28 ต.ค. เวลา 10:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เตรียมรับมือสงครามการค้าของทรัมป์หรือยัง? - Blockdit Originals โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร

แม้ว่าในการหาเสียงทรัมป์จะประกาศกร้าวถึงพายุสงครามการค้าชุดใหม่ให้พวกเราฟังทุกวัน แต่เหมือนพวกเราจะไม่ค่อยได้ยินและไม่ค่อยสนใจกัน
2
ทรัมป์ประกาศว่า จะขึ้นกำแพงภาษีสินค้าต่อจีน 4 เท่าตัว (อ่านถูกแล้วครับสี่เท่าจากเดิม) และจะขึ้นกำแพงภาษีต่อสินค้าทั่วโลกร้อยละ 10 (ไม่ใช่เฉพาะจีนเท่านั้น)
5
หลายคนฟังแล้วก็บอกว่าทรัมป์พูดไปอย่างนั้นแหละเพื่อขู่จีนและเรียกคะแนนนิยมจากท่าทีดุดันกับจีน แต่ทรัมป์คงไม่ทำจริงหรอก เพราะถ้าทำจริง ก็จะหายนะกันหมดทั้งจีนทั้งสหรัฐฯ ตัวเลขเหล่านี้ทรัมป์น่าจะคิดขึ้นมาเล่นๆ พูดเอามัน ไม่ได้คิดมาอย่างจริงจัง
3
ความรู้สึกเหมือนเดจาวู เพราะผมจำได้ว่าเมื่อ 8 ปี ก่อน ตอนทรัมป์หาเสียงว่าจะทำสงครามการค้ากับจีน หลายคนก็คิดกันแบบนี้ว่าทรัมป์คงเพียงแค่ขู่ให้จีนมานั่งโต๊ะเจรจา แต่ทรัมป์ไม่ทำจริงหรอก แล้วสุดท้ายเป็นไงครับ ทรัมป์ซัดจีนจริง และกำแพงภาษีต่อสินค้าจีนที่ทรัมป์ตั้งไว้จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ถูกยกเลิกเลยครับ
2
ส่วนตัวเลขว่าจะขึ้นจากเดิม 4 เท่านี่คิดมาอย่างจริงจังไหม ต้องบอกว่านี่เป็นแนวนโยบายที่ Robert Lighthizer อดีตผู้แทนการค้าของทรัมป์ ซึ่งเคยดูแลการทำสงครามการค้ากับจีนในรัฐบาลทรัมป์ 1 เป็นคนเสนอ และได้เขียนอธิบายแนวคิดเบื้องหลังทางวิชาการไว้อย่างละเอียดในหนังสือเล่มหนาของเขาชื่อ No Trade is Free: Changing Course, Taking On China and Helping America’s Workers ซึ่งได้ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปีที่แล้ว
7
เขาอธิบายว่า สงครามการค้ารอบแรกในยุครัฐบาลทรัมป์ 1 นั้นทำน้อยเกินไป จึงเพียงส่งผลให้โรงงานย้ายจากจีนไปเวียดนามและอินเดีย แต่ไม่ถึงขนาดเพียงพอให้โรงงานย้ายกลับมาสหรัฐฯ
3
เป้าหมายทางนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ 2 คือต้องขึ้นกำแพงภาษีในระดับที่สูงขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัวชนิดที่โรงงานจะต้องพิจารณาย้ายกลับมาผลิตที่สหรัฐฯ แทน และทำให้เกิดการย้ายฐานกลับมาของภาคอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างงานและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจรอบใหม่ให้กับชาวสหรัฐฯ
ทรัมป์เพิ่งให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg News ไปว่า คำว่า “กำแพงภาษี” (Tariff) เป็นคำที่เขาชอบที่สุดในพจนานุกรม และการขึ้นกำแพงภาษีมีวัตถุประสงค์ได้สองข้อ ข้อแรกคือ ทำรายได้ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษี ส่วนข้อสองคือ สร้างแรงจูงใจให้โรงงานกลับมาตั้งที่สหรัฐฯ
ทรัมป์บอกว่าสงครามการค้ารอบแรกของเขาบรรลุวัตถุประสงค์ข้อแรก แต่ยังไปไม่ถึงขั้นที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ข้อที่สอง เพราะฉะนั้นรอบใหม่จะต้องแรงขึ้นหนักขึ้นมากในระดับที่ธุรกิจจะต้องรีบวิ่งกลับมาลงทุนสร้างฐานการผลิตในสหรัฐฯ แทนที่จะนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
ทรัมป์ยกตัวอย่างว่าเพื่อนของเขาเคยวางแผนจะสร้างโรงงานรถยนต์ขนาดมโหฬารที่เม็กซิโก แต่ตอนนี้หยุดสร้างไปเรียบร้อยหลังจากมองเห็นความเป็นไปได้ที่เขาจะชนะการเลือกตั้ง และทราบนโยบายการค้าของเขา ทำให้ขณะนี้กำลังพิจารณาจะสร้างโรงงานในสหรัฐฯ แทน
1
ทรัมป์ยังได้เคยกล่าวในที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันว่า เขารับไม่ได้กับการที่โรงงานรถยนต์จีนสร้างโรงงานขนาดมหึมาที่เม็กซิโก และจะส่งออกรถยนต์มาสหรัฐฯ จากเม็กซิโก หากเขาได้รับการเลือกตั้ง เขาจะขึ้นกำแพงภาษีและโรงงานจีนเหล่านี้จะต้องมาตั้งในสหรัฐฯ
3
น่าสนใจว่าทรัมป์ไม่ได้กีดกันการลงทุนจากจีน แตกต่างจากไบเดนที่มองว่าต้องกีดกันการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ เพราะจะเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ทรัมป์สนใจเรื่องธุรกิจการค้าและสนใจว่าจีนสร้างโรงงานที่ไหน หากสร้างที่สหรัฐฯ ก็ไม่มีปัญหา
ด้านที่หนักต่อจีนของทรัมป์ เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลไบเดน จึงแตกต่างกัน รัฐบาลไบเดนเน้นไปที่ Tech War ตั้งข้อจำกัดต่อเทคโนโลยีจีนและกีดกันการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีจีนในสหรัฐฯ แต่ทรัมป์เน้นไปที่ Trade War กีดกันสินค้าที่ผลิตจากจีนและนำเข้ามาในสหรัฐฯ แต่ทรัมป์ดูจะไม่มีปัญหากับบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ทำธุรกิจในสหรัฐฯ ดังที่ล่าสุดทรัมป์ออกมาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการแบน Tiktok ในสหรัฐฯ เพราะไม่อย่างนั้น Facebook จะกินตลาดเรียบคนเดียวและมีอิทธิพลมากเกินไป
1
ดังนั้น หากใครคิดว่ารัฐบาลทรัมป์ 2 คงไม่ต่างมากจากรัฐบาลไบเดน (เพราะรัฐบาลไบเดนก็ไม่ได้ยกเลิกกำแพงภาษีที่ทรัมป์ตั้งไว้เดิมอยู่แล้ว) และคงไม่ต่างจากรัฐบาลทรัมป์ 1 ที่เราเคยเห็นเคยสัมผัสกันมาแล้ว ผมคิดว่าท่านต้องคิดทบทวนใหม่ และต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์การค้าที่จะเลวร้ายลงมาก เพราะทรัมป์พูดชัดเจนทุกวันตอนนี้ว่าเขาจะทำมากขึ้นและแรงกว่าเดิม และจะทำสงครามการค้ากับทุกประเทศ ไม่เฉพาะจีน เพื่อเป้าหมายทางนโยบายในการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตครั้งใหม่ในสหรัฐฯ
3
ส่วนท่านที่คิดว่าถึงทรัมป์พูดได้ ก็ทำไม่ได้จริงหรอก ก็ขอเรียนว่านโยบายการค้าของสหรัฐฯ นั้นเป็นอำนาจเต็มของประธานาธิบดี ไม่ต้องผ่านสภาคอนเกรส ทรัมป์ทำได้ทันทีตามใจ
ส่วนที่มองกันว่าถ้าทำจริงสหรัฐฯ เองก็จะเสียหายมากนั้น ยังจำกันได้ไหมครับว่าสงครามการค้ารอบแรกของทรัมป์ แม้สหรัฐฯ จะเจ็บเช่นกัน แต่เจ็บในระดับที่ทนได้และจีนเจ็บหนักกว่ามาก
4
แม้ครั้งนี้จะเพิ่มจากของเดิม 4 เท่า ทำให้นักเศรษฐศาสตร์มองว่าสหรับฯ จะเจ็บหนักกว่าเดิมมากและจะกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่จริงๆ แล้ว นโยบายการค้าลักษณะนี้เป็นของใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ยากมากครับที่จะประเมินผลทางนโยบายในโลกแห่งความเป็นจริงได้ถูกต้อง
เช่นที่คิดกันว่าโรงงานไม่กลับมาสหรัฐฯ หรอก เพราะสหรัฐฯ ไม่มีความได้เปรียบเรื่องค่าแรง แต่จริงๆ แล้วปัจจุบันโรงงานเป็น Automation ไม่ต้องใช้แรงงานมาก และหากตั้งใกล้ผู้บริโภค ก็สามารถประหยัดต้นทุนโลจิสติกส์ สุดท้ายแม้ต้นทุนการผลิตรวมจะสูงกว่าผลิตที่ต่างประเทศ แต่ก็อาจไม่ได้สูงกว่ามากหลายเท่าตัวในระดับที่หลายคนเคยเข้าใจ
1
จึงมาถึงคำถามสุดท้ายว่า แล้วทรัมป์จะชนะไหมในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ก็บอกได้เพียงแค่ว่าฐานเสียงที่สำคัญที่สุดในรัฐ Battleground States (รัฐสำคัญๆ ที่จะตัดสินผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ) ก็คือชนชั้นแรงงานเก่าที่งานเขาสูญหายไป เพราะโรงงานสหรัฐฯ ปิดและย้ายไปเมืองจีนกับเวียดนามนี่แหละครับ
4
โฆษณา