27 ต.ค. เวลา 13:47 • ประวัติศาสตร์

EP 36 The Elite Lineage: ตระกูลเจียรวนนท์ ผู้นำธุรกิจการเกษตร

ตระกูลเจียรวนนท์เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลอย่างมากในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตระกูลนี้เป็นที่รู้จักในด้านธุรกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (หรือซีพีกรุ๊ป) ที่เป็นบริษัทหลักของตระกูลนี้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจการเกษตรเติบโตและยั่งยืนในระดับสากล
Economic Status
การลงทุนในธุรกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
ในช่วงปี 2020-2024 ซีพีกรุ๊ปได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรองรับความต้องการอาหารและสินค้าการเกษตรที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ซีพีกรุ๊ปได้มุ่งเน้นการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ๆ เช่น การทำฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farming) และการใช้เทคโนโลยี IoT ในการจัดการฟาร์ม โดยในช่วงนี้ ซีพีกรุ๊ปได้ลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาทในด้านต่างๆ ดังนี้:
  • การขยายฟาร์มและการผลิตแบบยั่งยืน: มีการลงทุนในระบบการเกษตรยั่งยืน เช่น ฟาร์มแนวดิ่ง (Vertical Farming) และการเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI และ IoT ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • การพัฒนาห่วงโซ่การผลิตอาหารครบวงจร: การขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร การลงทุนเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การขยายโรงงานผลิตอาหารแปรรูปและระบบการขนส่งแบบเย็น (Cold Chain) เพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า
  • การเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและโภชนาการสูง: จากการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ซีพีกรุ๊ปได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เน้นโภชนาการสูงและคุณภาพดี เช่น ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก (Plant-based Protein) และอาหารเพื่อสุขภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • การขยายการลงทุนในเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูง: การเพิ่มการใช้เทคโนโลยี เช่น การทำฟาร์มอัตโนมัติและโดรนเพื่อตรวจสอบพืชผล การลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
Economic Status
การส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
ซีพีกรุ๊ปได้พัฒนากลยุทธ์ร่วมกับภาครัฐและมหาวิทยาลัยหลายแห่งในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์ในภาคการเกษตร นโยบายดังกล่าวมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี และการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
การสนับสนุนจากภาครัฐ
ภาครัฐไทยได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาภาคเกษตรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งนโยบายเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการหลวงและการกำหนดกรอบนโยบาย เช่น โครงการไทยแลนด์ 4.0
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยในภาคการเกษตร ภาครัฐได้ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น IoT, AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งนี้ ซีพีกรุ๊ปยังได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีการเกษตรแบบอัจฉริยะ (Smart Farming) และการทำฟาร์มแนวตั้ง (Vertical Farming) ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรและเพิ่มคุณภาพของผลผลิต
การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ
ซีพีกรุ๊ปยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยความร่วมมือเหล่านี้ครอบคลุมด้านการวิจัย การพัฒนานวัตกรรม และการแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความรู้และทักษะด้านการเกษตรและอาหารขั้นสูง
การร่วมมือดังกล่าวยังรวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นทักษะการใช้เทคโนโลยีในภาคการเกษตรเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน เช่น หลักสูตรการทำฟาร์มอัจฉริยะ เทคโนโลยีชีวภาพสำหรับการเกษตร และการพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ
ผลที่ได้รับทางเศรษฐกิจจากการส่งเสริมนโยบายและการร่วมมือ
การส่งเสริมและการร่วมมือระหว่างซีพีกรุ๊ป ภาครัฐ และมหาวิทยาลัยต่างๆ ในด้านการเกษตรและอาหารส่งผลสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างเห็นได้ชัด โดย มูลค่าการลงทุนจากซีพีกรุ๊ปในธุรกิจการเกษตรและอาหารระหว่างปี 2020-2024 สูงถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งได้ขยายการจ้างงานและสร้างรายได้ในชุมชนท้องถิ่นกว่า 10,000 ตำแหน่ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ในภาคเกษตรกรรมผ่านการเพิ่มผลผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพสูงไปยังตลาดต่างประเทศ
การนำเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ฟาร์มอัจฉริยะและการทำฟาร์มแนวตั้ง ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% และลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 10% เมื่อเทียบกับวิธีการดั้งเดิม นอกจากนี้ ซีพีกรุ๊ปได้ขยายการส่งออกอาหารคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นกว่า 25% ซึ่งสร้างรายได้จากการส่งออกให้ประเทศสูงถึง 5,000 ล้านบาทต่อปี
ผลลัพธ์นี้แสดงถึงการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมการเกษตรไทย ผ่านการเพิ่มมูลค่าและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรอย่างยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
บทความอ้างอิง
  • Bui, T. (2022). Agricultural development in Southeast Asia: Opportunities and challenges. Journal of Asian Economic Perspectives, 27(4), 302-315.
  • Hasegawa, M. (2023). The economic impact of the agri-food industry in Thailand. Asian Development Review, 39(1), 42-58.
  • Schaffner, J. (2020). The economic influence of corporate agriculture in developing countries. World Economy Journal, 34(3), 178-190.
  • Yamazaki, H., & Suzuki, T. (2021). Innovative agriculture and sustainable growth: The role of the private sector. International Journal of Sustainable Economic Development, 13(4), 245-262.
โฆษณา