23 ต.ค. เวลา 05:12 • ความคิดเห็น
เราก็ได้ฟัง เรื่องราวดอกบัวมา ..มีผู้ที่ที่เปรียบเทียบให้เรา ดู..ในคราวหนึ่ง ที่เดินรอบโบสถ์ ในวันวิสาขะบูชา ไปเดินเวียนรอบสามรอบโบสถ์ตอนเที่ยงวัน มีผู้ที่เรานับถือ ท่านก็เดินไป ถือดอกมาดอกหนึ่ง ..แล้วก็เดินไป พูดว่า จิตเราเหมือนดอกบัว มีกรรมมีอารมณ์ ที่เป็นเหมือนกลีบบัว จากนั้น ก็เดินไปแกะกลีบบัว ทิ้งไป ตาก็มองดูที่ดอกบัว ..กลีบนี้ไม่ดี ..แกะทิ้งไปเรื่อย จนกลีบบัวนั้นหมด ก็เหลือเกสรกับฝักบัว เล็กๆ แล้วก็บอกว่า เกสรดอกบัว ก็คือ เศษของกรรม ที่ต้องแกะออกไปให้หมด ให้เหลือแต่ฝักบัว ก็คือจิต
คราวนี้ เรามาเปรียบเทียบ ดอกบัวนั้น ก็คือกายที่จิตเราอาศัยอยู่ อยู่ภายในกาย มันมีกรรมหนักกรรมเบา มีอารมณ์ที่ห้อมล้อมจิตเหมือนกลีบบัว เราก็ต้องแกะ ดอกบัวนี้ไปเรื่อยๆ แล้วจิตของพระที่ท่านเกิดมาชาติสุดท้าย ท่านก็แกะกลีบบัวมาหลายชาติ ชาติสุดท้าย ก็มีเศษของกรรม ที่ต้องเกิดมา เด็ดมันทิ้งออกไป ให้เหลือแต่จิต
เรื่องของการแกะกลีบบัว เราจะเอาอะไรมาแกะกลีบบัวได้ นั่นก็เรื่องราวที่อยู่ในคำว่า สร้างจิตให้มีศีลสมาธิปัญญา เมื่อมีกายเป็นมนุษย์รู้จักดีชั่วได้ ก็เลือกที่นำกายนี้มาสร้างบุญกุศล สละความยึดถืออารมณ์กรรมนั้นไปทิ่งมันไป ทำบุญให้ทาน ให้อารมณ์เป็นทาน ให้ทานที่ยิ่งใหญ่ ทิ้งหมด เหมือนพระเวสสันดร แต่ด้วยความที่ยึด เพียงนิดเดียว ..ยึดห่วงที่เป็นบุตรธิดา ให้เค้าไปแล้ว ..เห็นชูชก เฆี่ยนตีบุตรธิดา ก็ไปถือพระขรรค์ จะทำร้ายชูชก จึงต้องกลับมาอยู่เวียงวัง
..พอมาชาติพระสิทธัตถะ ท่านก็ทิ้งหมด หนีเวียงวัง ไปอยู่ป่า ไปชำระสะสางเรื่องราว ที่อยู่กับธาตทั้งสี่ ในท่ามกลางดินฟ้าอากาศ มีที่นอนกว้างขวาง ..ไปไหนไม่มีอะไรขัดขวางท่านได้ .นั่นเป็นเรื่องราวของจิตที่ท่านมีปัญญาธรรม ท่านจึงสามารถไปชำระสะสาง เศษของกรรมในป่า ที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ได้ ทำให้ธาตุนั้นบริสุทธิ์เป็นแก้วเจียระไร บริสุทธิ์แล้วบริสุทธิ์อีก ..เป็นแก้วรัตนะ..ที่ต้องอาศัยคำว่า จิตที่มีขันติเป็นบารมี
พระอรหันต์ ท่านผ่านพ้นทุกข์มาด้วยน้ำตานิงหน้ากันทั้งนั้น พระกัสสป .กายเฒ่าชรา แต่จิตท่านไม่แก่เฒ่าชราไปตามกาย เดินไม่ไหว ท่านก็คลานจงกรม ไปตามพื้นดิน .ที่มือที่เท้าท่านก็มีแต่แผล แข้งขาก็บิดงอ เพราะความเฒ่าชราของกาย มีพระท่านเราว่า หากเราได้เห็นภาพท่านคลานจงกรม เราจะกั้นน้ำไม่ได้หรอก มันจะไหลออกมาเอง..น้ำตามันนองหน้าเอง
พระท่านให้พร มาว่าให้กายเป็นขันติ เหมือนพระกัสสปะ .เราก็คุยกับพระ ..ท่านบอกว่า โอ้ว..มันน่ากลัวจริง..ทำให้กายเป็นขันติ ..เราจำทำได้หรือ แค่ถูกเสี้ยนเล็กทิ่มหน่อย ยุงขอเลือดกินนิดหนึ่ง ขอฉันหน่อย..ขอนิดเดียวเองมาประทัง หล่อเลี้ยงสังขารกรรม กทนไม่ได้แล้ว ให้อารมณ์เป็นทานไม่ได้แล้ว เผลอ..เผลอสติ..ตบยุงตัวน้อยตายคามือ
..อย่างเช่นพระองค์องคุลีมาร ท่านก็ต้องชดใช้เคลียร์บัญชีกรรมเศษของกรรมหมดแล้ว ท่านจึงได้บวชครองผ้ากาสาวพัสตร์ มาเดินในรอยของผู้ที่มีจิตเป็นธรรม จนบรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เรื่องเศษของกรรม นั้นก็ต้องชดใช้ พระโมคคัลลา ท่านก็ต้องชดใช้ เศษของกรรมเหมือนกัน พระอานนท์ ท่านก็มีเศษของกรรม แม้เมื่อใกล้สำเร็จ ..ก็มีเศษของกรรมบางๆ เป็นราคะ ท่านก็ต้องตัดให้ขาด ..ไม่ไปต่อเนื่อง มีเวรมีกรรมที่จะต้องมาเกิดแก่เจ็บตายอีก
โฆษณา