25 ต.ค. เวลา 04:24 • การเมือง

ปูตินเปิดปากพูดถึงเรื่อง “ทหารเกาหลีเหนือเข้ามาในรัสเซียเพื่อช่วยรบในยูเครน”

นักวิเคราะห์อเมริกันเรียกร้องให้ “นั่งจับเข่าคุยกับเกาหลีเหนือ” ได้แล้ว
ในระหว่างการแถลงข่าวภายหลังการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน “ปูติน” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานที่ระบุว่ากองทหารเกาหลีเหนือเดินทางมาถึงรัสเซียเพื่อเข้าร่วมสงครามในยูเครน
1
มีการเปิดโอกาสให้นักข่าวจากสื่อตะวันตกได้สัมภาษณ์ปูตินโดยตรงหลังเสร็จสิ้นการประชุมด้วย โดยผู้สื่อข่าว NBC News ของอเมริกาได้ถามปูตินเกี่ยวกับภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นกองทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียว่า “พวกเขามาทำอะไรอยู่ที่นั่น และนั่นจะทำให้สงครามในยูเครนรุนแรงขึ้นหรือไม่” ผู้สื่อข่าวถาม
1
ภาพถ่ายนี่เป็นเรื่องซีเรียส? หากมีภาพถ่าย ก็แสดงว่ามีบางอย่างสะท้อนออกมา ผมอยากให้คุณทราบว่าไม่ใช่การกระทำของรัสเซียที่ทำให้สถานการณ์ในยูเครนรุนแรงขึ้น แต่เป็นการทำรัฐประหารของยูเครนในปี 2014 (ไมดาน 2014) ซึ่งได้รับการสนับสนุนหลักจากสหรัฐอเมริกา <…> จากนั้นเราก็ถูกหลอกมาเป็นเวลาแปดปี เมื่อพวกเขากล่าวว่าต้องการแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนโดยสันติวิธีผ่านข้อตกลงมินสค์
ปูตินกล่าวตอบนักข่าว NBC News เมื่อ 24 ตุลาคม 2024
1
อ้างอิง: [1]
Maidan 2014 ในยูเครน เครดิตภาพ: Jeff J Mitchell / Getty Images
เมื่อกลับมาที่หัวข้อ “ความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ” ปูตินได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซีย Komsomolskaya Pravda (KP.RU) เมื่อ 24 ตุลาคม (วันเดียวกัน) ไว้ว่าสภาดูมาของรัสเซียได้ให้สัตยาบันข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือไว้ - อ้างอิง: [2]
เพราะมีมาตรา 4 เราจึงไม่สงสัยเลยว่าผู้นำเกาหลีเหนือให้ความสำคัญกับข้อตกลงของเราอย่างจริงจัง แต่เราจะดำเนินการอย่างไรภายใต้กรอบของมาตรานี้ ก่อนอื่นเราจำเป็นต้องเจรจาอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรา 4 นี้ แต่เรากำลังติดต่อกับเพื่อนชาวเกาหลีเหนือของเรา และเราจะดูว่ากระบวนการนี้จะพัฒนาไปอย่างไร
ปูติน กล่าวเมื่อ 24 ตุลาคม 2024
...
  • มาตรา 4 ของสนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมระหว่าง “รัสเซีย” และ “เกาหลีเหนือ” ระบุไว้ว่า “ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอาวุธโดยรัฐใดรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐ และพบว่าตนเองอยู่ในภาวะสงคราม อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องให้ความช่วยเหลือทางทหารและความช่วยเหลืออื่นๆ ทันทีด้วยวิธีการทั้งหมดที่มีตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และตามกฎหมายของรัสเซียและเกาหลีเหนือ”
1
ปูติน กับ คิม จองอึน ลงนามร่วมกันในสนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ เมื่อช่วงมิถุนายน 2024 เครดิตภาพ: Kristina Kormilitsyna / AP
  • นักวิเคราะห์ของสหรัฐฯ ตื่นตัวและเรียกร้องให้เริ่ม “พูดคุยกับเกาหลีเหนือ”
การให้สัตยาบันในสนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกับเกาหลีเหนือของรัสเซียทำให้ฝ่ายตะวันตกเก้าอี้ร้อนนั่งไม่ติด “ดัก แบนโดว์” อดีตที่ปรึกษาของเรแกน จึงกล่าวว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องเจรจากับเกาหลีเหนือ เนื่องจากตั้งแต่สมัยโอบามา วอชิงตันขาดนโยบายเชิงสร้างสรรค์ต่อเปียงยาง แม้ว่าทรัมป์จะดูดีในภาพรวมกับเกาหลีเหนือก็ตาม ตามที่แบนโดว์ได้เขียนไว้ในบทความของ The American Conservative เผยแพร่เมื่อ 24 ตุลาคม 2024 - อ้างอิง: [3]
แบนโดว์ฝากความหวังไว้กับทรัมป์ในสมัยหน้าแล้ว เนื่องจากเขากล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิธีทางการทูตและการเจรจา สนธิสัญญากับรัสเซียให้การคุ้มครองเปียงยางจากการคว่ำบาตร เปียงยางจะไม่ยอมสละอาวุธนิวเคลียร์อย่างแน่นอน และตอนนี้วอชิงตันจะต้องสร้างกลยุทธ์ทั้งหมดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท้ายที่สุดแล้วจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวโน้มของการเสริมกำลังด้านเทคโนโลยีและทรัพยากรของเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน
บทความอ้างอิงจาก The American Conservative ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ในอีกทางหนึ่ง “วิกเตอร์ ชา” ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากศูนย์การศึกษากลยุทธ์และระหว่างประเทศ (CSIS) กล่าวเสริมรายละเอียดว่า การมีอยู่ของกองกำลังเกาหลีเหนือในยูเรเซียตะวันตก ตามที่เขากล่าวถือเป็นการเปลี่ยนผ่านของเกาหลีเหนือจากนโยบาย “เชิงป้องกัน” ไปเป็นนโยบาย “เชิงรุก” ซึ่งอาจหมายถึงการพังทลายของสมดุลในยุโรป - อ้างอิง: [4]
ชามั่นใจว่าตำแหน่งของเกาหลีเหนือในเอเชียจะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ข้อเท็จจริงคือไม่เหมือนกองทัพของเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ ที่สหรัฐฯ ใฝ่ฝันที่จะใช้เป็นตัวแทนในเอเชีย เกาหลีเหนือจะเป็นกองทัพเดียวที่ได้รับประสบการณ์การรบที่แท้จริงในสงครามสมัยใหม่ เมื่อรวมกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและทรัพยากรจากรัสเซีย พวกเขาสามารถไปถึงระดับการทหารยุคใหม่ทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น
2
อ้างอิงตามบทความของชา ขณะนี้เกาหลีใต้จำเป็นต้องเสริมการสนับสนุนให้กับยูเครนและนาโต ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จีนจะเป็นตัวชะลอคอยยั้ง “ความเดือดของเกาหลีเหนือ” ในทิศทางของยุโรปซึ่งพวกเขากล่าวประสานเสียงกันส่วนใหญ่ว่าจะต่อต้านความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นของรัสเซียกับเกาหลีเหนือ
บทความอ้างอิงจาก CSIS ตามลิงก์ด้านล่างนี้
  • บทสรุปวิเคราะห์สถานการณ์โดยรวม
วิเคราะห์จากบทความของ วิกเตอร์ ชา บน CSIS แล้ว อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงมากนัก เนื่องจากรัสเซียมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับจีน และแอคชันต่างๆ ที่ทำกับเกาหลีเหนือ (ในทางที่ไม่เปิดเผยต่อสื่อ) อย่างน้อยก็น่าจะได้รับการสื่อสารไปยังจีนบ้างแล้ว จีนรับรู้ความเป็นไปดี และมีแนวโน้มสูงว่าจีนจะเห็นด้วย
นอกจากนี้จีนและรัสเซียยังมีภารกิจทางภูมิรัฐศาสตร์ร่วมกันในอนาคตอันใกล้ รวมถึงการต่อต้านการโจมตีของอเมริกา การทำงานโดยตรงระหว่างมอสโกและเปียงยางยังเป็นประโยชน์ต่อปักกิ่งด้วย ทั้งสองประเทศอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรและแรงกดดันจากตะวันตกอยู่แล้ว ดังนั้นจีนจึงไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเพิ่มเติม
แน่นอนว่าเกาหลีใต้อาจพยายามเพิ่มการสนับสนุนยูเครน และมีแนวโน้มมากที่สุดที่โซลจะดำเนินการบางอย่าง แต่การส่งทรัพยากรทางทหารจำนวนมากจากเกาหลีใต้ไปยังยูเครนเพื่อชดเชยอิทธิพลของเกาหลีเหนือที่นั่น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีนักเพราะเกาหลีใต้อยู่ติดกับเกาหลีเหนือโดยตรง คำถามใหญ่คือโซลมีแนวโน้มที่จะยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมฝ่ายตะวันตกมากเพียงใด
1
เครดิตภาพ: ANKASAM
บทวิเคราะห์จาก iStories สื่ออิสระของรัสเซีย (อ้างอิง: [5]) - หากจีน เกาหลีใต้ หรือสหรัฐฯ หวังที่จะหยุดยั้ง “คิม จองอึน” ไม่ให้ส่งทหารไปรัสเซีย ทางเลือกของพวกเขาก็มีจำกัดและมีความเป็นไปได้ที่จะมีประสิทธิภาพต่างกัน จีนอาจกดดันรัสเซียได้ แต่จีนมีอิทธิพลโดยตรงต่อเกาหลีเหนือน้อยมาก หากจีนมีอิทธิพลเช่นนั้น เกาหลีเหนือก็คงไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองเหมือนในปัจจุบัน
จีนมีอิทธิพลเหนือรัสเซียมากกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัสเซียพึ่งพาจีนในการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรและขายทรัพยากรธรรมชาติ “ปูตินไม่สามารถทำให้ สี จิ้นผิง โกรธได้ แต่คิมทำได้ คิมรู้ดีว่าแม้จะตัดขาดทุกอย่าง เขาก็สามารถเอาสิ่งที่เหลือจากประชาชนของเขาไปได้ ปูตินไม่มีอำนาจควบคุมสังคมรัสเซียในระดับเดียวกับที่คิมทำได้ในเกาหลีเหนือ”
ทางเลือกของเกาหลีใต้มีจำกัดยิ่งกว่า โซลเองก็มีความกังวลของตัวเอง โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เกาหลีเหนืออาจได้รับอาวุธขั้นสูงจากรัสเซียเพื่อแลกกับการส่งกองกำลัง ซึ่งอาจทำให้สมดุลทางการทหารบนคาบสมุทรเกาหลีเปลี่ยนไป
เกาหลีใต้อาจตอบโต้ด้วยการยกเลิกหรือจำกัดการส่งความช่วยเหลืออาวุธหนักไปยังยูเครน ซึ่งจนถึงขณะนี้เกาหลีใต้ให้การสนับสนุนทางการทหารเฉพาะยุทโธปกรณ์ทั่วไปหรืออาวุธเบาเท่านั้น ความเป็นไปได้ในการยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเมื่อมิถุนายนปีนี้ตอนที่รัสเซียและเกาหลีเหนือลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ แต่เกาหลีใต้ยังไม่เปลี่ยนจุดยืน
สำหรับสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกอื่นๆ ของยูเครน วิธีหลักในการกดดันรัสเซียคือการเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน เป็นเวลาหลายเดือนที่เซเลนสกีขอให้ไฟเขียวใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย แต่สหรัฐฯ ยังไม่เล่นด้วย
1
เรียบเรียงโดย Right Style
25th Oct 2024
  • เชิงอรรถ:
<ภาพปก (พื้นหลัง): ผู้นำเกาหลีเหนือ “คิม จองอึน” เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยการป้องกันประเทศในเปียงยางเมื่อ 7 ตุลาคม 2024 เครดิต: KCNA / KNS (ในวงกลม): ปูตินในที่ประชุมสุดยอด BRICS 2024 ณ เมืองคาซานของรัสเซีย เมื่อ 24 ตุลาคม 2024 เครดิต: BRICS-RUSSIA2024.RU>
โฆษณา