22 ต.ค. เวลา 03:31 • การศึกษา

ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กับ ประมาทเลินเล่อธรรมดา: ความแตกต่างในทางกฎหมาย

"ประมาทเลินเล่อ" ในทางกฎหมายหมายถึง การที่บุคคลไม่ระมัดระวังหรือไม่ใช้ความรอบคอบเพียงพอในสถานการณ์ที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ การประมาทเลินเล่อแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประมาทเลินเล่อธรรมดา และ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยมีความแตกต่างในระดับของความละเลยและผลกระทบที่เกิดขึ้น
1. ประมาทเลินเล่อธรรมดา (Ordinary Negligence)
ประมาทเลินเล่อธรรมดา หมายถึง การขาดความระมัดระวังในระดับที่บุคคลทั่วไปควรจะมีในสถานการณ์เดียวกัน การกระทำนี้อาจไม่ได้รุนแรงหรือจงใจ แต่ก็ยังถือว่าเป็นการละเมิดหน้าที่หรือความรับผิดชอบของบุคคลนั้น ๆ
ตัวอย่าง: คนขับรถหันไปดูโทรศัพท์ชั่วขณะ ทำให้ชนรถคันหน้า การกระทำเช่นนี้อาจถือเป็นประมาทเลินเล่อธรรมดา เพราะไม่ใช่การจงใจ แต่เป็นการขาดความระมัดระวังที่เกิดจากการไม่ใส่ใจเพียงเล็กน้อย
ผลของการกระทำ: ผู้กระทำอาจต้องรับผิดชอบในทางแพ่ง เช่น ชดใช้ค่าเสียหาย แต่ไม่ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงมาก
2. ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (Gross Negligence)
ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง คือ การขาดความระมัดระวังอย่างมาก รู้ว่ามีความเสี่ยงร้ายแรง แต่ยังคงดำเนินการต่อไป เป็นการกระทำที่เกินกว่าการประมาททั่วไป
ตัวอย่าง: คนขับรถรู้ตัวว่าเมาแต่ยังขับรถ การกระทำนี้ถือเป็นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เพราะรู้ถึงความเสี่ยงและอันตราย แต่ยังเลือกที่จะทำ
ผลของการกระทำ: ในกรณีนี้ ผู้กระทำอาจถูกฟ้องร้องทั้งในทางแพ่งและอาจถูกดำเนินคดีอาญา เพราะการกระทำนี้มีความเสี่ยงสูงและอาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
ความแตกต่างหลัก
ระดับของการละเลย: ประมาทเลินเล่อธรรมดาเกิดจากความไม่ระมัดระวังเล็กน้อย ส่วนประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเกิดจากการเพิกเฉยต่อความเสี่ยงที่ชัดเจนและร้ายแรง
ผลของการกระทำ: ประมาทเลินเล่อธรรมดาส่งผลกระทบไม่ร้ายแรงมาก ขณะที่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงถึงชีวิตและทรัพย์สิน
สรุป
ทั้งสองแบบเป็นการละเมิดหน้าที่ความระมัดระวังในทางกฎหมาย แต่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมีระดับความรุนแรงที่มากกว่า เนื่องจากผู้กระทำละเลยต่อความเสี่ยงที่ชัดเจนมากกว่าประมาทเลินเล่อธรรมดา
โฆษณา