25 ต.ค. เวลา 05:44 • นิยาย เรื่องสั้น

โรงเรียนของเราน่าอยู่ 1/2

ในสามหน่วยรบพิเศษอย่าง SAS ฟีนิกซ์ และ อาร์ทิสส์ ถือว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากในกองพันฟีนิกซ์แห่งกองทัพฟรอนเทียร์ ภารกิจส่วนใหญ่จะเน้นไปทางยุทธวิธีในการรบ แต่น้อยนักที่คนจะรู้ว่ามีอีกภารกิจหนึ่งที่แม้แต่หน่วยรบทั้งสามก็มี มันก็คืองานสืบสวนต่าง ๆ ที่สารวัตรทหารจะต้องทำ ซึ่งคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ค่อนข้างน้อยมาก ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ประมาณสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ยาริกาวะ โคจิโร่ คือหนึ่งในสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เขาเลือกที่จะมาอยู่ทีมสารวัตรทหาร ด้วยเหตุผลคือต้องการจัดการปัญหาบางอย่าง ที่คนส่วนใหญ่เลือกมองข้ามไป ไอดอลของโคจิโร่ก็คือ ฮันดาออน ซึ่งเป็นสารวัตรทหารรุ่นพี่ที่มีผลงานมากมาย ตั้งแต่ยังเป็นสารวัตรทหารมือใหม่แถมฝีมือด้านการสืบสวนก็เก่ง ไม่แพ้ฝีมือด้านการต่อสู้เช่นกัน
"โคจิโร่ วางเอกสารแล้วตามฉันมาหน่อย"
เด็กหนุ่มที่กำลังจัดเรียงเอกสารอยู่ก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น หยางเสี่ยวจุน ผู้ทำหน้าที่ "แกนกลาง" คอยแจกจ่ายภารกิจในกับทีมจู่โจมในหน่วยรบ SAS แทบจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับสารวัตรทหารเลย ถึงกระนั้นโคจิโร่ก็ยอมเดินตามอีกฝ่าย เดินตามได้สักพักก็มาถึงห้องประชุมขนาดเล็ก
เมื่อเดินเข้ามาข้างในก็พบว่ามีคนนั่งอยู่ เป็นผู้ชายสองคนที่โคจิโร่เห็นการแต่งตัว ก็รู้ได้ในทันทีว่าทั้งคู่คือ*พลเรือน คำถามคือพลเรือนทั้งสองมีธุระอะไรจะคุยกับเขาล่ะ หยางเสี่ยวจุนให้โคจิโร่นั่งข้างตน
ฝ่ายตรงข้ามทำเสียงกระแฮ่มหนึ่งครั้ง ก่อนจะเข้าบทสนทนา
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมชื่อ โจเซฟ และคนที่นั่งข้างผมชื่อ อดัม เราสองคนเป็นตัวแทนของโรงเรียนชื่อ เมย์แฟร์" ชายฝั่งขวามือกล่าวแนะนำตนเอง
แน่นอนว่าโคจิโร่ก็ต้องกล่าวแนะนำตนเอง ตามมารยาทที่ควรมี
"ยาริกาวะ โคจิโร่ครับ" เขาแนะนำตัวเอง "มีอะไรให้ผมกับรุ่นพี่ผมช่วยหรือ"
โจเซฟหันไปพยักหน้าให้อดัมที่นั่งข้างเป็นคนอธิบายแทน อดัมแต่งกายไม่ค่อยเหมือนโจเซฟ ชายคนนี้แต่งกายธรรมดามากเสียจน ใครเห็นก็ไม่เชื่อว่าทำงานเกี่ยวกับด้านการศึกษา เขาสวมเสื้อคอโปโลสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำ ในขณะที่โจเซฟแต่งชุดสูทสีน้ำตาลแบบจัดเต็ม
อดัมได้อธิบายเกี่ยวกับโรงเรียนเมย์แฟร์เป็นโรงเรียนพลเรือน ตั้งอยู่ในเขต F-04 ในเมืองที่มีชื่อว่า "ไลคีออน" โรงเรียนเมย์แฟร์เป็นโรงเรียนระดับมัธยม ที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่ตอนนี้ทางโรงเรียนกำลังเจอบางอย่าง ที่เรียกได้ว่าผิดปกติมาก นับวันเด็กนักเรียนก็พากันทยอยหายตัวไปอย่างลึกลับ ทางตำรวจเองก็มืดบอดอับจนหนทางเพราะไร้เบาะแส
ล่าสุดตอนนี้บรรดาเด็กนักเรียนก็พากันแต่งเรื่องเล่าไร้สาระออกมา เกี่ยวกับปีศาจต่างมิติที่มาลักพาตัวเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งทางโรงเรียนเชื่อว่าเป็นผลพวงมาจาก เรื่องที่นักเรียนที่หายตัวไปส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าทั้งโจเซฟและอดัมไม่เชื่อเรื่องอะไรทำนองนั้น ทั้งสองกังวลว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์มากกว่า
เนื่องจากไลคีออนยังจัดอยู่ในหมวดเมืองที่มีอาชญากรรมอยู่ ดังนั้นความเป็นไปได้ที่นักเรียนจะโดนลักพาตัวไป อาจมีเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์อยู่ก็เป็นได้ โคจิโร่ครุ่นคิดอยู่นานหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด
"ถ้านายไม่อยากรับ ก็บอกได้นะ" หยางเสี่ยวจุนบอก "พี่จะได้หาคนอื่นมาทำแทน"
"ไม่ครับ ผมจะทำครับ" โคจิโร่ตอบทันควัน
"แน่ใจนะ" หยางเสี่ยวจุนถาม เพื่อขอความแน่ใจ
"ผมจะตามสืบเองครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
การตอบตกลงของสารวัตรทหาร ทำให้สองตัวแทนจากโรงเรียนพากันหายใจทั่วท้อง หยางเสี่ยวจุนจึงให้โคจิโร่ไปเตรียมตัวให้พร้อม แล้วพรุ่งนี้ให้มารายงานตัวอีกครั้ง ในเวลาแปดโมงเช้าและห้ามสายเด็ดขาด
.
🗡🗡🗡🏹🏹🏹
.
โคจิโร่นั่งอยู่ด้านหลังรถที่มีอดัมเป็นคนขับ หลังเดินทางมาถึงเมืองไลคีออน โจเซฟขอแยกตัวไปจัดการธุระของโรงเรียน เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่โจเซฟต้องทำหน้าที่ของรองผอ. การเดินทางใช้เวลาไม่นาน อดัมได้พาโคจิโร่มาพบกับสายสืบของกรมตำรวจ ซึ่งกำลังทำคดีนี้อยู่พอดีการร่วมมือกับเจ้าถิ่น ย่อมสามารถคลี่คลายปัญหาได้ดีกว่า
ที่สำคัญฝั่งสายสืบเองก็รู้สึกดีไม่น้อย ที่อย่างน้อยก็มีคนช่วย เนื่องจากคดีนี้เจ้าตัวรับผิดชอบคนเดียว ภายหลังโคจิโร่ทราบชื่อว่าสายสืบคนนี้คือ สิบตำรวจเอกยูกิโตะ หรือ สายสืบยูกิโตะ ทั้งสองไปสรุปเบาะแสที่ได้มาจากนักเรียน ซึ่งโคจิโร่อ่านคร่าว ๆ ก็พบว่า มันแทบไม่เกี่ยวกับคดีเลยแม้แต่น้อย มันกลับเป็นเรื่องเล่าชวนหลอนซะมากกว่า เกี่ยวกับความลึกลับในโรงเรียน
โดยเฉพาะหลังพระอาทิตย์ตกดินไป บรรยายกาศภายในโรงเรียน ก็แปรเปลี่ยนไปราวกับฟ้าและเหว กล่าวกันว่าแม้แต่กับพวกร.ป.ภ.เอง ยังไม่กล้าเดินตรวจตราตอนกลางคืน เหตุเพราะมีร.ป.ภ.คนหนึ่ง เดินตรวจตราในอาคารโรงเรียน แล้วเจอดีเข้าจนถูกพบเป็นศพในชั้นสี่ของอาคารที่สาม ยิ่งสร้างความน่ากลัวให้กับเรื่องเล่าอีก
"ร.ป.ภ.ที่เสียชีวิตในโรงเรียนเนี่ย เกิดขึ้นนานหรือยังครับ" โคจิโร่หันมาถามสายสืบยูกิโตะ
"ประมาณสองอาทิตย์ได้แล้ว เกิดหลังมีนักเรียนหายไป" สายสืบยูกิโตะตอบ
โคจิโร่พยักหน้าแล้วก้มอ่านเบาะแสต่อ
"แล้วผลการชันสูตรล่ะครับ สาเหตุการเสียชีวิตคืออะไรครับ"
"ตามที่ทีมชันสูตรสรุปออกมา มันค่อนข้างย้อนแย้งกับที่เกิดเหตุน่ะ"
โคจิโร่ขมวดคิ้วกับประโยคเมื่อครู่ "ย้อนแย้งหรือครับ.... ยังไงครับ"
"ก็บาดแผลบนร่างกายทั้งภายนอกและภายใน มันถูกฉีกกระซากเหมือนกับถูกสัตว์ทำร้าย แถมอวัยวะบางอย่างยังหายไปด้วย"
"ทีมชันสูตรระบุไว้ไหมครับว่าอะไรหายไป"
"หัวใจน่ะ"
บทสนทนาหยุดไปครู่หนึ่งซึ่งโคจิโร่ต้องยอมรับว่า สายสืบยูกิโตะพูดถูกมันย้อนแย้งจริง ๆ อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าจะไปคุยกับนักเรียน สักคนสองคนอย่างน้อย และต้องไม่ใช่คนที่เคยให้ปากคำกับตำรวจมาก่อนด้วย เด็กหนุ่มนั่งหารายชื่อนักเรียนแต่ละห้องดู ล่าสุดนักเรียนที่หายไปมีเพื่อนร่วมห้องทั้งหมดสิบเอ็ดคน
ทว่าวันที่เกิดเหตุตำรวจสอบปากคำแค่เก้าคน (ไม่นับคนหาย) เนื่องจากมีนักเรียนคนหนึ่งลาป่วยสองวัน ตำรวจเลยไม่ได้ไปสอบปากคำ ซึ่งโคจิโร่คิดว่าจะลองไปคุยด้วยหน่อย
"สายสืบยูกิโตะครับ ช่วยพาผมไปหาเด็กคนนี้ได้ไหมครับ" โคจิโร่หันมาบอกอีกฝ่าย และโชว์ภาพถ่ายให้ดู
สายสืบยูกิโตะมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย "แต่เด็กคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีเลยนะ"
"ลองไปคุยด้วยหน่อย ผมว่าก็ไม่เสียหายนี่ครับ" โคจิโร่พูดและยิ้ม "พาผมไปหาเขาหน่อยเถอะครับ"
แม้จะไม่เข้าใจแต่สายสืบยูกิโตะก็ยอมพาโคจิโร่ไปหา จอฟฟี่ บลอนด์ นักเรียนเพียงคนเดียวที่ทางตำรวจไม่สอบปากคำ ดังนั้นการปรากฏตัวของโคจิโร่สร้างความตกใจให้ครอบครัวของจอฟฟี่พอสมควร แต่ก็เคราะห์ดีที่เจ้าบ้านยังให้การต้อนรับ ฝั่งสามีอาสาจะไปตามลูกชายที่อยู่บนห้อง ขณะเดียวกันโคจิโร่ก็สังเกตว่าทั้งมือไม้และสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้
มันคือความวิตกกังวลของคนเป็นแม่ บางอย่างบอกกับโคจิโร่ว่า จอฟฟี่อาจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
"คุณแม่ดูกังวลนะครับ" โคจิโร่พูดตรง ๆ "เกี่ยวกับเรื่องที่เพื่อนในห้องเขาหายไป ใช่ไหมครับ"
ทั้งสายสืบยูกิโตะและคุณนายบลอนด์ต่างตกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ มันช่างขัดบุคลิกภาพที่ดูสุภาพโดยสิ้นเชิง ซึ่งโดยส่วนตัวโคจิโร่ก็รู้ตัวดีว่าเมื่อครู่ดูจะเถรตรงไปเสียหน่อย ทว่าถึงกระนั้นคุณนายบลอนด์ก็ยอมที่จะเล่าให้ฟัง ทำให้สองสายสืบต่างวัยได้รู้เพิ่มเติม
หลังจากที่ ชินจิ เพื่อนในห้องหายตัวไปนั้น จอฟฟี่ก็เริ่มมีอาการหวาดกลัว จนถึงขั้นปิดตัวเองในห้องไม่กล้าไปโรงเรียน ทั้งคุณนายบลอนด์และสามีต่างก็พยายามเกลี้ยงกล่อม ให้จอฟฟี่ไปโรงเรียนแต่ก็ล้มเหลว จนตอนนี้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี ครู่ต่อมานายบลอนด์เดินลงมาด้วยสีหน้าหนักอึ้งพอสมควร
"จอฟฟี่บอกว่าถ้าจะคุยกับเขา ให้ขึ้นไปหาที่ห้อง" นายบลอนด์กล่าวอย่างหนักใจ
โคจิโร่พยักหน้าและลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับหันมาทางสายสืบยูกิโตะ "ผมอยากคุยแบบส่วนตัวครับ"
เด็กหนุ่มเดินขึ้นมาที่ชั้นบนเห็นจอฟฟี่ ยืนรออยู่ตรงประตูห้องพอดี อีกฝ่ายแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ที่แขกผู้มาเยือนอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับตน แต่ถึงกระนั้นก็เชิญโคจิโร่เข้ามาคุยในห้องอย่างเป็นมิตร ทันทีที่เดินเข้ามาข้างในห้องเขาก็พบว่าภายในห้อง มีการเขียนอักษรรูนขึ้นบนผนังคล้ายเพื่อป้องกันบางอย่าง
ที่สำคัญโคจิโร่สังเกตว่าขอบตาของอีกฝ่ายคล้ำมาก แสดงให้เห็นว่าจอฟฟี่หวาดกลัวจนไม่อาจข่มตาหลับได้ มีบางอย่างกำลังหลอกหลอนเขา และโคจิโร่ต้องรู้ให้ได้
"นายเขียนพวกนี้ไว้ทำไม จอฟฟี่" โคจิโร่ถาม
"อะไรนะ" จอฟฟี่พูดเสียงสั่น
โคจิโร่จ้องหน้าคู่สนทนาแบบไม่ละสายตา
"ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจจะไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย ยกเว้นคนที่สนใจมันจริง ๆ แต่สำหรับเพลเยอร์อย่างฉัน นี้คืออักษรรูน" เขาชี้ไปที่ตัวอักษรรูนบนผนังห้อง "นายกลัวอะไร จอฟฟี่"
จอฟฟี่ไม่ยอมตอบโคจิโร่เดินไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่าย "ตอบคำถามฉันมาดีกว่าเพื่อน อย่าให้ฉันใข้ไม้แข็งกับนาย"
"นายช่วยฉันไม่ได้หรอก ไม่มีใครเชื่อฉัน" จอฟฟี่ตอบ "แม้แต่พ่อแม่ฉัน..."
"ถ้าฉันไม่คิดจะเชื่อนาย คงไม่มาหานายให้เสียเวลาหรอกนะ" โคจิโร่พูด
จอฟฟี่หันไปสบตากับโคจิโร่ก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มจึงตั้งสติและนั่งลงกับพื้น โคจิโร่ก็นั่งลงพื้นตามเพื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด และจอฟฟี่เล่าให้ฟังว่าก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาป่วย ตัวของเขาคือคนที่เกือบจะหายตัว ก่อนหน้าชินจิด้วยซ้ำโดยในตอนนั้น จอฟฟี่ทำคะแนนวิชาหนึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงถูกอาจารย์ลงโทษให้ทำเวรห้องสมุด
และเขาต้องทำคนเดียวซึ่งในช่วงเวลานั้น นักเรียนทุกคนรวมทั้งอาจารย์ที่ทำโทษเขา ก็พากันทยอยกลับเหลือแค่จอฟฟี่คนเดียว ตอนแรกเขาคิดจะกลับบ้านแล้ว ทว่าจู่ ๆ ในจังหวะที่จอฟฟี่เดินออกจากห้องสมุด บรรยากาศภายในโรงเรียนมันก็ดูวังเวงจนต้องเร่งฝีเท้ารีบเดิน แต่แล้วตรงทางโถงทางเดินในอาคาร มันก็มีเงาบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้น
เจ้าเงานั้นมันไล่ล่าจอฟฟี่จนเกือบจะถึงตัวเด็กหนุ่มแล้ว เดชะบุญที่ตัวเขามีความรู้ความสนใจเกี่ยวกับอักษรรูน จึงใช้ปากกาแมจิกเขียนลงที่ฝ่ามือสองตัว แสงสว่างจากอักษรรูนขับไล่สิ่งนั้นหายวับไปในความมืด จอฟฟี่จึงหนีรอดมาได้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็ตามหลอกหลอนเสียจนจอฟฟี่ไม่อยากไปโรงเรียน
โคจิโร่ตั้งใจจะถามต่อว่าแต่แล้วสายสืบยูกิโตะก็วิ่งขึ้นมาที่ห้องจอฟฟี่ พร้อมกับบอกว่ามีเเจ้งเหตุร้ายเกิดขึ้น ต้องรีบไปที่เกิดเหตุซึ่งก็คือโรงเรียนเมย์แฟร์ จอฟฟี่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจนพ่อกับแม่ต้องรีบเข้ามากอดลูกชาย ขณะเดียวกันฝั่งโคจิโร่กับสายสืบก็รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันที ระหว่างทางสายสืบยูกิโตะให้ข้อมูลกับโคจิโร่ว่า มีเด็กหายไปอีกแล้วโดยเธอมีชื่อว่า เชอรีน
โคจิโร่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ตัดสินใจทันทีว่า เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะมีเด็กหายไปอีก
.
ติดตามตอนต่อไป
🗡🗡🗡🏹🏹🏹
โฆษณา