"อย่าสั่งแม่ แม่ไม่ชอบ" วิถีตัวแม่แบบซาริน่าแคทเธอรีน
ในบรรดา "ตัวแม่" ของราชวงศ์ทั้งหลาย ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่ผมยกให้ผู้หญิงคนนี้เลย ซาริน่า เยกาเจรีนา ที่ 2 แห่งรัสเซีย ผู้ชื่อนี้หลายคนอาจจะไม่ชินไม่คุ้น เยกาเจรีนา เป็นภาษารัสเซีย ถ้าในภาษาอังกฤษจะออกเสียงว่า แคทเธอรีน ที่นี้หลายคนรู้จักแน่นอน จักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 ผู้ได้สมญานามว่า มหาราชินีแห่งรัสเซีย พระนางคือสตรีที่ทำให้จักรวรรดิรัสเซียกลายเป็นรัฐมหาอำนาจอย่างแท้จริง จนมีคำกล่าวว่า ปีเตอร์มหาราชคือผู้สร้างรัสเซียใหม่ แคทเธอรีนมหาราชินีก็เป็นผู้ทำให้รัสเซียยิ่งใหญ่และรุ่งเรือง
นอกจากผลงานที่พระนางทำเพื่อรัสเซียแล้ว วิถีชีวิตของพระนางก็แซ่บไม่แพ้กัน เป็นการใช้ชีวิตที่ผู้หญิงในยุคเดียวกันไม่กล้าใช้ ถ้าไม่มีอำนาจคงไม่กล้าทำแน่ๆ สมเป็นวิถีตัวแม่ของแท้ด้วยเช่นกัน
แคทเธอรีนที่ 2 มหาราชินี จักรพรรดินีนาถแห่งรัสเซียผู้ทำให้รัสเซียเป็นมหาอำนาจนี้ ไม่ใช่คนรัสเซีย และยังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์โรมานอฟเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าได้เป็นประมุขของรัฐขนาดมหึมาในยุโรปตะวันออก พระนางเป็นคนเยอรมนี มีชื่อเดิมว่าโซเฟีย เป็นเจ้าหญิงปลายแถวที่จนๆ เพราะพ่อตาย และไม่มีตำแหน่งศักดินาใดๆ แล้วถามว่าพระนางไปอยู่รัสเซียได้อย่างไร มันเกี่ยวกับกับคนสองคน
ซาริน่าเยริซาเว็ธ หรือ เอลิซาเบธ จักรพรรดินีนาถรัสเซีย ต้องการหาคู่สมรสให้กับหลานชาย แกรนด์ดยุคปีเตอร์ รัชทายาทรัสเซีย เลยมาขอเจ้าหญิงเยอรมันเพื่อสานสัมพันธ์กับปรัสเซียที่น่าเกรงขามในเวลานั้น พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่งปรัสเซียดูถูกรัสเซียอยู่แล้ว เลยส่งเจ้าหญิงปลายแถวไปเพื่อเป็นการดูถูก ปรากฏว่าโซเฟียเป็นที่ประทับใจของคนรัสเซีย แต่ไม่ใช่กับสามีของนางปีเตอร์
ปีเตอร์ไม่ชอบแคทเธอรีน ความสัมพันธ์ทั้งคู่เป็นไปโดยความเย็นชาและปีเตอร์ก็ยังเอาโสเภณีเข้ามานอนในวังเย้ยภรรยาทุกวัน ในที่สุดแคอเทอรีนก็ทำให้สิ่งที่มันจะเกิดขึ้น นางมีชู้ ครั้งแรกสร้างความเจ็บปวดเพราะซาริน่าเอลิซาเบธเป็นคนจับแยกออกจากกันเพื่อแก้ปัญหาข่าวลือ แต่หลังจากนั้นแคทเธอรีนก็กลับมาตั้งหลักและคิดได้ว่า นางต้องเข้มแข็งและถ้าอยากอยู่รอดนางต้องมีอำนาจของตัวเอง และนางก็เดินแผนการ การนอนกับผู้ชายไม่ใช่เพื่อความสุข แต่มีการเมืองซ่อนอยู่ด้วย
ซาริน่าเอลิซาเบธ สวรรคตในปี 1761 ปีเตอร์ครองราชย์ เป็นซาร์ปีเตอร์ที่ 3 พระองค์กระทำตัวเหลวแหลกไม่เป็นที่รักของขุนนางและประชาชนรัสเซีย และเมื่อแคทเธอรีนก่อรัฐประหาร พระนางก็ยึดอำนาจได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่านางจะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางมากมาย แต่เมื่อครองบัลลังก์ พระนางริบอำนาจพวกเขาทั้งหมด และเริ่มการปกครองแบบตัวแม่ ส่วนสามีนางก็จับไปขังก่อนจะตายปริศนาในเวลาต่อมา
ความเป็นตัวแม่ของแคทเธอรีนก็คือ นางไม่ให้ใครมาสั่งนาง แต่นางจะสั่งทุกคน โดยเฉพาะบรรดาผู้ชายที่ได้ขึ้นเตียงกับนาง อย่างเช่น สตานิสลาส โปเนียโทวสกี้ ซึ่งเคยร้องขอตำแหน่งพระสวามี แคทเธอรีนตอบแทนเขาด้วยการตั้งให้เป็นกษัตริย์โปแลนด์ ฉลองครองราชย์ได้แค่คืนเดียว วันรุ่งขึ้นแคทเธอรีนก็ส่งทหารไปบังคับให้โปวเนียโทวสกี้สละบัลลังก์ ทำเอาเขาอับอายจนต้องฆ่าตัวตาย หรือ เกรกอรี่ ออร์ลอฟ ชาวตาดที่เป็นขุกำลังหลักของแคทเธอรีนในตอนยึดอำนาจ ก็ร้องขอตำแหน่งเดียวกัน สุดท้ายก็ถูกเขี่ยไปเป็นทูตอยู่ต่างประเทศ
เท่านั้นไม่พอ พระนางยังเกือบจะยกทัพไปถล่มสันตะสำนักที่กรุงโรมด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า พระนางมีปัญหากับศาสนจักรออร์ทอด็อกซ์ เพราะว่าพระนางมีผู้ชายหลายคน ซึ่งเป็นการผิดบทบัญญัติทางศาสนา อีกทั้งพระนางริดรอดอำนาจศาสนจักรด้วยการยกเลิกตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายศาสนา และห้ามพระมายุ่งเกี่ยวการเมือง พร้อมกับยึดที่ดินที่ไม่ได้ทำประโยชน์มาปฏิรูปให้ประชาชนได้ใช้ถือครอง ทั้งยังระบุอีกว่า วัดควรมีแค่ที่ดินสำหรับวัดก็พอแล้วไม่ต้องมีที่ดินเป็นร้อยเป็นพันไร่แต่ไม่ใช่ทำอะไรเลย บรรดาพระออร์ทอด็อกซ์ไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าแรงใส่พระนางเพราะรู้ว่าชะตาจะขาดได้
และเพื่อลดอำนาจศาสนจักร พระนางได้สนับสนุนให้พวกนิกายเยซูอิตเข้ามาตั้งถิ่นฐานในรัสเซียด้วย เพื่อให้ศาสนาไม่มีเสถียรภาพมาต่อต้านพระนางได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ในเวลานั้นนิกายเยซูอิตกำลังถูกกวาดล้างโดยศาสนจักรคาทอลิกเพราะความขัดแย้งทางคำสอนระหว่างกัน (ทั้งที่อยู่ในนิกายเดียวกัน) พอถูกกวาดล้างหนัก เยซูอิตก็หนีมาอยู่รัสเซียเพราะพระนางแคทเธอรีนให้ที่พักพิงและพวกเขาสามารถประกอบกิจศาสนาได้อย่างเสรี
เรื่องดังไปถึงหูของพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 ด้วยความที่ในยุคนั้นพระสันตะปาปามีอำนาจมาก ไม่รู้ลีโอไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ไหน เขียนจดหมายไปขอให้แคทเธอรีนส่งตัวพวกเยซูอิตมารับการไต่สวนที่โรม แน่ละ แคทเธอรีนเป็นออร์ทอด็อกซ์ ย่อมไม่ฟังคำพูดของพระสันตะปาปา และนางก็ปฏิเสธ ลีโอหัวเสียที่มีประมุขยุโรปกล้าปฏิเสธเขา เลยมีจดหมายครั้งที่สอง แต่ทว่าเนื้อความจดหมายฉบับนี้เป็นการข่มขู่และออกคำสั่งต่อซาริน่าโดยตรง มีหรือแคทเธอรีนจะยอม
"อย่าสั่งแม่ แม่ไม่ชอบ" แคทเธอรีนตอบกลับไปยังโรม เป็นจดหมายที่ทำเอาพระสันตะปาปาหน้าซีดเป็นไก่ต้ม แคทเธอรีนย้ำในพระสันตะปาปาจำว่า รัสเซียไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาสนตักรคาทอลิก เราไม่ต้องฟังคำของท่านแต่อย่างไร และท่านก็ไม่มีอำนาจมาออกคำสั่งกับประมุขรัสเซีย แต่ถ้าท่านจำไม่ได้ เราจะยกกองทัพไปทำให้ท่านจำได้เอง
เท่านั้นแหละ พระสันตะปาปาพยายามหาทางคุ้มกันเพราะรู้ว่ากองทัพของแคทเธอรีนนั่นใหญ่โตมหึมา และถ้ามาเหยียบโรมจริงๆ คงไม่เหลืออะไรแน่ แต่ทว่ารัฐคาทอลิกไม่มีใครกล้าให้ความคุ้มกันโรมแม้แต่คนเดียว เพราะไม่มีใครต้องการไปเปิดความขัดแย้งกับรัสเซียในเวลานั้น พระสันตะปาปาต้องยอมยกธงขาวและคณะเยซูอิตก็รอดพ้นจากการถูกทำลายไปในที่สุด
ความเป็นหม่อมแม่ของแคทเธอรีนยังไม่หมดนะครับ เมื่อเข้าสู่บ้ั้นปลายชีวิต พระนางไม่ได้สวย ไม่ได้ทรงเสน่ห์เหมือนสาวๆ อีกต่อไป แต่ทว่าพระนางเหมือนถูกสาป พระนางต้องการผู้ชายมาเยียวยาจิตใจของพระนาง ทำยังไงดีล่ะ ก็เปย์ไงละ พระนางทั้งมีอำนาจทั้งร่ำรวยมหาศาล ถ้าต้องการหนุ่มๆ มาอยู่ข้างกาย ก็แค่เปย์ พระนางเลยมีหนุ่มๆ มาอยู่ข้างกายแม้จะอายุเป็นป้าแล้วก็ตามที่
แคทเธอรีนมหาราชินี ขึ้นครองบัลลังก์ในปี 1762 จนกระทั่งสวรรคตเพราะเส้นเลือดในสมองแตกในปี 1796 รวมเวลาแล้วก็ 34 ปี พระนางได้สร้างรัสเซียให้เป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ถัดเทียบทางตะวันตก แม้ว่ามันจะเสื่อมลงหลังรัชสมัยของพระนางก็ตาม แต่ทว่าความยิ่งใหญ่ของพระนางก็สมแล้วที่จะถูกยกย่องให้เป็น "มหาราชินี" นอกจากความสำเร็จในฐานะกษัตริย์แล้ว พระนางยังเป็นผู้สร้างวิถีตัวแม่ ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนด้วย
อ้างอิง
Alexander, John (1989). Catherine the Great: Life and Legend. New York: Oxford University Press.
Madariaga, Isabel De (1979). "The Foundation of the Russian Educational System by Catherine II". Slavonic and East European Review
Rounding, Virginia (2006). Catherine the Great: Love, Sex and Power. London: Hutchinson.
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
