25 ต.ค. เวลา 04:35 • ไลฟ์สไตล์

"นอสตราดามุส"

เทพพยากรณ์ หรือ แค่คำโกหก
By JPW
จะมีหนังสือสักกี่เล่มที่ว่าด้วยเรื่องเวทมนตร์ คำพยากรณ์ และ อำนาจลึกลับ ที่สามารถยืนยงมาได้นานกว่า 450ปี จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการยกมาอ้างกล่าวถึงเสมอเมื่อโลกเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ราวกับเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่นิมิตโดยเทพยากรณ์
ใช่แล้วผมกำลังพูดถึงหนังสือ Les Prophe'ties ที่เผยแพร่ในปี คศ. 1555 รังสรรค์โดย มิแชล เดอ นอสทร์ดาม (Michel de Nostredame) หรือที่เราคุ้นหูกันในนามว่า "นอสตราดามุส"
คำทำนายที่พยากรณ์ไว้ในหนังสือ Les Prophe'ties ของ นอสตราดามุส นั่นราวกับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ไม่ปาน เพราะมันสามารถทำนายเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นบนโลกได้อย่างแม่นยำจนน่าขนลุก ราวกับเทพยากรณ์จรดหมึกลงมือเขียนด้วยตนเอง
ตัวอย่าง ปกหนังสือ Les Propheties หลากหลายเวอร์ชั่น
ตั้งแต่การเชื่อมโยงคำพยากรณ์ ของเหตุการปฎิวัติฝรั่งเศส (The French Revolution) หรือทำนายการเกิดสนธิสัญญาฮาเมดาน ในปี1727 (The Trtaty of Hamedan) หรือการทำนายถึงมหาอัคคีภัยแห่งลอนดอน(The Great Fire of London)
จนมาถึงคำทำนายวันสิ้นโลกปี 2000 และเหตุการณ์ก่อการร้าย9/11 ปี 2001 จนล่าสุดคือการทำนายถึงการมาของโรคระบาดในปี 2020 นั่นคือโควิด และยังมีการทำนายล่วงหน้าไปถึงสงครามโลกครั้งที่สามอีกด้วย
เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ถือเป็นแค่บางส่วนที่ถูกอ้างถึงไว้ว่าได้มีการหยั่งรู้และพยากรณ์ไว้แล้วทั้งสิ้นโดย นอสตราดามุสผ่านหนังสือ Les Prophe'ties
แค่ไล่ดูคำทำนายแบบหยาบๆเน้นว่าแค่หยาบๆพอ ผมก็เกิดอาการ เอ๊ะ? ขึ้นในใจว่าถ้าคำนายเคยพยากรณ์ไว้ว่าโลกจะแตกตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดแล้ว กลับยังมีคำทำนายถึง การก่อการร้าย 9/11 โควิด และสงครามโลกครั้งที่3 โผล่ขึ้นมาอีกละ แบบนี้มันย้อนแย้งกันเองใช่หรือไม่ ???
แบบนี้มันก็น่าสงสัยว่า Les Prophe'ties เป็นคำทำนายจากเทพพยากรณ์ หรือเป็นแค่เพียงคำโกหกหลอกลวง!!!
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ความลี้ลับ การพยากรณ์และเวทมนตร์ จะมีพลังดึงดูด น่าหลงใหลอยู่เสมอ และมันคือสิ่งที่ชายชื่อนอสตราดามุส เห็นและเข้าใจถึงประโยชน์และพลังอันมหาศาลของมันและเขาเลือกใช้มันขับเคลื่อนชีวิตตนเองได้อย่างน่าสนใจ
ชายชื่อ นอสตราดามุส นั่นเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานด้านพยากรณ์ อย่างลึกซึ้งมาตั้งแต่แรก เขาไม่ได้เกิดในตระกูลที่ทำงานเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ และศาสตร์ด้านพยากรณ์ เขาไม่ได้ร่ำเรียนมาทางศาสตร์ด้านการพยากรณ์ หรืออยู่ในสำนักพยากรณ์ที่โด่งดังมาก่อน และที่สำคัญอาชีพแรกของเขานั่นไม่ใช่นักพยากรณ์แต่เป็นแพทย์!!!
นอสตราดามุสเกิดในปี คศ.1503 และเริ่มทำงานด้านคำพยากรณ์จริงจังในปี คศ.1550 เมื่อเขาอายุย่างเข้า47 ปี แรกเริ่มเขาตั้งรกรากในเมืองซาลอน เดอ โพรวองซ์ (Salon de Provence) เมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยช่วงแรกของชีวิตทำงานเขา
ทำงานเป็นแพทย์ และมีชื่อเสียง และความเชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้ป่วยกาฬโรค
เขาต้องการหารายได้ให้มากขึ้น นอสตราดามุส จึงเริ่มลองทำงานในด้านอื่นๆเพิ่มเป็นงานเสริม เช่นการคิดค้นผงฟอกฟันขาว ยาย้อมผมและกระทั่งยาทำเสน่ห์ จริงๆยุคที่นอสตราดามุสมีชีวิตอยู่ถือได้ว่าเป็นยุคเฟื่องฟูของการเล่นแร่แปรธาตุ
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างดีในด้านนี้เขาจึงเริ่มมองเห็นช่องทางที่สดใสกว่าเดิมอีกทั้งยังทำเงินได้อีกมหาศาลนั่นคือการพยากรณ์และโหราศาสตร์ โดยเสนอในรูปแบบให้บริการกับลูกค้าของเขาว่ามันคือการรักษาชนิดหนึ่งที่นอกเหนือไปจากการดูแลร่างกาย แต่มันยังล้ำลึกลงไปถึงการหยั่งรู้เยียวยาจิตใจ และอนาคตด้วยการให้คำพยากรณ์เป็นรายบุคคลโดยละเอียด
ในปี1550 ด้วยความเฉลียวฉลาด เขาสังเกตเห็นการเติบโตและการมาถึงของยุคแห่งสื่อสิ่งพิมพ์ และหนังสือกำลังเฟื่องฟู นอสตราดามุสจึงได้มีไอเดียใหม่ คือการพัฒนาจากการทำนายดวงชะตาให้เป็นรายบุคคล เขาเปลี่ยนรูปแบบ เป็นการบอกอนาคตประจำปีแบบกว้างๆ และเป็นรูปแบบคำพยากรณ์ที่คลุมเครือโดยใช้วิธีเขียนเป็นโครงกลอนสี่บรรทัดที่เรียกว่า quatrains มันทำให้คำทำนายของเขายิ่งดูมีเสน่ห์ ดูน่าหลงใหล และลึกลับ ซึ่งสร้างความคลุมเครือได้อย่างชาญฉลาด
ความคลุมเครือนี้เองที่ถือได้ว่าเป็นหมัดเด็ดไม้ตายในงานของนอสตราดามุส ซึ่งมันสามารถแปลความหมายเป็นอะไร สำหรับใครก็ได้ขึ้นอยู่กับผู้อ่านแต่ละคนที่จะตีความหมายซึ่งต่างก็มีประสบการณ์ที่หลากหลายแตกต่างกันไป
ทำให้ผมนึกถึงการโรยแป้ง ทาถูๆหาเลขเด็ดแบบไทยๆ ซึ่งต่างคนต่างก็เห็นสารพัดเลขแตกต่างกันไปตามแต่จะจิตนาการ หรือการมองหยดเทียนในอ่างน้ำมนต์ก็ใช้หลักเดียวกันหรือปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นจุดธูปที่มีเลขอยู่ภายใน ซึ่งแต่ละคนก็ได้เลขธูปแตกต่างกันไป ถ้าคนมาบูชากันเยอะเลขก็ย่อมออกหลายหลากมันก็ย่อมมีโอกาสที่มีสักเลขที่กลายเป็นเลขเด็ดในที่สุด
ด้วยความคลุมเครืออันแยบยลนี้คำทำนายประจำปีของนอสตราดามุสจึงเป็นที่นิยมแทบจะในทันที ตามมาด้วยผู้นิยมศรัทธาเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขายังไม่หยุดเพียงแค่นี้ เขารู้ดีกว่าการจะไปให้ถึงจุดสูงสุดของนักพยากรณ์นั่นจุดหมายต่อไปคือการเข้าสู่สังคมชนชั้นสูงและราชวงศ์ ซึ่งเขาอาจใฝ่ฝันอยากจะเป็นเหมือนพ่อมดเมอริลผู้อยู่ข้างกายกษัตริย์อาเทอร์ก็เป็นได้ใครจะรู้
และนั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักพยากรณ์ของนอสตราดามุส ในปี คศ.1555 เขาได้ลูกค้าคนสำคัญ นั่นคือ แคทเธอรีน เดอเมดิซี
(Catherine de' Medici) ผู้ดำรงตำแหน่งราชินีแห่งฝรั่งเศสในเวลานั่น และจากการสนับสนุนขององค์ราชินี นอสตราดามุส ก็ได้ก้าวเข้าสู่ราชสำนักฝรั่งเศสอย่างเต็มตัว เขาได้ถวายคำพายากรณ์แก่กษัตริย์เฮนรี่ที่2 และเหล่าราชวงศ์
ปีเดียวนั่นเอง เมื่อนอสตราดามุสเห็นสมควรถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมทั้งชื่อเสียงสถานะทางสังคม ความน่าเชื่อถือ เขาจึงได้ตีพิมพ์ หนังสือที่จะเป็นตำนานและยืนยงไปอีกกว่าหลายร้อยปี นั่นคือ Les Prophe'ties หนังสือที่รวบรวมคำทำนายของเขาไว้ และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเขา
อีก4ปีต่อมาหลังจากตีพิมพ์ Les Prophe'ties นั่นคือ คศ 1559 กษัตริย์เฮนรีที่2 ตายลงในการประลองหอก ที่ฝั่งตรงข้ามคือ กาเบรียล มอนต์โกเมอรี(Gabriel Montgomery)
ระหว่างประลอง หอกของกาเบรียลได้แตกออกและเศษแหลมคมได้แทงเข้าไปบริเวณรอบดวงตาของกษัตริย์เฮนรี่ที่2 ทำให้สมองเสียหายจนเกิดการติดเชื้อและตายในที่สุด
การตายที่แปลกประหลาดนี้สร้างความประหลาดใจต่อชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างมากที่กษัตริย์หนุ่มวัยเพียงสี่สิบปีต้องมาตายด้วยเหตุประหลาดเช่นนี้
และแสงไฟทุกดวงก็สาดส่องไปยังชายนามว่า นอสตรามุส เพราะในบทหนึ่งของคำทำนายในหนังสือLes Prophe'ties เมื่อ4ปีก่อน กล่าวไว้ว่า
"ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่อีกแล้ว" จากนั่นคำทำนายอีกบทก็ได้รับความฮือฮาตามมานั่นคือ
"สิงห์หนุ่มจะเอาชนะสิงห์เฒ่าในการดวลเพียงครั้งเดียว เขาจะใส่ดวงตาไว้ในกรงทอง ผู้ชนะได้ทุกสิ่ง จากนั่นจะเป็นความตายอันโหดร้าย"
แน่นอนตอนกษัตริย์เฮนรี่ที่2 ประลองและดวงตาเขาถูกแทง เขาได้สวมหมวกสีทอง และสิงห์เฒ่าเฮนรี่พ่ายแพ้ให้แก่กาเบรียลสิงห์หนุ่มผู้มีอายุน้อยกว่า
นั่นไง!!! นอสตราดามุสเขารู้อยู่แล้ว เขาทำนายไว้ล่วงหน้าแล้ว ความเชื่อ ความหลงใหลศรัทธาคลั่งไคล้ต่อนอสตราดามุส เกิดขึ้นตามมาอย่างมากมายมหาศาล
แต่ความจริงในอีกด้านนั่นราวกับตลกร้าย เมื่ออันที่จริงเมื่อปี คศ. 1558 หนึ่งปีก่อนที่กษัตริย์เฮนรี่จะตาย นอตราดามุสเพิ่งประกาศคำพยากรณ์ล่าสุดว่ากษัตริย์เฮนรี่ที่2นั่น เป็นผู้ "อยู่ยงคงกระพัน"!!!
จะเป็นเพราะความหน้ามืดตามัวของมนุษย์ หรือจะเพราะมนุษย์นั่นมักเลือกจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อก็ตามมันก็ทำให้คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสนั่นแม่นยำราวกับเทพยากรณ์ไปสียแล้ว
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าช่วงเวลาไหนกันแน่ที่ชื่อ นอสตราดามุส นั่นมันกลายเป็นดั่งโลโก้ที่แสดงถึงความแม่นยำของคำนาย เพราะถ้าคำพยากรณ์ใดได้พ่วงชื่อ นอสตราดามุสไว้ด้วยแล้วจะเกิดความเข้มขลังแม่นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
นอสตราดามุส จากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี คศ.1566 แต่หลังจากนั่นมานับร้อยๆปีก็ยังมีคำทำนายที่อ้างอิงถึงเขาออกมาอย่างมากมาย แน่นอนคำทำนายเหล่านั่นล้วนเป็นของปลอม จุดประสงค์ก็มีหลากหลาย เช่นนักโหราศาสตร์รุ่นหลังติดชื่อนอสตราดามุส ลงบนผลงานพวกเขาเพื่ออยากจะเพิ่มยอดขาย หรือสำนักผู้จัดพิมพ์เองก็ตีพิมพ์ Les Prophe'ties ฉบับปลอมแล้วสอดแทรกคำทำนายใหม่ๆเพื่อดึงดูดผู้อ่านให้ซื้อ
หรือแม้กระทั่งเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการเมืองการปกครอง อย่างในกรณี ของ วินเซนต์ ซีฟ (Vincent Seve) แพทย์และพ่อค้าชาวฝรั่งเศษเขาอ้างว่าหลานชายของ นอสตราดามุส ชื่อ เฮนรี ได้มอบคำทำนายที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน และเป็นมรดกตกทอดมาให้แก่เขา ในปีนั่นเอง Les Prophe'ties ฉบับใหม่ก็ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาโดยใช้ชื่อว่า Sixains
ที่น่าสนใจคือ Les Propheties เวอร์ชั่นใหม่นี้ใช้รูปแบบเป็นกลอนทำนายแบบหกบรรทัด และใช้ภาษาแตกต่างจากเดิมจากที่ นอสตราดามุส เคยเขียนอย่างสิ้นเชิง และที่น่าสังเกตุอย่างยิ่งคือเนื้อหาส่วนใหญ่ในคำทำนายเล่มใหม่นั่นเน้นไปถึงการยกย่องกษัตริย์เฮนรี่ที่4 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบันของฝรั่งเศสในขณะนั่น
และแน่นอน วินเซนต์ ซีฟ นั่นปลอมแปลงคำนายขึ้นมา เพราะเมื่อสืบค้นลงไปในประวัติศาตร์นั่นไม่เคยปรากฎตัวตนของหลานนอสตราดามุสที่ วินเซนต์ ซีฟ อ้างถึงเลย
การเริ่มใช้คำทำนายและอ้างถึงนอสตราดามุสทั้งเพื่อสร้างความหวังและความหวาดกลัว ทั้งเพื่อผลประโยชน์และด้านการเมืองการปกครอง การปฎิวัติฝรั่งเศสเป็นอีกเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ในช่วงการปฏิวัติคำพยากรณ์หนึ่งถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และแผ่นผับว่า
"อีกไม่นานทุกสิ่งจะถูกกำหนด
เรารู้สึกถึงยุคสมัยอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังมาถึง
สถานะของเครื่องหมายและตราประทับจะเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
น้อยคนนักจะพอใจในสถานะของตน"
ด้วยภาษาที่คลุมเครือไม่ชัดเจน มันจึงถูกใช้ประโยชน์จากทั้งสองฝ่ายทั้งจากฝ่ายผู้ทำการปฏิวัติและจากฝ่ายผู้ถูกปฏิวัติ ที่จะแปลความเข้าข้างฝ่ายตนได้เสมอ
หลังจากนั่นก็มี Les Prophe'ties เวอร์ชั่นใหม่ๆออกมาเรื่อยๆพร้อมกับการสอดแทรกคำทำนายใหม่เข้ามาด้วย มีการสร้างเรื่องราวชวนเชื่อใหญ่โต เช่นในปี1790 สื่อของฝรั่งเศสรายงานว่ามีชายคนหนึ่งบุกเข้าไปในหลุมศพของนอสตราดามุส และได้พบคำทำนายใหม่ที่ฝั่งอยู่พร้อมกับศพด้วยการเขียนโดยลายมือของนอสตราดามุสเอง ที่ทำนายถึงการเลิกทาสในฝรั่งเศส
จนกระทั้งมาถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โจเซฟโกบเบิลส์ (Joseph Goebbels) นักประชาสัมพันธ์ของนาซี ก็ใช้คำทำนายปลอมที่อ้างชื่อ นอสตราดามุส เพื่อต่อกรกับฝ่ายสัมพันธมิตร
ผมไม่สามารถรู้ได้เลย แท้จริงแล้วในดวงตาพยากรณ์ ของ มิแชล เดอ นอสทร์ดาม นั่นเขาเห็นสิ่งใดกันแน่ แต่สิ่งที่ผมมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมนั่นคือ Les Prophe'ties นั่นได้ถูกเจือปนไปด้วยโคลนตมแห่งคำโกหกหลอกลวงมากมาย ทั้งเพื่อจุดประสงค์ในเรื่องเงินทองเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง และอีกสารพัดผลประโยชน์ที่จะใช้ชื่อ "นอสตราดามุส" มาแนบอิง
ผมนั่งคิดเล่นๆว่าโลกยุคใหม่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารนั่นจะหลั่งไหลถาโถมมากระแทกหน้าเราทุกคนด้วยความเร็วยิ่งกว่าแสง แล้วเราจะแยกแยะกันได้อย่างไรกันเล่าว่าสิ่งไหนจริงสิ่งใดเท็จ
หนทางเดียวที่ผมพอจะนึกได้นั่นคือ อาจไม่ต้องสนใจเลยว่าข้อมูลข่าวสารนั่นมีเนื้อหาให้เรารับรู้อะไร แต่ให้คิดแค่ว่าคนที่เขาสื่อสารข้อมูลนั่นๆออกมาพวกเขาเหล่านั่นต้องการอยากให้เราคิดอย่างไร........./ JPW
  • 1.
โฆษณา