว่าเป็นบุญ
การทำบุญนั้น ..หากเรากระทำด้วยจิตที่นอบน้อม ..เต็มใจ ทำไปไม่เรียกร้องหาเวรกรรม ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เต็มใจ .นอบน้อมถวาย ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านเครื่องหมายของธรรม ที่พร้อมทั้งผู้รับ และผู้ให้ที่ถวาย ..จะเกิดคำว่า แสงสีของบุญเกิดขึ้น .แสงรัตนะเกิดขึ้น ..ตรงนี้แหละที่จะช่วยส่งบุญกุศล แล้วหูทิพย์ตาทิพย์ ท่านก็อนุโมทนา มันมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆในการสร้างบุญกุศล บางที่ทำบุญตอนกลางวันแท้ ..หมามันยังหอนกันเกรียวกราว
1
เดี๋ยว..ตามวัดมามีเรื่องราว เหมือนหมอกควันมันเยอะ เราก็เลยทำบุญหน้าพระ..แล้วค่อยลาไปถวาย นำปัจจัยไปซื้อของถวาย .จะใส่บาตรก็ไม่มีเวลา ..ก็ทำหน้าพระไปก่อน ทำได้ทุกวัน ได้ที่มานั่งหน้า ..กราบพระ พูด สัมมาอะระหัง .. เราได้มาทำทุกวัน ได้มานั่งหน้าพระ ทำจิตทำใจ ..ปล่อยวางอารมณ์นึกคิดอะไรชั่วลมเข้าออก อึดใจท่องสองพุทโธ ก็ยังดี
โฆษณา