24 ต.ค. เวลา 09:20 • ความคิดเห็น
อ่านแล้วมีความสุขน่ารักมากค่ะ... ส่วนตัวเองก็มีเรื่องน่าจดจำในช่วงเวลานั้นหลายเรื่องค่ะ....
ในช่วงแรกที่โควิดเข้ามาระบาดในเมืองไทย หน้ากากอนามัยขาดแคลน N95 ขาดแคลน... ได้รวมตัวกับเพื่อนสี่ห้าคนทำงานประสานกันหา N95 ให้หมอตามรพ.ต่างๆที่ขอเข้ามา...
ตัวเองทำหน้าที่หาเงินบริจาค จำได้ว่า N95 ช่วงนั้นแพงมาก และต้องหาซื้อกันในตลาดมืดทีเดียว.... ของมา ถ้าไม่รีบคว้า ราคาปรับทันทีถ้าไปถามซื้อทีหลัง
ที่ประทับใจคือ
คนเดียวหาเงินบริจาคสองแสนห้าในเวลาสองวันเอาไปจ่ายค่าหน้ากาก.... ได้ไง...ทั้งเงินตัวเอง เงินเพื่อนในกลุ่ม ทั้งโทรขอ ทั้ง ib หา
ได้มีโอกาสไปช่วยงานรพ.สนาม ทึ่งกับระบบการทำงานที่หมอต้องดูคนไข้ทีละหลายๆร้อยคน คนไข้รับใหม่พร้อมกันที่ละยี่สิบ สามสิบคน ขนใส่รถตู้ รสบัสเข้ามา หมอต้องคัดแยกอาการคนไข้ตามระดับความรุนแรง และเฝ้าติดตามตามกลุ่มอาการที่แยกไว้ ถ้าคนไข้ทรุดต้องรีบใส่ชุดอวกาศเข้าไปดู....ด้วยความที่เป็นหมอเด็กเขาก็จะให้ดูแลเคสเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ไม่ได้อาการหนักอะไร.... แรกๆทุกคนที่ติดเชื้อถูกจับมาขังรวมทั้วหมดที่รพ. จนรพ.ล้นต้องตั้งรพ.สนาม
อารมณ์เหมือนเราดูหนังที่ต่อสู้กับโรคระบาดร้ายที่มันระบาดไปทั่วเมืองที่มันไม่ใช่หนัง มันคือความจริง... และตอนนั้นเรายังไม่รู้จักมันมากพอ เครื่องมือที่เป็นชุดตรวจวินิจฉัยในเวลาอันรวดเร็วไม่มี วัคซีนไม่มี ยาดีๆยังไม่มี ทุกความรู้ทางการเป็นเป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด สำหรับหมอ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ การได้พบเจอโรคระบาดใหม่ แบบสู้กันมือเปล่าถือว่าเป็นเรื่องท้าทายมากค่ะ
ซื้อข้าว ซื้อน้ำ ซื้อขนมไปเลี้ยงหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่รพ.สนามเป็นระลอกๆ
เป็นช่วงเวลาที่ต้องสูญเสียคุณยายเพราะอุบัติเหตุ วันที่ได้ข่าวร้ายคือวันที่อยู่รพ.สนาม มาถึงรพ.​สนามปุ๊บ เสียงโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายก็มาเลย... นั่งงงสักพักก็ลงไปทำงานจนหมดเวลาค่อยว่ากัน เราต้องจัดงานศพอย่างกระชับ รวดเร็วท่ามกลางโรคระบาด
และเป็นช่วงเวลาที่ได้เจอใครบางคนอย่างไม่คาดฝัน
คนที่หัวใจจดจำมาตลอดไม่ใช่สมอง จำไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่....😊... คนที่เป็นฝันดีค่ะ
โฆษณา