27 ต.ค. เวลา 14:58 • นิยาย เรื่องสั้น

โรงเรียนของเราน่าอยู่ (2/2)

สายสืบยูกิโตะกับโคจิโร่รีบรุกมาในที่เกิดเหตุ ซึ่งมันเป็นสวนสาธารณะและมันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเมย์แฟร์ แค่เดินเท้าเพียงสิบห้านาทีก็มาถึงที่นี้แล้ว ตอนนี้มีฝูงชนรุมล้อมแต่ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดทางไว้ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับที่เกิดเหตุ สายสืบยูกิโตะขอแยกตัวไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนโคจิโร่เดินสำรวจที่เกิดเหตุแต่ยังไม่ทันที่จะย่างเท้าเดินเข้าไปสำรวจ
[กลิ่นอะไรเนี่ย เหม็นซะมัด]
เด็กหนุ่มได้กลิ่นเหม็นเหมือนขยะเน่า ลอยโชยมาเเตะจมูกจนเขาแทบอาเจียน โคจิโร่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่กลิ่นขยะเน่าทั่วไป แต่เป็นเพราะพลังฟีนิกซ์สัมผัสได้ถึงสิ่งชั่วร้าย กลิ่นลังสดใหม่อยู่ถ้าเขาตามรอยกลิ่นไป อาจรู้ว่ามันหลบซ่อนอยู่ที่ไหน สองนาทีต่อมาสายสืบยูกิโตะก็เดินมาสมทบ พร้อมใบหน้าที่เครียดมาก
"ได้เรื่องมาไหมครับ" โคจิโร่หันมาถาม
"ฉันปากจากพยานมา เป็นเพื่อนของเชอรีนให้ข้อมูลมาว่า กลุ่มพวกเธอควรจะไปเรียนพิเศษกัน" สายสืบยูกิโตะบอกและหันไปทางกลุ่มเด็กสาว ซึ่งไม่ต้องคาดเดาก็คงเป็นเพื่อนกับเด็กที่หายตัวไป
"ขอเดานะครับ เชอรีนคิดจะโดดเรียนพิเศษ" โคจิโร่แสดงความคิดเห็น
"ก็ทำนองนั้นแหละ แล้วพวกเธอก็มาเดินเล่นที่นี้ แต่เชอรีนขอตัวไปเข้าห้องน้ำและจากนั้น เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นแล้วเธอก็หายไป"
สายสืบยูกิโตะยืนใช้ความคิด "แต่มันก็น่าแปลกใจอยู่นะ"
"ยังไงครับ" โคจิโร่ถาม
"เชอรีนเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนเมย์แฟร์ นักเรียนดีเด่นด้วยแต่ทำไมต้องเป็นเด็กโรงเรียนนี้ล่ะ"
โคจิโร่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
[โรงเรียนเมย์แฟร์]
วินาทีนั้นโคจิโร่ก็เร่งฝีเท้าออกวิ่งในทันที โดยไม่ฟังเสียงของสายสืบยูกิโตะ โคจิโร่รู้สึกตกใจกับการวิ่งของตัวเองไม่น้อย เพราะในไม่กี่เวลาต่อมาเด็กหนุ่มก็ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนเมย์แฟร์ สิ่งที่โคจิโร่คิดไว้ไม่ผิด กลิ่นเหม็นที่ปรากฏตรงห้องน้ำในสวนสาธารณะ มันลอยมาถึงข้างในโรงเรียน
ไม่ต้องใช้ความคิดให้เปลืองสมอง โคจิโร่ใช้มือขวาวาดบางอย่างบนกลางอากาศ ปรากฏเป็นอักษรรูนเรืองแสงสีขาว และไม่นานร่างของโคจิโร่ก็หายวับไปพร้อมแสงสีขาว สายสืบยูกิโตะที่พยายามวิ่งตามมาก็ถึงกับมึนงง อีกทั้งได้ตระหนักรู้เลยว่า
เขาได้คลาดสายตากับโคจิโร่จนได้
.
🗡🗡🗡🏹🏹🏹
.
โคจิโร่ได้ประจักษ์แก่สายตาของเขาว่า มิติคู่ขนานอีกด้านหนึ่ง มันแตกต่างจากโลกที่เขาอยู่มากเหลือเกิน ที่สำคัญกลิ่นที่เขาเจอก็รุนแรงม่กเสียด้วย เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าไล่ตามกลิ่นดังกล่าว แต่แล้วยังไม่ทันจะเข้าใกล้ตัวอาคาร ควันสีดำก็ปรากฏออกมาจากมุมมืด พุ่งเข้าโจมตีใส่โคจิโร่
"หมอบลง !"
เสียงตะโกนจากใครสักคนทำให้โคจิโร่ รีบก้มตัวหมอบลงทันที พริบตานั้นเขาเห็นแสงคล้ายลูกศรธนู พุ่งโจมตีใส่ควันสีดำจนมันสลายไป เผยโฉมหน้าของพวกมัน ซึ่งที่แท้ก็เป็นมนุษย์นี่เอง แถมยังมีคนหนึ่งที่โคจิโร่คุ้นเคยหน้าเสียด้วย เขาไม่รอช้าวิ่งตรงเข้าไปจัดการฝ่ายตรงข้ามทันที
"สวัสดีอีกรอบครับ คุณอดัม"
สิ้นคำหมัดขวาของโคจิโร่ก็อัดกระแทกที่ใบหน้าอดัมจนล้ม หลังจัดการกลุ่มอดัมแล้วเด็กหนุ่มรีบเหลียวไปทางข้างหลัง ซึ่งโคจิโร่ก็ต้องพบกับความแปลกใจ เพราะคนที่พึ่งมาช่วยเขาเป็นเด็กสาวที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขา เธอไว้ผมหางม้าแต่งกายกระฉับกระเฉง ด้านหลังมีดาบเน็บไว้ส่วนสองมือถือธนู
เขาคิดว่าเธอต้องเป็นเพลเยอร์แน่นอน และไม่ใช่ชาวฟรอนเทียร์ด้วย ครู่ต่อมาเด็กสาวมือธนูก็คว้าบางอย่างออกมา และโยนใส่กลุ่มอดัมกลายเป็นเชือกมัดตัวไว้ เพื่อไม่ให้หลบหนีได้หลังจัดการพวกอดัมแล้ว เขาก็ตั้งใจจะสนทนากับเพลเยอร์สาว ทว่าเธอชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน
"ฉันชื่อ แชนายุน เป็นเพลเยอร์ฝึกหัดจากสถาบันเพลเยอร์อาร์โนลด์" เด็กสาวกล่าวแนะนำตนเอง โดยไม่ต้องรอให้โคจิโร่ถามเลย
แชนายุนมองหน้าเด็กหนุ่มคล้ายพิจารณาของบางอย่าง ซึ่งโคจิโร่ยอมรับว่าไม่ชอบสายตานี้เท่าไหร่
"นายเป็นชาวฟรอนเทียร์สินะ นายเป็นใคร"
"ฉัน ว่าที่สิบตรียาริกาวะ โคจิโร่" เขาแนะนำตนเองบ้าง
ยุวชนทหารที่ยังไม่ได้ประดับยศอย่างเป็นทางการ จะถูกใช้คำนำหน้า "ว่าที่" จนกว่าจะได้รับการเลื่อนยศชั้นประทวน
"นายมาสืบเรื่องที่มีนักเรียนหายสินะ" แชนายุนถาม
"ใช่ แล้วเธอล่ะมาทำอะไรที่นี้ ตามปกติเพลเยอร์ฝึกหัดยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธารกิจนี่"
แชนายุนซะงักไป "ฉันมาตามหาเพื่อนที่หายไปต่างหาก"
"เพื่อนเหรอ" โคจิโร่เลิกคิ้วสูง
"ใช่เขาชื่อ คิมโดวอน หายตัวไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อน" แชนายุนบอก "เขาเรียนอยู่ที่นี้แหละ"
โคจิโร่รู้สึกฉงนใจแปลก ๆ "เดี๋ยวนะ ผู้ชายเหรอ" เขาถาม
"ก็ใช่น่ะสิ" แชนายุนพูด
[แปลก... แปลกมากตามรายงานที่เราได้มามีแต่ผู้หญิงที่หายไปนี่]
โคจิโร่หวนนึกถึงเด็กนักเรียนอีกคนชื่อชินจิก็เป็นผู้ชาย ก็หายตัวไปแถมจอฟฟี่ก็เกือบโดนเล่นงานอีก แต่ในบันทึกรายงานการสืบสวนที่สายสืบยูกิโตะให้มา กลับไม่มีเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กหนุ่มที่ชื่อชินจิ หรือแม้กระทั่งคิมโดวอนด้วยเช่นกัน บางทีสายสืบยูกิโตะอาจจะยังขาดประสบการณ์.... หรือไม่ก็จงใจปกปิดบางอย่าง
ครู่ต่อมาเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทั้งสองหันไปทางต้นเสียง จึงรู้ว่าอดัมที่แม้หน้าจะบวมบูดจากหมัดของโคจิโร่ แชนายุนเดินไปกระซากคอเสื้อเพื่อเค้นความจริงจากปาก "แกหัวเราะอะไร !"
"แกสองคนช่วยเด็กพวกนั้นไม่ได้หรอก ป่านนี้พรรคพวกของฉัน คงพาไปไกลแล้ว" อดัมว่า
โคจิโร่ปล่อยจิตสังหารรุนแรงใส่อดัม จนมันถึงกับต้องหุบปากเงียบ แม้แต่แชนายุนยังต้องรู้สึกขนลุกขนพอง "มึงบอกสิ่งที่รู้มา กูไม่มีเวลาทั้งวัน" เสียงเย็นของโคจิโร่ มันทำให้อดัมรู้สึกถึงความเย็นเยือกซึมเข้าผิวเนื้อ และแช่เส้นเลือดในกายเป็นน้ำแข็ง ท้ายที่สุดมันก็ยอมเปิดปากพูดสารภาพทุกอย่าง
อดัมแท้จริงคือสมาชิกลัทธิที่มีนามว่า แสงสีขาว มันเคยถูกกวาดล้างเมื่อครั้งในอดีต เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประเทศพูยอ อดัมเล่าว่าสาวกที่เหลือรอด ต่างก็พากันหนีตายมาอยู่ต่างแดนเพื่อฟื้นฟูลัทธิกลับมา จำเป็นต้อง "ผลิต" สาวกให้มากที่สุด แค่การแต่งงานมันยังไม่เพียงพอที่จะขยายอำนาจให้ลัทธิสาวก ดังนั้นจึงมีวิธีเดียวเท่านั้น
คือการลักพาตัวเด็กสาวไปให้สมาชิกในลัทธิทำการสมสู่ เพื่อผลิตทายาทที่จะกลายเป็นสาวกคนต่อไป ส่วนเด็กผู้ชายที่โดนจับไปอดัมพบว่าเด็กเหล่านั้นคือ โอเมก้า ที่สามารถตั้งท้องได้ซึ่งพบไม่บ่อยจัง ชินจิกับคิมโดวอนคือโอเมก้ารวมทั้งจอฟฟี่ด้วย เมื่อรู้ถึงแผนอันชั่วช้าเกินกว่าจะรับไหว แชนายุนก็ใช้ธนูยิงใส่หน้าของอดัม
ธนูทะลุแก้มซ้ายออกแก้มขวา ไม่กี่อึดใจมันก็แหกปากลั่นด้วยความเจ็บปวด และโคจิโร่ตัดสินใจปิดปากมัน ด้วยการเตะสอยคางอดัมจนมันหงายท้องแน่นิ่งไป ส่วนแชนายุนก็ก่นด่าสาปแช่งด้วยถ้วยคำที่อัดแน่นไปด้วยไฟโทสะ ซึ่งโคจิโร่เข้าใจความรู้สึกของเธอดี
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยใครก็ตามที่มีเชื้อสายโอเมก้า ก็มักจะโดนรังแกอยู่เสมอ และถูกปฏิบัติราวกับพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่คน โคจิโร่ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นอยู่ บางทีเขากับแชนายุนอาจไปช่วยพวกชินจิทันก็ได้
"แชนายุน ถ้าเราร่วมมือกัน" โคจิโร่หันมาพูดกับเด็กสาว "เราอาจไปช่วยพวกเขาได้"
"ยังไง" แชนายุนหันมาถาม "นายมีวิธีหรือ"
โคจิโร่ทำการวาดอักษรรูนกลางอากาศอีกครั้ง อักษรรูนเรืองแรงและชี้ทางให้แก่ทั้งสอง เพลเยอร์สาวและสารวัตรทหารฝึกหัด ต่างก็ไม่รอช้ารีบตามแสงนำทางทันที
.
🗡🗡🗡🏹🏹🏹
.
แสงนำทางทั้งสองมายังห้องหนึ่งซึ่งก็คือห้องทำงานของครู โคจิโร่เปิดประตูเข้าไปกลับพบว่ามันทางเชื่อม ที่ได้พาทั้งสองมายังสถานที่แห่งหนึ่ง มันดูคล้ายกับโบสถ์ร้างเก่า ๆ โทรม ๆ ซึ่งภายหลังแชนายุนก็จดจำได้ว่า คือโบสถ์ที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของลัทธิแสงสีขาว และปัจจุบันถูกทางการทุบทิ้งไปแล้ว
โคจิโร่จึงคิดว่าที่นี้เป็นมิติคู่ขนานที่ถูกเรียกขานว่า "มิติแห่งความว่างเปล่า" มันจะสะท้อนภาพของผู้มาเยือน และบางทีนี้ก็อาจเป็นสิ่งที่สาวกต้องการ ครู่ต่อมาสายตาของโคจิโร่ ก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง มันเหมือนเป็นช่องสำหรับที่ทิ้งขยะ แต่แสงจากอักษรรูนชี้ทางไปตรงนั้น
"ไปทางนั่นกัน" โคจิโร่บอกและชี้ให้ดู
"ที่ทิ้งขยะงั้นหรือ" แชนายุนพูดพลางขมวดคิ้ว "หรือมันจะเป็นทางลับ"
"มีทางเดียวที่จะรู้ได้ คือเราต้องไปดู"
ว่าแล้วทั้งสองก็ลองเดินลัดเลาะไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อเข้ามาในบริเวณรอบนอกของโบสถ์ เสียงบทสวดแปลก ๆ ก็ดังมาจากด้านใน แสดงว่าช่วงเวลานี้ทางโบสถ์กำลังทำพิธีอยู่ และเมื่อเขาเปิดประตูช่องทิ้งขยะก็พบว่ามันคือทางลับ แชนายุนตัดสินใจรีบลงไปด้านล่าง เพราะเธอนึกเป็นห่วงและกังวล
โคจิโร่กับแชนายุนใช้เวลาหกนาที ในการเดินลงบันไดมาเรื่อย ๆ จนมาถึงชั้นล่างสุด ซึ่งมันเหมือนจะเป็นคุกใต้ดิน และ ณ ที่แห่งนี้ทั้งสองได้เจอกับวัยรุ่นทั้งชายและหญิง ต่างถูกกุมขังในสภาพเวทนามาก แถมบางคนมีลักษณะคล้ายกับกำลังตั้งครรภ์ นาทีนั้นโคจิโร่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรง แผ่ออกมาจากแชนายุน
"โดวอน ! นายอยู่ไหน ส่งเสียงมาหน่อย" แชนายุนเรียกหาเพื่อน
ทันใดนั้นเอง...
"เธอมาหาคิมโดวอนเหรอ" เสียงเด็กสาวคนหนึ่งร้องขึ้น
โคจิโร่เรียกดาบคาตานะอาวุธประจำกายออกมา และตวัดคมดาบเพียงครั้งเดียวซีกลูกกรง ถูกผ่าครึ่งเปิดออกทำให้แชนายุนสามารถพาทุกคนออกมา สภาพแต่ละคนอิดโรยมาก ยกเว้นเชอรีนที่พึ่งถูกพาตัวมา เธอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
แชนายุนถามเด็กสาวคนหนึ่งถึงคิมโดวอน ก็ต้องพบกับความจริงสุดช็อค เธอคลาดกับเพื่อนไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น คิมโดวอนกับอีกหลายนถูกพาไปยังห้อง ที่พวกลัทธิแสงสีขาวเรียกว่า "ห้องชำระบาป" อยู่ถัดจากห้องคุกไปนิดเดียว แชนายุนได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบไปทันที
ฝั่งโคจิโร่ใช้มนตราจากอักษรรูน เปิดประตูมิติและบอกให้ทุกคนรีบหนีออกไป จากนั้นก็รีบตามแชนายุนไปทันที แต่ยังไม่ทันจะเข้าเขตห้องชำระบาปที่ว่า เสียงร้องโหยหวนอันเจ็บปวดพร้อมกับประกายไฟพุ่งทะลุออกมา โคจิโร่จึงรีบเข้ามาดูก็เห็นแชนายุนยืนถือดาบ โดยมีศพของพวกสาวกลัทธิแสงสีขาว นอนจมกองเลือดแถมยังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
เช่นเดียวกับคิมโดวอนที่นอนหมดสภาพบนเตียง รวมทั้งอีกหลาย ๆ คนด้วยเช่นกัน วินาทีนั้นโคจิโร่ก็ตระหนักเข้าใจแล้วว่า ห้องชำระบาปบัดซบนี้แท้จริงแล้ว มันก็คือห้องที่พวกมันไว้ใช้ย่ำยี้บรรดาเด็กวัยรุ่นที่พวกมันลักพาตัวมา
"พวกมันต้องชดใช้ !" แชนายุนหันมาพูดกับโคจิโร่
โคจิโร่พยักหน้าเห็นด้วย
"ไปกระทืบพวกมันกัน"
เมื่อทั้งสองตกลงกันแล้วก็ไม่รอช้า หลังพาทุกคนกลับโลกแห่งความเป็นจริงหมดแล้ว โคจิโร่กับแชนายุนก็จับมือกัน เข้าไปบุกทลายพวกสาวกลัทธิแสงสีขาวภายในโบสถ์ มันเป็นการโจมตีที่ไม่มีใครคาดคิด ภายในเวลาเพียงแค่สี่ชั่วโมงหรืออาจน้อยกว่านั้น
ลัทธิแสงสีขาวที่มีสาวกจำนวนสี่สิบคนถูกจัดการลงภายในพริบตา
.
🗡🗡🗡🏹🏹🏹
.
ผลจากการสืบสวนอย่างหนักทำให้พวกอดัมยอมเปิดปากพูด ทำให้รู้ว่ายังมีพวกมันหลงเหลืออยู่ และยังมีการแยกมาตั้งลัทธิกันเองอีก คราวนี้ทั้งกองสืบสวนแบะกองปราบปราม คงได้ทำงานหนักเป็นแน่ สายสืบยูกิโตะโดนตักเตือนถึงความบกพร่องในการสืบคดี แต่คนที่โดนลงโทษคือคนที่มอบหมายงานมากกว่า
ส่วนบรรดาเหยื่อทุกคนจะได้รับการเยียวยาและบำบัดจิตใจ ฝั่ง ผอ.ของโรงเรียนเมย์แฟร์ได้แถลงการณ์แสดงความเสียใจ พร้อมกับแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก สำหรับผู้ก่อเหตุบทลงโทษของแต่ละคน จะเจออยู่แค่สองอย่างคือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
โคจิโร่พยายามตามข่าวของแชนายุน จึงได้รู้ว่าเธอโดนลงโทษกักบริเวณ เนื่องจากสิ่งที่เธอกระทำนั้นมันเป็นการฝ่าฝืนกฎสถาบัน เดชะบุญที่เธอไม่โดนไล่ออก
"มีภารกิจให้ผมทำหรือครับ" โคจิโร่ถามและหันมาด้านหลัง
หยางเสี่ยวจุนยืนพิงที่ขอบประตูห้องทำงาน
"มีแต่อาจไม่เกี่ยวกับพวกลัทธิแสงสีขาว"
"หว้า เสียดายจังผมอยากลุยงานต่อ"
หยางเสี่ยวจุนยักไหล่
"บังเอิญว่ามีคนอยากได้นายไปฝึกงานด้วย"
"ใครครับ"
หยางเสี่ยวจุนไม่ตอบแต่เดินออกไปจากห้องแทน โคจิโร่ที่ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจไปสะพายกระเป๋าเป้ พร้อมกับเดินตามหลังรุ่นพี่ของเขา
.
🗡🗡🗡🏹🏹🏹
โฆษณา