24 ต.ค. เวลา 11:09 • ความงาม

ลิปสติกสีแดง Empowerment จริงหรือ

ลิปสติกสีแดง อาจไม่ใช่สีที่สาว ๆ ทุกคนเลือกใช้ แต่ก็มีหลายคนเลือกใช้สีนี้ เพื่อให้ตนเองดูมีพลัง และเพิ่มความมั่นของตนเองเมื่อต้องออกงานสำคัญ
ที่มาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ
ลิปสีแดงกำเนิดมาตั้งแต่สมัย 3500 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อราชินีของเมโสโปเตเมีย เอาหินสีแดงมาฝน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการมีอำนาจ และมาโดดเด่นในสมัย พระนางคลีโอพัตรา เมื่อมีการนำแมลงและเต่าทองมาบดเพื่อสกัดเอาเม็ดสี ที่เรียกว่า คาร์มีน (carmine) ดอกไม้ และนำเกล็ดปลาผสม มาช่วยทำให้ดูแวววาว
ดูแรก ๆ ก็เหมือนจะดี เพราะเป็นความสวยงามให้ผู้หญิง อย่างไรก็ดีลิปสติกสีแดงก็ถูกแบนหลายครั้ง
• ในสมัยของราชินีวิคตอเรีย มองว่าการแต่งหน้าจัดหรือทาสิปสติกสีแดง มักเป็นหญิงบริการ เพราะการแต่งหน้าใช้เครื่องประทินโฉมกลับดูไม่สุภาพ เพราะเป็นรูปแบบของชนชั้นสูงเท่านั้น
• ในสมัยศตวรรษที่ 16 ควีนอลิซาเบธ เป็นผู้นำในการประทินโฉมให้มีผิวขาวเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง ปากแดงเหมือนเลือดนก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของสตรีสูงศักดิ์
• แม้ในโบสถ์คริสเตียน มองว่าการทาสีลิปสติกสีแดง เป็นการแสดงออกถึงการบูชาซาตาน
• จากชนชั้นสูงสู่เวทมนต์ ในสมัยกษัตริย์เจมส์ที่หนึ่ง (ค.ศ. 1603-1625) สังคมมีความหวาดกลัวเรื่องเกี่ยวกับแม่มด จนถึงขนาดมีการออกกฎหมาย ในปี 1770 ว่า หญิงคนใดใช้เครื่องสำอางค์ประทินโฉมเพื่อหลอกลวงชายให้มาแต่งงาน จะถูกหาว่าเป็นแม่มดและถูกทำโทษซะงั้น และเครื่องสำอางค์ก็โดนแบน
• ต้นศตวรรษที่ 20 ลิปสติกแดงใน ปี 1915 ก็เป็นสัญญลักษณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ และมีการออกกฎหมายห้ามสตรีอายุน้อยกว่า 44 แต่งหน้าทาปาก จนกระทั่ง 1920-1930 กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งตามดาราฮอลลีวู้ด
• สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีมองว่าการแต่งหน้า ทาปากแดง เป็นเครื่องหมายของความเสื่อมทางจริยธรรม อด๊อล์ฟ ฮิตเลอร์ ถึงกลับมองว่าเป็นเครื่องหมายของยิวและคอมมิวนิสต์ และแบนไม่ให้ใช้เครื่องสำอางค์ เกลียดเลยก็ว่าได้
สีแห่งการก่อกบฏและการเรียกร้องสิทธิ
ปี 1920 เริ่มมีการเรียกร้องสิทธิสตรี ที่เรียกว่า suffragette ในประเทศอังกฤษ เพื่อต่อสู้ให้ผู้หญิงมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง มีบทบาทในการทำงานนอกบ้าน และเสียภาษีเช่นเดียวกับผู้ชาย ตามกฎหมายเท่าเทียมในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง
เมื่อก่อนผู้หญิงถือเป็นพลเมืองชั้นสอง (นี่มัน common norm ใช่มั้ย) ดังนั้นกลุ่ม suffragette จึงนำเสื้อผ้าสีแดงและการแต่งหน้ามาเป็นสัญญลักษณ์ของการแสดงออกเพื่อให้ได้ความเท่าเทียม และลิปสติกแดงก็ถูกนำมาใช้แสดงถึงพลังหญิงในสังคมที่มีผู้ชายเป็นใหญ่
และโดยเฉพาะเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางค์อย่าง Elizabeth Arden ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงนักต่อสู้ โดยผลิตลิปสติกสีแดง เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญ การกล้าแสดงออก
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อผู้ชายต้องไปรับใช้ชาติในยามสงคราม ผู้หญิงจึงต้องออกมาทำงาน ทำให้ภาพของพลังของผู้หญิงยิ่งชัดเจนขึ้น
และเมื่อลิปสติกสีแดงกลายเป็นสัญญลักษณ์ของการต่อสู้ของผู้หญิงในยุคสงคราม เรียกว่า ‘Fighting Red’ และ ‘Victory Red’ แถม Elizabeth Arden ยังออกแบบสีลิปสติกให้เข้ากับเครื่องแบบของทหารนาวิโยธิน และเป็นการปลุกระดมจิตวิญญาณนักสู้สตรี
สีแดงและวิถีเอเชีย
มาจากจีนในสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.618-907) การแต่งหน้าถือเป็นวัฒนธรรมของจีนมาแต่โบราณ หญิงจีนจะทาลิปบาล์ม โดยแต้มเป็นจุดสีแดงบนริมฝีปากล่างและทาสีแดงบนริมฝีปากบนหลังทางแป้งบนใบหน้า และผู้ชายก็แต่งหน้าเช่นกัน แต่สีจะมาจากเลือดสัตว์ ขี้ผึ้ง แร่และสีของพืช และเติมกลิ่นให้หอม
ในญี่ปุ่น สมัยเอโดะเกอิชาจะแต่งหน้า โดยทาแป้ง ที่หน้า คอจนขาว ทาปากแดง และทาฟันสีดำ
สำหรับไทย สมัยโบราณคนจะเคี้ยวหมาก ปากแดง แต่สีทาปากมาจากกระดาษลิ้นจี่ ทำมาจากแมลงอินจีอบแห้งนำมาบดจะได้สีแดง เรียก ‘ชาดลิ้นจี่’ วิธีใช้คือเม้มปากใส่กระดาษหรือใช้สำลีชุบน้ำมาทาปากซึ่งใช้ทาได้ทั้งปากและแก้ม
จำได้สมัยเด็ก ๆ จะไม่เรียก ลิปสติก แต่เรียกว่า ‘รุจ’ ทาปาก เช่น แม่บอกว่า เป็นสาวแล้ว ทารุจได้ ซึ่งพอโตขึ้นจึงเข้าใจว่า มาจากคำว่า rouge ในภาษาฝรั่งเศส ที่แปลว่า สีแดง นั่นเอง
คนดังและลิปติกสีโปรด
เทย์เลอร์ สวิฟท์ มักทาสีลิปสติกสีแดง จนกลายเป็น เฉดสีของตัวตนของเธอ เพราะหลายคนวิเคราะห์ว่า สีแดงคือแม่สี หรือจะเรียกว่า สีตัวแม่ก็ได้ เป็นสีที่ดึงดูดสายตา เธอปากได้ดี สีไม่ตกเลย งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า การทาลิปสติกสีแดงจะช่วยให้คนๆ นั้นดูมีพลังและมีความโดดเด่น ดูมั่นใจ ส่วนงานวิจัยของมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส Université de Bretagne-Sud พบว่าบริกรสาวที่ทาลิปสีแดงจะได้ทิปมากกว่าคนอื่น 50% เลย
คนดังอีกหลายท่านที่ชอบลิปติกสีแดง ก็มีมาลิรีน มอนด์โรว์ และควีนอลิซาเบธด้วยเหมือนกัน
รู้หรือไม่ว่า เมื่อก่อนลิปสติกไม่ได้เป็นแท่ง
สมัยก่อนลิปสติกจะบรรจุเป็นก้อน ห่อด้วยผ้าไหมและมีพู่กัน จนในปี 1915 Maurice Levy จึงได้ผลิตลิปสติกแบบแท่งขึ้นเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม เลือกสีทาปาก ก็ให้เข้ากับชุดที่สวมใส่ และความเหมาะสมของงานที่จะไปด้วยละกันน้า
โฆษณา