26 ต.ค. เวลา 09:44 • ความคิดเห็น

ล้างจานเพื่อล้างจาน

ผมเพิ่งถามน้องเอิร์ท สรนันท์ ชูฉัตรที่เพิ่งเปิดร้านอาหารเล็กๆ น่ารักกับภรรยาที่เป็น master chef แถวอารีย์ที่ชื่อ MIA ว่าเปิดแล้วเป็นยังไง ขายดีมั้ย เอิร์ทก็บอกว่าใช้ได้พี่ แต่ต้องปรับโน่นปรับนี่อีกหน่อยเพราะเพิ่งเปิด ผมถามต่อว่าแล้วทำร้านอาหารนี่ ชอบโมเม้นท์ไหนมากสุด คำตอบของเอิร์ทก็แปลกดี
เพราะเขาบอกว่าชอบตอนล้างจานมากที่สุด…
เอิร์ทบอกว่าจะตื่นเช้ามาล้างจานเป็นอย่างแรก ช่วงล้างจานนั้นฟินมาก เช้าๆ ไม่ได้รีบจะไปไหน ไม่ได้ล้างจานเพื่อแค่รีบๆ ให้เสร็จแต่ชอบล้าง ใจอยู่กับจานทีละใบ เอิร์ทเล่าละเอียดกระทั่งความฟินในการใช้สก็อตไบรท์ทีละด้าน พัฒนาการที่ล้างตอนแรกที่เลอะฟอง น้ำนองจนกลายเป็นเนี้ยบกริบ ล้างเสร็จแล้วจัดจานเรียงสวยงาม ยืนดูด้วยความภูมิใจ
เอิรท์บอกว่าเดี๋ยวนี้ชอบขนาดตื่นเช้ารีบเด้งจากเตียงไปล้างจาน เหมือนคนชอบออกกำลังอะไรประมาณนั้น
เรื่องล้างจานของเอิร์ททำให้ผมนึกถึงข้อความนึงขึ้นมา…
ผมอ่านหนังสือของท่านติช นัท ฮันห์ เรื่อง the miracle of mindfulness มีข้อความตอนหนึ่งเรื่องกิจกรรมล้างจานที่ท่านเล่าไว้น่าสนใจว่า ท่านสนทนากับเพื่อนของท่านตอนที่อยู่อเมริกา โดยปกติหลังอาหารเย็น ท่านติช นัท ฮันห์ ก็จะล้างจานให้เรียกร้อยก่อนที่จะไปดื่มชาสนทนากับเพื่อนๆต่อ
1
มีคืนหนึ่งที่เพื่อนของท่านขอล้างจานเอง ท่านติช นัท ฮันห์ ก็ยินดีแต่บอกว่า ถ้าจะล้างจานต้องรู้วิธีการล้างด้วยนะ เพื่อนของท่านก็งงๆ ว่ามันมีวิธีล้างจานด้วยเหรอ ล้างจานก็คือล้างจานไม่ใช่เหรอ
ท่านติช นัท ฮันห์ ตอบว่า วิธีล้างจานนั้นมีสองวิธี วิธีแรกนั้นเราล้างจานเพื่อทำความสะอาดจาน วิธีที่สองคือเราล้างจานเพื่อล้างจาน เพื่อนของท่านได้ยินจึงเข้าใจและตอบทันที่ว่าอยากจะลองล้างแบบที่สองดู แล้วก็อาสาล้างทั้งอาทิตย์นั้นเลย
ถ้าเราล้างจานโดยในหัวคิดแต่ว่าจะรีบล้างให้เสร็จจะได้ไปรีบสนทนากินน้ำชาต่อ เราก็จะรีบล้าง และรู้สึกว่าการล้างจานนั้นเป็นอุปสรรคปัญหาที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จ ซึ่งวิธีนี้ไม่ใช่การ “ล้างจานเพื่อล้างจาน” ถ้าเราไม่สามารถอยู่กับปัจจุบันและมีความสุขกับเรื่องเล็กๆตรงหน้าได้ ตอนจิบน้ำชา ใจเราก็คงลอยไปโน่นนี่โดยไม่ได้อยู่กับการจิบน้ำชาเช่นกัน
ทำให้เราดูจะด้อยความสามารถแค่จะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันแม้เพียงสักนิดไป
1
อ่านเรื่องล้างจานเพื่อล้างจานแล้ว ทำให้ความคิดผมจากที่ฟุ้งซ่านล่องลอยไปเดือนหน้าปีหน้า เริ่มกลับมาอยู่กับเรื่องตรงหน้า เริ่มเห็นอะไรรอบตัวที่เดิมไม่ได้ชัดเจน ไม่ได้สังเกตเพราะเป็นเรื่องรอบตัวที่ไม่สำคัญ จากเดิมที่ใจล่องลอยไปไหนต่อไหนไม่รู้อยู่เกือบทั้งวัน
พรุ่งนี้ไปวิ่งก็ว่าจะลองวิ่งเพื่อวิ่งแทนวิ่งเพื่อผอมดูบ้าง เผื่อจะสังเกตอะไรดีๆระหว่างวิ่งที่ไม่เคยทำเพราะสักแต่ว่าจะวิ่งให้เสร็จมาตลอด
มาลองล้างจานเพื่อล้างจาน วิ่งเพื่อวิ่ง คุยกับลูกเพื่อคุยกับลูกกันดูกันนะครับ….
โฆษณา