24 ต.ค. เวลา 14:15 • ธุรกิจ

คดี The icon group การหลอกลวงที่พุ่งสูงถึง 7 พันราย ความเสียหายทะลุ 2 พันล้านบาท

คดี The icon group กลายเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ โดยมีจำนวนผู้เสียหายสูงถึง 7,000 ราย ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ทนายความของผู้เกี่ยวข้องได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลหลายประเด็น รวมถึงการจ่ายเงินและการซ่อนกล้อง เพื่อเก็บหลักฐานสำหรับการเปิดโปงในอนาคต โดยคดีนี้ได้สะท้อนปัญหาหลายด้านในสังคมไทย ทั้งในแง่ของการทุจริต การบังคับใช้กฎหมาย และพฤติกรรมทางสังคม โพสนี้จะสรุปสาระสำคัญที่เกิดขึ้นในการพูดคุยในวิดีโอของ The Standard
ผู้เสียหายพุ่งสูงถึง 7,000 ราย
- จำนวนผู้เสียหายในคดีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ราย โดยทางตำรวจได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียหายทั้งที่เป็นรายย่อยและแม่ข่ายที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
- มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงขนาดใหญ่ที่กระทบต่อประชาชนจำนวนมาก
การยึดทรัพย์และการขยายผลการสอบสวน
- ตำรวจสอบสวนกลางได้เข้าตรวจค้น 11 จุดที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา รวมถึงพนักงานและผู้ใกล้ชิดกับผู้ต้องหาหลัก ยึดทรัพย์สิน เช่น อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่า 400 ล้านบาท
- กระบวนการขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดในล็อตที่สองยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่ล็อตแรกจับกุมผู้ต้องหาหลักหลายราย รวมถึงผู้ต้องหาหลักอย่าง "บอสพอล" ที่มีบทบาทสำคัญในคดีนี้
หลักฐานจากการซ่อนกล้อง
- ทนายความของบอสพอลออกมาเผยว่ามีการซ่อนกล้องเพื่อเก็บหลักฐานการจ่ายเงินให้บุคคลอื่นๆ โดยมีการจ่ายเงินให้กับคนมากกว่า 10 คน ในจำนวนเงินที่แตกต่างกันระหว่าง 1,000-2,000 บาท
- การซ่อนกล้องดังกล่าวถูกทำขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่มีการหักหลังหรือข้อพิพาทในอนาคต
ข่าวลือเกี่ยวกับการซ่อนกล้องในที่ไม่เหมาะสมถูกปฏิเสธ
- ข่าวลือที่ว่าได้มีการซ่อนกล้องในที่ไม่เหมาะสม เช่น ในแฮร์พีช หรือเป้ากางเกง ถูกทนายความปฏิเสธ โดยยืนยันว่ากล้องถูกซ่อนไว้ที่ใต้หมวกและกระดุมเสื้อเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
การตรวจสอบและประเด็นทางกฎหมาย
- ตำรวจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาหลายราย รวมถึงดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอาจมีการฟอกเงินและมีการทำธุรกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- การตรวจสอบจะรวมถึงการวิเคราะห์เส้นทางการเงินย้อนหลัง เช่น การซื้อทรัพย์สิน รถยนต์ บ้าน และทรัพย์สินอื่นๆ ว่ามีการจ่ายภาษีถูกต้องหรือไม่
การสืบสวนขยายวงกว้างและซับซ้อน
- คดีนี้ไม่เพียงแต่กระทบวงการธุรกิจและการเงิน แต่ยังลุกลามไปถึงวงการอื่นๆ เช่น วงการบันเทิง และแม้แต่พระสงฆ์ก็ถูกพาดพิงถึงในบางกรณี เช่น การนำเงินที่ได้จากประชาชนไปลงทุนในวงแชร์
- คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาการจัดการของหน่วยงานรัฐ และความล่าช้าในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย รวมถึงความสามารถในการตรวจสอบการกระทำที่อาจนำไปสู่การฉ้อโกง
ความสำคัญของการซ่อนข้อมูลและการเรียกร้องค่าเสียหาย
- ในประเด็นของการเก็บรักษาข้อมูล ทนายความของบอสพอลระบุว่ามีแผนจะปล่อยคลิปเสียงที่เกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่จำนวน 20 ล้านบาทจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยการเผยแพร่คลิปเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการถูกแฉและเปิดเผยหลักฐานต่อสาธารณะ
- นอกจากนี้ยังมีการเตรียมฟ้องร้องบุคคลที่อ้างว่ามีการตบทรัพย์ โดยทนายความระบุว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่การเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในอนาคต
-ผลกระทบต่อสังคมไทย
- คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ยังมีช่องโหว่ในการจัดการกับคดีฉ้อโกงใหญ่ๆ และความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประชาชนยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวล
- การแพร่กระจายข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสม ทำให้สังคมไทยตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลสามารถกระจายได้อย่างรวดเร็ว
กระบวนการฟ้องร้องและการยึดทรัพย์
- ผู้เสียหายในคดีนี้ได้เริ่มกระบวนการฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหาย โดยมีความหวังว่าจะได้รับทรัพย์สินที่ถูกยึดคืน แม้ว่ากระบวนการทางกฎหมายจะซับซ้อนและใช้เวลา
- การยึดทรัพย์และการนำทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายจะขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ในชั้นศาล ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดมาจากการกระทำผิดหรือไม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจยาวนานและมีความซับซ้อน
ขอขอบคุณ The Standard ที่โพส content ดี ๆ และ DALL E
ถ้ามีอะไรผิดพลาดสามารถให้คำแนะนำได้ และ ขอบคุณที่ติดตามครับ
โฆษณา