28 ต.ค. เวลา 12:19 • หนังสือ

ต้นทุนการเกิดมาจากโชคชะตากำหนด

ลองคิดภาพตามเรื่องที่ผมจะเล่านี้นะครับเป็นเรื่องราวของคุณแม่สองคนที่กำลังจะคลอดลูก ที่โชคชะตาทำงานกับชีวิตของคุณแม่สองคนนี้ได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนส่งผลต่อชีวิตของเด็กสองคนที่เกิดมาที่จะมีชีวิตที่แตกต่างกันแบบเทียบกันไม่ได้ มันเป็นอะไรที่ไม่มีใครกำหนดได้ เป็นอะไรที่ไม่มีใครคาดเดาได้ และเป็นอะไรที่เด็กสองไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะทำยังไงให้ชีวิตได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในการเกิดมาครั้งนี้
วันหนึ่งมีคุณแม่สองคนกำลังจะคลอดลูกพร้อมกัน คุณแม่คนแรกมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน เป็นคนขยัน หาเช้ากินค่ำ ทำงานหลายอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดี ทำงานหนักตลอดแม้แต่ช่วงที่ตั้งท้อง ด้วยเพราะรู้ว่าจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมาลืมตาดูโลกแต่ต้องการ “เงิน” เพื่อทำให้ชีวิตของลูกน้อยคนนี้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในอนาคต
สามีก็เป็นคนดี ขยัน หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตพออยู่พอกินไม่ฟุ้งเฟ้อ การทำงานช่วงที่กำลังท้องของคุณแม่คนนี้ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ตนเองมีรายได้ที่ยังคงอยู่ในระดับปกติเหมือนเดิมไม่ขาดหายไปช่วงที่ตัวเองตั้งท้อง
คุณแม่คนนี้เพิ่งจะมาได้หยุดทำงานในช่วงลาคลอด การฝากท้องของคุณแม่คนนี้ก็เป็นการฝากท้องและดำเนินการตามสวัสดิการรัฐและประกันสังคม ฝากท้องในโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วไปและทำคลอดตาม Package ปกติธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษเนื่องจากครอบครัวไม่ได้มีเงินมากมายนัก การดูแลตัวเองในระหว่างคลอดก็ทำได้เท่าที่ทำเนื่องจากไม่สามารถลงทุนอะไรมากมายได้ในการดูแลสุขภาพระหว่างตั้งท้อง/และที่สำคัญยังคงต้องทำงานหนักเพื่อเก็บเงินมารองรับค่าใช้จ่ายที่กำลังจะมาถึง
คุณแม่อีกคนหนึ่งมาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจ วาสนา บารมี มีเงินมรดกมหาศาล สามีก็มีฐานะดี ร่ำร่วย ตำแหน่งหน้าที่การดีมีชื่อเสียง เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง คุณแม่คนนี้พร้อมสามีและญาติพี่น้องต่างดีใจและพากันหาสิ่งที่ดีที่สุดเตรียมพร้อมไว้ให้คุณแม่และลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา คุณแม่คนนี้ได้ฝากท้องกับคุณหมอชื่อดังระดับประเทศในเรื่องของการดูแลการตั้งครรภ์
นอกจากนี้ยังได้รับการดูแลอย่างดีจากแพทย์และพยาบาลคนอื่นๆ ในระหว่างการฝากครรภ์ มีนักโภชนาการคอยแนะนำอาหารการกินที่เหมาะสมและส่งผลดีต่อลูกในท้อง มีเชฟส่วนตัวทำอาหารตามที่นักโภชนาการกำหนดมี Trainer ส่วนตัวแนะนำในการออกกำลังกาย สารพัดอาหารเสริมคุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศต่างประเดประดังเข้ามาให้คุณแม่คนนี้เลือกกินได้อย่างไม่ขาดสาย ในระหว่างท้องสามีด้วยความเป็นห่วงภรรยาจึงจัดหาพยายาบาลพิเศษกับแม่บ้านมาดูแลเพิ่มเติมให้
เรียกได้ว่าคุณแม่คนนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ตั้งท้องและแทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกเหนือไปจากการดูแลตัวเองเลยเพราะมีคนทำให้ทุกอย่างแน่นอนครับว่าถ้าเราเอาเรื่องความพยายามเป็นที่ตั้งและปฏิเสธการมีอยู่ของโชคชะตา เด็กทุกคนที่ต้องมาเกิดย่อมพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะให้ตัวเองมาเกิดในคุณแม่คนที่สองซึ่งมีพร้อมทุกอย่างสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย
แต่เนื่องจากการเกิดนี้เป็นเรื่องการทำงานของโชคชะตาเพียงอย่างเดียว เด็กน้อยที่กำลังจะเกิดมาไม่สามารถเลือกและพยายามให้ตัวเองมาเกิดกับคุณแม่คนที่สองได้
นั่นหมายความว่าต้องมีเด็กเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์นี้ส่วนอีกคนหนึ่งก็จะต้องไปเกิดในคุณแม่คนแรก ซึ่งในความรักความเอ็นดูของแม่นั้น แม่ทุกคนเลี้ยงลูกด้วยความทะนุถนอมได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นหลังเกิดมาแล้วเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูแบบไหนก็เป็นเรื่องของโชคชะตากำหนดอีกเช่นเคย คนที่มีฐานะดีอาจจะไม่ได้ให้ความรักความอบอุ่นลูกมากเท่ากับคนที่มีฐานะไม่ดีก็ได้ นั่นไม่มีใครรู้และกำหนดได้
เมื่อโชคชะตาทำงานเด็กสองคนนี้เลือกเกิดไม่ได้ สิ่งที่จะกำหนดให้เด็กสองคนนี้มีเส้นทางเดินของชีวิตในช่วงเริ่มต้นว่าจะเป็นอย่างไร? ได้ไปเกิดกับคุณแม่คนไหน? ถ้าว่ากันตามหลักบุญ กรรม วัฏสงสาร ที่ร้อยเรียงมากเป็นเส้นทางเดินของแต่ละคน มันคือ “โชคชะตา” ที่เป็นตัวกำหนด ขึ้นอยู่กับว่าเด็กสองคนนี้สร้างและสั่งสมอะไรมาบ้างก่อนหน้านี้
โชคชะตา คือ เส้นทางที่นำ อดีต มาผูกกับปัจจุบัน และเชื่อมโยงกับอนาคต มันเป็นการทำงานที่ “อดีต” เราไม่สามารถแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนอะไรได้ “ปัจจุบัน” เราเลือกที่จะทำได้ แต่ “อนาคต” แม้ส่วนใหญ่มันขึ้นอยู่กับว่าเราได้ทำสองอย่างแรกมาอย่างไร แต่มันไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราคาดคิดเสมอเพราะหลายครั้งอนาคตที่จะมาถึงมันมีสิ่งที่ “ไม่คาดคิด” เกิดขึ้นได้ตลอดเวลานี่แหละคือ
 
“โชคชะตา”
กลับมาที่ชีวิตของเด็กสองคนนี้ต่อกันครับ มาดูว่าโชคชะตาทำงานกับชีวิตของพวกเขายังไงบ้าง แน่นอนว่าเด็กที่เกิดมาในคุณแม่คนแรก ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกโอกาส ทุกแต้มต่อของชีวิตซึ่งจะเป็น “ต้นทุนชีวิต” ที่เขาจะได้รับจากพ่อแม่นั้นย่อมมีจำกัดตามฐานะของพ่อแม่ ในที่นี้บางคนอาจจะมีคำถามว่า “ทำไมพ่อแม่ไม่พยายามเพื่อให้ลูกได้สิ่งที่ดีขึ้นอีกล่ะ?” เราก็คงต้องถามและมองย้อนกลับไปต่อว่า
“ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่อยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีในชีวิต แต่ถ้าพวกเขาพยายามเต็มที่จนเจียนตายแล้วเพียงแต่มันได้แค่เท่ากับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น แบบนี้ก็คงต้องอยู่กับสิ่งที่มีให้ดีที่สุด เพราะบางทีสิ่งที่เด็กคนนี้จะได้รับมันอาจถูกโชคชะตากำหนดมาแล้วก็ได้ว่า…ให้ได้แค่นี้เท่านั้นในช่วงแรกของชีวิต”
เด็กคนแรกนี้เมื่อเกิดมาจะมีโภชนาการที่จำกัดตามกำลังของพ่อแม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ จะมีนมผงที่เป็นแบรนด์ที่ดีในระดับหนึ่ง มีมาตรฐานทั่วไปตามท้องตลาด ราคาไม่สูงมากกิน มีผ้าอ้อมที่อาจจะไม่สามารถใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่มีราคาแพงได้แต่เป็นผ้าอ้อมทั่วไปแบบใช้แล้วซัก หรือในบางครั้งก็อาจใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสลับกันได้เช่นกันแต่เป็นชนิดปกติธรรมดา ราคาไม่แพง และคงไม่สามารถ Advance ใช้ไปถึงระดับที่เป็น Organic หรือยี่ห้อที่มีราคาสูงได้ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังทรัพย์ของพ่อแม่
การเลี้ยงดูของเด็กคนแรกนี้ ด้วยความที่พ่อแม่ต่างต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เวลาที่จะให้กับลูกก็ต้องลดน้อยถอยลงไป ความรักความอบอุ่นที่ได้ย่อมมีจำกัด อาจจะต้องไปอยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย หรือพี่เลี้ยงเด็ก (ที่เป็นคนว่างงานทั่วไปไม่ใช่มืออาชีพ) คงยากที่จะได้สัมผัสสายใยและอ้อมกอดแม่ในช่วงเวลาวัยเด็ก ความโหยหา อาลัย อาวรณ์ เวลาที่ต้องการจากแม่ คือสิ่งที่เด็กคนนี้อาจจะรู้สึก
บางครั้งอาจต้องห่างจากพ่อแม่ไปอยู่ที่อื่นด้วยความที่ไม่มีเวลาเลี้ยงดู การรักษาพยาบาลเวลาต้องฉีดวัคซีนหรือเจ็บป่วยไม่สบาย สวัสดิการโรงพยาบาลของรัฐจะเป็นสิ่งแรกที่เด็กคนนี้ได้รับซึ่งก็ไม่ได้แย่อะไรเพราะปัจจุบันก็มีการพัฒนาการให้บริการไปในทางทีดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้แต่ถึงอย่างไรการได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลเอกชนก็ยังคงค่อนข้างที่จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าตามมุมมองของคนทั่วไปเพราะความพร้อมในเครื่องของเครื่องไม้เครื่องมือและการเอาใจใส่ดูแลที่ทั่วถึงกว่า
มาถึงเรื่องราวของเด็กน้อยคนที่สองซึ่งเป็นคนที่มีเส้นทางชีวิตและโชคชะตาที่ค่อนข้างเพียงพร้อม ต้นทุนชีวิตของเด็กคนนี้มีมาเต็ม 100 ตั้งแต่ยังไม่เกิด ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาเกิดมาก็จะมีพร้อมทุกอย่าง ได้รับแต่สิ่งดีๆ การเลี้ยงดูแน่นอนว่าด้วยฐานะที่ร่ำรวยมั่นคง แม่จะเป็นหลักในการเลี้ยงดูฟูมฟัก ให้ความรัก ความอบอุ่น ความใกล้ชิดได้ตลอดเวลาเพราะไม่ต้องทำอะไรนอกจากเลี้ยงดูลูกอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังมีพยาบาลประจำตัวคอยให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อดูแลทั้งแม่และลูกให้แข็งแรง มีพี่เลี้ยงเด็กคอยช่วยเหลือทำทุกอย่าง เรื่องของโภชนาการด้วยความที่แม่มีเวลามาก เด็กจะได้รับน้ำนมแม่ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีที่สุดเป็นหลัก ถ้าจะมีนมผงมาเสริมก็จะเป็นยี่ห้อที่ดี เป็นแบรนด์ดัง บางครั้งก็ Import เข้ามาจากต่างประเทศ ผัก ผลไม้ ก็ซื้อของดีราคาแพงได้ไม่มีปัญหา เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็ระดับแบรนด์เนม เป็นสินค้าคุณภาพดี High Quality ใช้ผลิตภัณฑ์ระดับ Organic ได้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นในการเลี้ยงเด็กอ่อนมีเข้ามาให้อย่างเพียงพร้อมจากครอบครัวเด็กเอง รวมถึงจากญาติพี่น้องที่สรรหาสารพัดสิ่งมามอบให้ถึงที่ ยังไม่นับรวมทรัพย์สินเงินทองของรับขวัญมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าสุขสบายตั้งแต่เกิด
คำถามเกี่ยวกับชีวิตเด็กสองคนนี้ในช่วงเกิดมาคือ “เราจะอธิบายว่าโชคชะตาไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเราเลยได้อย่างไรในเมื่อตั้งแต่เกิดมามันก็กำหนดตัวตนและสิ่งที่เราจะได้รับไปเรียบร้อยแล้ว” เท่านั้นไม่พอสิ่งที่เราได้รับมานี้มันยังสามารถให้คุณให้โทษเราได้ขนาดนี้เพราะมันหมายถึง “ต้นทุนชีวิต” ที่เอาไว้ให้เราได้เป็นแต้มต่อเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ ถ้าเราบอกว่าโชคชะตาไม่มีผลอะไรกับชีวิต “อะไรจะรับประกันได้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดของเรามันจะไม่มีผลต่อความสำเร็จในอนาคต??” ก็ในเมื่อ
บางครั้งการเกิดมาจนทำให้เราดิ้นรนมากกว่าปกติและสำเร็จได้ด้วยความมุ่งมั่นที่มากกว่าคนอื่นในการอยากมีชีวิตที่ดี
การเกิดมาร่ำรวยทำให้เรามีโอกาสลองผิดลองถูกได้มากกว่าคนอื่นและพบเจอสิ่งที่ใช่ สิ่งที่ชอบ จนประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะขาดทุนไปเท่าไหร่? หรือเสียเวลาไปมากแค่ไหน?
หรือบางครั้งการเกิดมาจนยิ่งทำให้เราท้อแท้ละทิ้งความฝันและความพยายามเพราะมองว่าทำอะไรไปก็สูญเปล่าไม่มีทางสำเร็จ
หรือความร่ำรวยก็อาจะเป็นดาบสองคมให้เรารู้สึกว่าไม่ต้องทำอะไรแล้วชีวิตนี้อยู่ใช้เงินไปเรื่อยๆ จนตายก็ได้
ถ้าเราวาดภาพโดยดูจากชีวิตของเด็ก 2 คนนี้ เราจะเห็นอนาคตของทั้งสองในมุมที่เราก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า โชคชะตาจะขีดเขียนเส้นทางของพวกเขาไว้อย่างไร? คนที่เกิดมาในฐานะด้อยกว่าอาจจะกลายเป็นคนร่ำรวยและประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด ถ้าเขาพยายามได้ถูกเรื่อง เจอสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ใช่ เจอสิ่งที่โชคชะตากำหนดมาแล้วว่าเขาต้องเป็น ต้องทำ แล้วจะสำเร็จ และเขาก็ลงมือทำอย่างไม่สนหน้าสนหลัง
กลับกันเด็กอีกคนที่เกิดมาในฐานะที่มั่นคง มั่งคั่ง ร่ำรวย เพียบพร้อมทุกอย่าง อาจจะล้มเหลวกับชีวิตเพราะตัดสินใจผิดพลาดในบางเรื่อง เกิดการตัดสินใจแบบไม่มีเหตุผลหรือไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้ต้องทำแบบนั้นเลยในชีวิตในบางครั้ง โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าตัวเอง “ทำแบบนั้นไปทำไม?”
หรือเจอมรสุมชีวิตแบบไม่คาดคิดมาก่อนทั้งด้านสุขภาพร่างกาย หรือจิตใจ ไม่ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ทำ ลงท้ายด้วยการต้องกลายมาเป็นหนี้เป็นสินชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้ หากโชคชะตากำหนดมาแล้วว่าชีวิตเขาจะต้องเป็นเช่นนั้นและเขาทำปัจจุบันได้ดีไม่มากพอจนเปลี่ยนอนาคตไม่ได้
แต่สิ่งที่อธิบายอิทธิพลของโชคชะตาของเด็ก 2 คนนี้ได้ในบทนี้คือการที่ทั้งสองคนนั้น “มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน” โดยที่ทั้ง 2 คนไม่มีสิทธิเลือกได้เลยว่าจะเกิดมาในสภาพแวดล้อมอย่างไร? มีพ่อแม่ฐานะแบบไหน? สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเขาจะเป็นอย่างไร? เช่นนี้แล้ว “อะไรล่ะที่ทำให้จุดกำเหนิดชีวิตของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” หลายครั้งเราก็อุทานออกมาเวลาเราเห็นชีวิตเด็กบางคนว่า…
“เด็กคนนี้เกิดมาโชคดีเหลือเกิน” หรือ
“เด็กคนนี้เกิดมาช่างโชคร้ายเหลือเกิน”
โฆษณา