27 ต.ค. เวลา 00:41 • ความคิดเห็น
การ อธิษฐาน เป็นบารมี
ส่วนการ ขอ อ้อนวอน ไม่ใช่บารมีนะครับ
มันคนละเรื่องกันนะครับ
ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังนะ
พระพุทธเจ้า อธิษฐาน ให้ถาดลอยทวนน้ำ
พระบรมโพธิสัตว์ทรงถือถาดทอง เสด็จไปสู่แม่น้ำเนรัญชรา ครั้นถึงหาดทราย พระองค์จึงประทับนั่งคุกพระชานุ คือ นั่งคุกเข่าพระหัตถ์ซ้ายยันที่พระเพลาเบื้องซ้ายเพื่อค้ำกายไว้มั่น พระหัตถ์ขวาทรงถือถาดยื่นออกไปข้างหน้าวางลงบนกระแสน้ำ ตั้งพระหฤทัยอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า
“ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ก็ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำไปเถิด
แม้นว่ามิได้สำเร็จสมประสงค์ก็ขอให้ถาดลอยล่องไปตามกระแสน้ำ”
แล้วทรงปล่อยถาดทองให้หลุดจากพระหัตถ์
"ถาดทองลงสู่นาคพิภพ"
ในบัดนั้นถาดทองก็ได้เลื่อนลอยทวนกระแสชลทีขึ้นไปไกลประมาณ ๘๐ ศอก แล้วจมลงสู่นาคพิภพ กระทบกับถาดอันเป็นพุทธบริโภคแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ในอดีต ซึ่งในภัทรกัป คือ กัปอันเจริญ ได้แก่กัปปัจจุบันจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้รวม ๕ พระองค์ได้แก่
๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า
๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
๓. พระกัสสปพุทธเจ้า
๔. พระโคตมหรือพระสมณโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
๕. พระศรีอาริยพุทธเจ้า หรือพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาล
ฝ่ายพญานาคราช ครั้นได้ยินเสียงถาดกระทบกันก็ตื่นจากบรรทมเสด็จลุกขึ้นดำรัสว่า
 
“วันวานนี้ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกพระองค์หนึ่ง บัดนี้ได้บังเกิดอีกพระองค์หนึ่งแล้ว”
นี่คือตัวอย่างของ การอธิษฐานจิตบารมี
ไม่ใช่การขออ้อนวอนแต่ประการใด
การ ขอ มันคือการขอรับมา โดยไม่มีการสร้างเหตุปัจจัยแต่อย่างใดเลย
ซึ่งมันแตกต่างจากการอธิษฐาน
คือการสะสมบารมี เรียกว่า อธิษฐานบารมี น่ะครับ
โฆษณา