6 พ.ย. เวลา 04:30 • การตลาด

วัดผลและปรับกลยุทธ์ E-Commerce ด้วยการใช้ข้อมูลจาก CRM

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่ากลยุทธ์ E-Commerce ของคุณมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล หากไม่มีการวัดผล ซึ่งการวัดผลและปรับกลยุทธุ์ที่ดีคือการใช้ข้อมูลเพื่อนำทาง โดยระบบการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ CRM ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือในการเก็บรวมข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการวิเคราะห์และปรับใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น CRM จึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับวัดผลและปรับกลยุทธ์ E-Commerce
วัดผลและปรับกลยุทธ์ E-Commerce : การใช้ KPI และการวัดผลทางการตลาดจาก CRM
การประเมินความสำเร็จของกลยุทธ์ E-Commerce จำเป็นต้องอาศัยตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้และเหมาะสม ซึ่ง CRM สามารถจัดหาได้ เครื่องมือนี้ช่วยให้เราสามารถติดตาม KPIs ที่สำคัญได้แก่
Conversion Rate: หมายถึงอัตราที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์แปลงเป็นลูกค้า ซึ่งช่วยวัดประสิทธิภาพของแคมเปญและองค์ประกอบต่างๆ บนเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
Customer Retention Rate: วัดความสามารถของธุรกิจในการรักษาลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ ตัวชี้วัดนี้สะท้อนถึงความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์
Average Order Value (AOV): วัดมูลค่าเฉลี่ยของแต่ละการสั่งซื้อ ซึ่งช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า และช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์ในการส่งเสริมการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Customer Acquisition Cost (CAC): แสดงต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ ตัวชี้วัดนี้ช่วยให้เข้าใจความคุ้มค่าของการลงทุนในกิจกรรมการตลาดต่างๆ
การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ผ่าน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการตามข้อมูลจริงเพื่อปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
วัดผลและปรับกลยุทธ์ E-Commerce : เทคนิคการปรับปรุงแบรนด์ E-Commerce ตามข้อมูลที่ได้รับจาก CRM
เพื่อให้การเติบโตของแบรนด์ E-Commerce ยั่งยืน การใช้ข้อมูลจาก CRM ในการปรับปรุงแบรนด์เป็นสิ่งจำเป็น นี่คือเทคนิคการใช้ข้อมูลที่ได้รับจาก CRM
ปรับเปลี่ยนข้อเสนอตามพฤติกรรมลูกค้า : ใช้ข้อมูลที่ได้จาก CRM เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า แล้วปรับเปลี่ยนข้อเสนอหรือผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการเหล่านั้น การทำเช่นนี้ช่วยให้แบรนด์สามารถตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มโอกาสในการแปลงขาย
เพิ่มประสบการณ์ลูกค้า : ใช้ข้อมูลจาก CRM ในการปรับปรุงประสบการณ์การช็อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายขึ้น การเสนอการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น หรือการนำเสนอข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงตามความชอบของพวกเขา
การตลาดแบบ Segment : แบ่งกลุ่มลูกค้าตามคุณลักษณะต่างๆ ที่ระบุได้จาก CRM เช่น สถานะการซื้อ การตอบสนองต่อแคมเปญก่อนหน้า หรือข้อมูลประชากร แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการสร้างแคมเปญที่มีความเกี่ยวข้องและเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละกลุ่ม ซึ่งในบริบทของ E-Commerce เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเป็นหัวใจสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าแต่ละคนอย่างมีประสิทธิภาพ
การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมการซื้อ : การวิเคราะห์ข้อมูลจาก CRM เกี่ยวกับประวัติการซื้อของลูกค้าช่วยให้สามารถจัดกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการซื้อ เช่น ลูกค้าที่ซื้อสินค้าบ่อยครั้ง, ลูกค้าที่ซื้อเมื่อมีส่วนลด, หรือลูกค้าที่มีการซื้อเฉพาะในหมวดหมู่สินค้าบางประเภท กลุ่มเหล่านี้จะได้รับการส่งมอบข้อเสนอและการสื่อสารทางการตลาดที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการพิเศษของพวกเขา
การตอบสนองต่อแคมเปญก่อนหน้า : ข้อมูลที่จัดเก็บจาก CRM เกี่ยวกับการตอบสนองของลูกค้าต่อแคมเปญก่อนหน้าช่วยให้ธุรกิจสามารถเห็นได้ว่ากลุ่มลูกค้าใดที่มีปฏิกิริยาตอบรับดีต่อประเภทข้อเสนอหรือข้อความโฆษณาที่เฉพาะเจาะจง การวิเคราะห์เหล่านี้สามารถนำไปสู่การปรับแต่งแคมเปญใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะได้รับความสนใจและการตอบสนองที่ดีจากกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
ข้อมูลประชากร : เช่น อายุ, เพศ, รายได้, ตำแหน่งที่อยู่อาศัย ฯลฯ ที่ได้รับจาก CRM สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าตามคุณลักษณะประชากรได้ การส่งข้อเสนอและการสื่อสารที่ปรับให้เหมาะกับลักษณะประชากรเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตอบสนองและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า
การใช้เทคนิคการตลาดแบบเซ็กเมนต์นี้ช่วยให้สามารถส่งมอบข้อเสนอที่เป็นส่วนตัวและเกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตรา Conversion Rate และ CRR (Customer Retention Rate) ที่ดีขึ้น ทำให้ธุรกิจ E-Commerce มีการเติบโตที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้ CRM ใน E-Commerce ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจสามารถทำความเข้าใจลูกค้าและปรับปรุงกลยุทธ์ E-Commerce ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนของแบรนด์ในระยะยาว
อ่านบทความเพิ่มเติม :
โฆษณา