27 ต.ค. เวลา 04:45 • กีฬา

เรอัล มาดริดเละ บาร์ซ่ายิงถล่มยับ 4 เม็ด มหัศจรรย์ทีมสร้างใหม่ในยุคฮันซี่ ฟลิค

ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่า บาร์เซโลน่าจะบุกมาอัดเรอัล มาดริดคาบ้าน ด้วยสกอร์ 4-0
นี่คือผลการแข่งขันที่เหลือเชื่อมากๆ ยิ่งถ้าดูจากไลน์อัพของฝั่งเจ้าบ้านที่เป็นทีมออลสตาร์ชัดๆ มันไม่น่าจะอัดกันเละขนาดนี้
ทุกคนน่าจะจำกันได้ว่าในซีซั่นที่แล้ว เรอัล มาดริด ยังดูเหนือกว่าบาร์ซ่าอยู่พอสมควร
การเจอกันในเอล กลาสิโก้ มาดริดเอาชนะบาร์ซ่า แบบ "ไป-กลับ" โดยจู๊ด เบลลิงแฮม เป็นฮีโร่ ยิงประตูชัยช่วงทดเจ็บทั้งสองนัด
ขณะที่ผลงานในลาลีกา ก็คว้าแชมป์แบบมีแต้มเหนือกว่าบาร์ซ่า 10 คะแนน
ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เรอัล มาดริดคว้าแชมป์ ส่วนบาร์เซโลน่าตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย คือจะเห็นเลยว่า เรอัล มาดริด อยู่เหนือกว่าอย่างชัดเจนในปีก่อน
แต่ผ่านมาแค่พริบตาเดียว ในฤดูกาลนี้ บาร์ซ่านำมาดริดในตารางลาลีกา 6 คะแนน ส่วนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกก็อยู่อันดับสูงกว่า และทุกอย่างตอกย้ำด้วยผลลัพธ์ในเอล กลาสิโก้ เมื่อคืนนี้ คืออัดเละกัน 4 ลูก แล้วถ้าบาร์ซ่ายิงคมกว่านี้ อาจจบที่ครึ่งโหลไปแล้ว
บาร์ซ่าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทางที่ดีขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณต้องให้เครดิตฮันซี่ ฟลิค เฮดโค้ชชาวเยอรมัน
จริงอยู่ ฟลิคอาจไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติเยอรมนี แต่ในระดับสโมสรเขาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าดีเกินพอ กับผลงานแชมป์บุนเดสลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับบาเยิร์น มิวนิค
ตั้งแต่ย้ายมาคุมทีมบาร์เซโลน่า ฟลิคสร้างบรรยากาศในสโมสรให้ดีขึ้น ให้ความเชื่อมั่นใจผู้เล่นดาวรุ่ง นอกจากนั้นยังรู้ชัดเจนว่าจะเล่นฟุตบอลแบบไหน
แท็กติกที่ฟลิคเข้ามาเปลี่ยนบาร์เซโลน่าคือเรื่องการเข้าทำ โดยบาร์ซ่ายุคนี้จับเอาพื้นฐานที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างติกี้ตาก้า มาผสมกับไดเร็กต์ฟุตบอล
อธิบายคือ พวกเขาจะเริ่มเซ็ตเกมจากผู้รักษาประตู แล้วค่อยๆ บิ้วมาจากแดนหลัง จากนั้นพอเห็นช่องก็จะแทงเร็ว ให้ 3 กองหน้าเข้าทำทันที
3 กองหน้า จะมีหนึ่งคนที่พักบอลดี ส่วนปีกซ้าย-ขวา จะเป็นพวกความเร็วจัด (ราฟินญ่า, เลวานดอฟสกี้, ยามาล) ซึ่งคล้ายๆ กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ (วิลเลียมส์, โมราต้า, ยามาล)
ฟลิคให้สัมภาษณ์ในวันแรกที่รับงานว่า "ธรรมเนียมของที่นี่ คือการจ่ายบอลสั้นๆ ให้เยอะที่สุด แต่ผมอยากให้พวกเขาเล่นบอลให้เร็วกว่านี้ และสนใจเรื่องการยิงประตูมากกว่าการจ่ายบอล"
ชิ่งบอลได้ เคาะบอลได้ แต่จังหวะที่เร็วต้องเร็ว อย่าใช้เวลานานเกินไป
สิ่งที่ฟลิคเข้ามาเปลี่ยนบาร์เซโลน่าอีกอย่าง คือเรื่องสภาพร่างกาย
ในยุคชาบี เอร์นันเดซ บาร์ซ่าก็ไม่ได้แย่ แต่นักเตะชอบยุบในช่วงท้ายเกม
ซีซั่นที่แล้ว บาร์ซ่าแพ้ในลาลีกา 5 แมตช์ โดยใน 5 แมตช์นั้น พวกเขาเสียประตูในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายถึง 12 ลูก คือคุณชนะคู่แข่งไม่ได้หรอก ถ้าร่างกายไม่แกร่งพอจะวิ่งได้เต็มๆ ตลอด 90 นาที
แค่เทคนิคดีอย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องมีความอึด และความฟิต ที่สูงกว่ามาตรฐานด้วย และฟลิคก็ต้องการแก้ไขในเรื่องนี้
ฟลิค ไม่เก็บอีบัน ตอร์เรส โค้ชฟิตเนสคนเดิมในยุคชาบี แล้วไปติดต่อ ดึงตัวชูลิโอ เทาส์ มาเป็นหัวหน้าโค้ชฟิตเนสคนใหม่
ชูลิโอ เทาส์ ร่วมงานกับคอนเต้ ที่ยูเวนตุส, ทีมชาติอิตาลี, เชลซี, อินเตอร์ และ สเปอร์ส เรียกได้ว่า เป็นโค้ชคู่บุญของคอนเต้ ลุยด้วยกันมาตลอด แต่ไม่รู้ฮันซี่ ฟลิคไปเจรจาแบบไหน ชูลิโอ เทาส์ จึงตัดสินใจย้ายมาบาร์เซโลน่า แทนที่จะไปอยู่กับคอนเต้ต่อ ที่นาโปลี
โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรบาร์เซโลน่าเล่าว่า "การซ้อมของเรามีความเข้มข้นมากขึ้น ชูลิโอใช้วิธีการซ้อมใหม่ๆ ที่ทำให้เราสามารถเพรสซิ่งคู่แข่งได้ครบ 90 นาที"
เปดรี้ กองกลางของบาร์ซ่า บอกว่า "เราซ้อมหนักมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน โค้ชฟิตเนสคนใหม่มีฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ และเรารับรู้ได้เลยระหว่างการเล่น ทีมเราไม่แผ่วตอนนาทีที่ 70 หรือ 80 อีกแล้ว สภาพร่างกายเราคงที่ไปเรื่อยๆ จนจบเกม"
1
ฟลิคมาทำงานที่บาร์เซโลน่าโดยเข้าใจดี ว่าบางอย่างเขาควรเปลี่ยน แต่บางอย่างก็ห้ามเปลี่ยน
เรื่องฟิตเนส เรื่องการซ้อมหนัก สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนได้ แต่สิ่งที่ห้ามเปลี่ยนคือการให้โอกาสเด็กๆ จากลา มาเซีย กับทีมชุดใหญ่ เพราะมันคือดีเอ็นเอของสโมสร
ฟลิคเคารพในแนวทางนี้ ตัวเขาก็เชื่อแบบนั้นว่า ในทีมฟุตบอลควรมีส่วนผสมของผู้เล่นซีเนียร์ อย่างเลวานดอฟสกี้ กับ นักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงจากอะคาเดมี่
เกมลาลีกา นัดแรกสุดของฟลิค บาร์ซ่าไปเยือนบาเลนเซีย เขาส่งดาวรุ่งจากลา มาเซีย ลงสนาม พร้อมกันถึง 5 คน โดย 3 คนในนั้น เป็นเด็กอายุ 17 ปี (ยามาล, คูบาร์ซี, เบอร์นัล)
จับเอาเด็ก 17 ปี ถึงสามคนเล่นตัวจริงในเกมระดับลาลีกา คือคุณต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของอะคาเดมี่ขนาดไหน
เมื่อลงเล่นไปเรื่อยๆ บาร์เซโลน่ากลายเป็นทีมที่สมดุลมากขึ้น เกมรับโอเค แต่ที่เหนือกว่าคือเกมรุก ที่อยู่ในระดับมหัศจรรย์มาก
ฤดูกาลนี้ บาร์เซโลน่ายิงประตูในลีกไปแล้ว 37 ลูก มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของทั้งยุโรป
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นดาวซัลโวของยุโรปตอนนี้ ที่จำนวน 14 ประตู ยิงเยอะกว่าเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และ แฮร์รี่ เคน
ราฟินญ่า จากคนที่เคยโดนแฟนบาร์เซโลน่าไม่ชอบ เขาเคยโดนแฟนบอลคนหนึ่ง เอาเสื้อเบอร์ 11 ที่เขาใส่อยู่ ไปพิมพ์ชื่อเป็น นิโก้ วิลเลียมส์ สื่อว่าขายราฟินญ่า แล้วซื้อวิลเลียมส์แทนเถอะ แต่มาในเวลานี้ เขามีผลงานสุดยอด ยิงไป 6 และ แอสซิสต์ 6 ในลาลีกา
1
เช่นเดียวกับ ลามีน ยามาล ดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกยูโร ที่ผลิบานยิ่งกว่าเดิม ยิง 5 แอสซิสต์ 6 ในลาลีกา ซีซั่นนี้
ดังนั้นต้องบอกว่า ในเอล กลาสิโก้ เมื่อคืนนี้ บาร์เซโลน่าพร้อมเต็มที่ในการมาเยือนเบร์นาเบว พวกเขามั่นใจมากจริงๆ
11 ตัวจริงของเกม เอล กลาซิโก้ บาร์ซ่า ใช้ระบบ 4-3-3 แนวรับมี นายทวารอินยากิ เปนย่า, ชูลส์ กุนเด้, เปา คูบาร์ซี่, อินาโก้ มาร์ติเนซ และ อเลฮันโดร บัลเด้ กองกลางใช้ เปดรี้, มาร์ก กาซาโด้ และ เฟอร์มิน โลเปซ ส่วนสามประสานแนวรุกเป็น ราฟินญ่า, เลวานดอฟสกี้ และ ยามาล ตามเดิม
ความน่าสนใจคือ ใน 11 ตัวจริง มีนักเตะสเปนมากถึง 8 คน! โดย 6 ในนั้นเป็นผู้เล่นจากลา มาเซีย
คือพูดกันจริงๆ มูลค่าของผู้เล่นบาร์เซโลน่า เทียบไม่ได้เลยกับฝั่งเรอัล มาดริด ที่เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก และมีค่าตัวแพงมหาศาล
วินิซิอุส จูเนียร์, คีลียัน เอ็มบัปเป้, จู๊ด เบลลิงแฮม, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ฯลฯ แต่ละชื่อ คือผู้เล่นเวิลด์คลาสทั้งนั้น
เว็บไซต์ Transfermarkt ระบุ มูลค่าผู้เล่นของทั้งสองทีม ณ ปัจจุบัน เรอัล มาดริด มีราคาแพงกว่าบาร์ซ่า 400 ล้านยูโร
1
แต่เกมฟุตบอล วัดกันที่สนาม ไม่ได้วัดกันที่มูลค่าและชื่อเสียงของผู้เล่น
เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น แท็กติกที่ฮันซี่ ฟลิค ใช้ตั้งแต่นาทีแรก คือการเล่นแผน High Defensive Line ให้แผงแบ็กโฟร์ยืนสูง
เรอัล มาดริด วางกองหน้าคู่ คือวินิซิอุส กับ เอ็มบัปเป้ เป็นสายสปีดทั้งคู่ ดังนั้นบาร์เซโลน่าจึงใช้กองหลังดันสูง เพื่อวางกับดักล้ำหน้า
ผลลัพธ์คือ มาดริด ล้ำหน้า 8 ครั้งในครึ่งแรก เอ็มบัปเป้คนเดียวล้ำไป 6 ครั้ง แผนดันไลน์สูงได้ผลอย่างชะงัดมาก หนึ่งในนั้นคือจังหวะที่เอ็มบัปเป้ยิงเข้าประตูไป แต่โดน VAR ริบสกอร์ เพราะล้ำไปก่อนแล้ว
คือตามปกติ ถ้าเป็นโค้ชทั่วๆ ไป เห็นกองหน้าเร็วๆ อาจจะตั้งรับลึก เน้นการแพ็กแน่นๆ ในกรอบเขตโทษ เพื่อไม่ให้คู่แข่งมีพื้นที่ได้วิ่ง แต่ฟลิคเลือกตั้งไลน์สูงแล้วใช้การดักล้ำหน้าแทน
1
อินยากิ เปนย่า นายทวารของทีม อธิบายว่า "บอส (ฮันซี่ ฟลิค) บอกเราว่า แผงแบ็กโฟร์ ห้ามถอยไปลึกอย่างเด็ดขาด สำหรับผมในฐานะผู้รักษาประตู รู้สึกว่ามันอันตราย เพราะกองหลังจะอยู่สูงมาก และจะอยู่ห่างไกลจากคุณมาก เหมือนว่าคุณอยู่ลำพังคนเดียว ไม่มีเพื่อนคอยซัพพอร์ท แต่สิ่งที่ตอบแทนมาก็คือ คู่แข่งโดนจับล้ำหน้าหลายครั้งมาก"
3
สำหรับเรอัล มาดริด เล่นได้อย่างสะเปะสะปะ คือไม่ใช่แค่โดนจับล้ำหน้า แต่ทีมเวิร์กของทีมก็ไม่ค่อยมี
1
นาทีที่ 1 เอ็มบัปเป้หลุดเดี่ยว มีวินิซิอุสอยู่ด้านข้าง แต่ไม่ยอมจ่ายให้ เลือกยิงเองสุดท้ายหลุดกรอบ
1
นาทีที่ 22 วินิซิอุสเอาคืน กระชากแนวรับบาร์ซ่าหลุดไปทั้งแผง ถ้าเลือกจ่ายให้เอ็มบัปเป้ หรือเบลลิงแฮม ที่ยืนโล่งๆ ลูกนี้เข้าร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาเลือกจะยิงเอง แล้วหลุดกรอบไปเลยแบบงงๆ
1
นี่คือนักเตะสองคนที่เป็นว่าที่บัลลงดอร์ แต่กลับไม่มีความเข้าขากันเลย
ครึ่งแรกจบที่สกอร์ 0-0 เรอัล มาดริด ยิงไม่เข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว เป็นสถิติที่แปลกมาก ยิ่งคิดว่า เกมนี้เล่นที่เบอร์นาเบวด้วย
เข้าครึ่งหลัง ฮันซี่ ฟลิค แก้เกมครั้งแรกด้วยการส่งเฟรงกี้ เดอ ยอง ลงสนามเป็นตัวสำรอง ความน่าสนใจคือ เขาเลือกจะเปลี่ยนตัวแทนเฟอร์มิน โลเปซ แทนที่จะเป็นมาร์ก กาซาโด้ ที่โดนใบเหลืองไปแล้ว
1
กาซาโด้ เป็นผู้เล่นที่มีประโยชน์กับทีม เขาขยัน และจ่ายบอลคม ฟลิคเชื่อว่า ต่อให้โดนใบเหลือง ก็เก็บเอาไว้ในสนามดีกว่า
และการตัดสินใจของฟลิคก็ถูกต้องจริงๆ เมื่อกาซาโด้ แทงคิลเลอร์พาสให้เลวานดอฟสกี้หลุดเดี่ยว ยิงให้บาร์ซ่าขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 54
2
โค้ชที่ดี มักจะเปลี่ยนตัวได้ถูก รู้ว่าใครควรอยู่ต่อ ใครควรโดนเปลี่ยนออก และนี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ฟลิคทำให้เห็น
กองหลังของเรอัล มาดริด ระเบียบวินัยหายไปหมดแล้ว ยืนตำแหน่งกันเละเทะหมด แฟร์ล็องด์ เมนดี้ ไม่เช็กไลน์ล้ำหน้าจนโดนยิงเม็ดแรก ขณะที่คู่เซ็นเตอร์แบ็ก เอแดร์ มิลิเตา กับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ก็ไม่ระมัดระวัง จนโดนเลวานดอฟสกี้โหม่ง 2-0 ในนาทีที่ 56
เอ็มบัปเป้ เกมนี้เล่นไม่ออกอย่างสิ้นเชิง ยิงเข้า 2 ครั้ง ล้ำหน้าสองหน หลุดเดี่ยวยิงติดเซฟโกล์ ยิงไกลก็เบาเกิน เขาสร้างโอกาสได้เยอะ แต่จบไม่ลง เว็บไซต์ Whoscored ให้คะแนน 6.0 เต็ม 10 ซึ่งถือว่าน้อยมาก
ถามว่าเป็นความผิดของเอ็มบัปเป้ไหม ที่เล่นไม่ออก ก็อาจจะส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้ ก็คือ คาร์โล อันเชล็อตติ ไม่รู้จะจัดทัพแบบไหนถึงจะลงตัวที่สุด ในทีมออลสตาร์ชุดนี้
ในซีซั่นที่แล้ว มาดริด ใช้แผน 4-3-3 หรือ 4-3-1-2 เอาวินิซิอุสอยู่ซ้าย, โรดรีโก้อยู่ขวา, เบลลิงแฮมเป็นหน้าเป้าแบบ False 9
แต่พอในฤดูกาลนี้มีเอ็มบัปเป้มาอยู่ด้วย คำถามคือจะวางตำแหน่งยังไง ที่สตาร์จะได้ลงครบทุกคน
เบลลิงแฮมเป็นคนที่โดนผลกระทบมากสุด เพราะโดนเปลี่ยนตำแหน่งมาหลายรอบมาก ปีกซ้ายบ้าง กองกลางบ้าง ปีกขวาบ้าง เคยจับไปยืนเป็นฟูลแบ็กเฉพาะกิจก็มี
เบลลิงแฮมที่เกมนี้ยืนปีกขวา เล่นไม่ออกอย่างสิ้นเชิง เป็นนักเตะที่ได้คะแนนต่ำสุดในสนาม 5.7 เต็ม 10
ไม่ใช่แค่กับเกมนี้ แต่เบลลิงแฮมเล่นแย่มาตั้งแต่ฤดูกาลเริ่ม ปีที่แล้ว เขาดาวซัลโวอันดับ 3 ของลาลีกา ยิงไป 19 ประตู แต่ในฤดูกาลนี้ เล่นมาแล้ว 11 เกม เขายิงได้ 0 ประตู
เอ็มบัปเป้ กับ วินิซิอุส ไม่มีทีมเวิร์กต่อกัน ส่วนเบลลิงแฮมก็ไม่รู้จะเล่นแบบไหน กลายเป็นว่า ทีมราชันชุดขาวไม่สามารถใช้สตาร์เหล่านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ
ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับบาร์ซ่า ที่สามแนวรุกช่วยกันเล่น ช่วยกันยิง หลังจากเลวานดอฟสกี้ ยิง 2 ลูกแรก ราฟินญ่าก็แอสซิสต์ให้ยามาลยิงลูก 3-0 ก่อนที่ตัวราฟินญ่าเองจะยิงลูก 4-0
1
จบเกมการแข่งขันบาร์ซ่าเอาชนะเรอัล มาดริดได้อย่างเด็ดขาดในสกอร์ที่เหลือเชื่อมาก 4-0 ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าดูจากรายละเอียดเกม บาร์ซ่าเอาชนะได้อย่างสมบูรณ์
โอกาสยิงมากกว่า, ครองบอลมากกว่า, จ่ายบอลเข้าเป้าเยอะกว่า, ชนะลูกกลางอากาศมากกว่า ไม่มีอะไรเลยที่บาร์ซ่าเป็นรองในนัดนี้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การวางแท็กติกที่เฉียบขาดของฮันซี่ ฟลิค ที่รู้ว่าจะเล่นอะไร ใช้งานใครตรงไหนถึงจะเหมาะที่สุด
ต่อให้ใช้นักเตะจากอะคาเดมี่ ที่มีประสบการณ์น้อยมากเป็นหลัก แต่ในเมื่อคุณมีระบบที่ถูกต้อง ก็ทำให้บาร์ซ่ากลายเป็นยอดทีมได้เช่นกัน
ชัยชนะเกมนี้ เป็นการตบหน้าเรอัล มาดริดอย่างรุนแรง มันไม่ใช่แค่แพ้ แต่มันคือแพ้แบบย่อยยับคาบ้าน
1
แพ้ให้กับทีมที่ใช้นักเตะอะคาเดมี่ ทั้งๆ ที่ตัวเอง มีนักเตะว่าที่บัลลังดอร์อยู่มากมายหลายคนแท้ๆ
จากนี้ไปอันเชล็อตติ ต้องไปคิดให้หนักเลยว่า คุณจะจัดแผนอย่างไรที่จะทำให้ทีมแข็งแกร่งได้แบบไร้เทียมทาน ในเงื่อนไขว่าต้องส่งสตาร์ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด นี่เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย
และในระหว่างที่เรอัล มาดริด ยังหาความลงตัวไม่เจอ ก็เป็นโอกาสให้บาร์เซโลน่าทำแต้มหนีขึ้นไปอีก
สองทีมนี้ มีช่องว่างอยู่ 6 แต้มในลาลีกา อาจจะไม่เยอะมาก แต่ถ้าบาร์ซ่าเล่นด้วยฟอร์มแบบนี้ ก็ไม่รู้จะมีทีมไหนในสเปนหยุดยั้งได้
ลามีน ยามาล ให้สัมภาษณ์หลังเกมเอล กลาสิโก้ว่า "บางคนพูดว่าเราก็ชนะได้แต่ทีมธรรมดาๆ แต่เราทำไม่ได้แน่ถ้าเจอเกมใหญ่ แต่วันนี้เราชนะเรอัล มาดริด 4-0 เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราเอาชนะใครก็ได้ทั้งนั้น"
ผู้ชนะจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น และในวันนี้มันเป็นโมเมนต์ของบาร์เซโลน่า พวกเขาคือทีมที่ดีกว่าจริงๆ
ชัยชนะในครั้งนี้ นอกจากจะให้เครดิตผู้เล่นแล้ว เฮดโค้ชอย่างฟลิคก็ต้องได้เครดิตเช่นกัน ที่สร้างทีมให้เล่นได้อย่างสวยงาม
ก็อย่างที่เขาบอกกันเสมอ ว่าโค้ชที่ลงตัวเพียงหนึ่งคน จะเปลี่ยนแปลงทีมได้ในพริบตา และฮันซี่ ฟลิค ก็ทำให้เห็นแล้วกับสโมสรบาร์เซโลน่าในเวลานี้
#OUTCLASSELCLASICO
โฆษณา