29 ต.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

โชคชะตา = ตัวกำหนดต้นทุนชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสเห็นเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งทาง Social Medai เอาจริงๆ มันน่าจะเป็นเรื่องเล่าทั่วไป อ่านเพลินๆ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระทางวิชาการอะไรมากมายแบบนั้น แต่เป็นเรื่องที่อ่านแล้วพอค่อยๆ คิดตาม มันเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงการมีตัวตนอยู่ของโชคชะตาได้ดีเหมือนกันครับ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้นผมคิดว่ามันไม่สำคัญเท่าการที่เราได้ลองค่อยๆ คิดตามมันดูครับ
เพราะไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งสุดท้ายแล้วมันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือผิดกฎหมายใดๆ ให้กับเราเลย
โดยผมเชื่อว่าหลายคนอาจคงเคยได้รับชมรับฟัง Content นี้กันมาบ้างแล้วซึ่งผมเองก็พยายามหาข้อมูลจากหลายแห่งว่า ครูและโรงเรียนในเรื่องนี้คือที่ไหน? แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดสักทีว่ามันมาจากที่ไหน เอาเป็นว่าผมอยากชวนทุกคนค่อยๆ คิดตามเนื้อหาเรื่องนี้และตัดสินการมีอยู่ของโชคชะตากันดูครับว่ามันมีอยู่จริงไหม
เรื่องมีอยู่ว่า มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้จัดกิจกรรมโดยให้นักเรียนมาวิ่งแข่งกัน โดยปกติแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดของการวิ่งแข่งกันคือทุกคนต้องอยู่ในตำแหน่งที่เท่ากันเพื่อไม่ให้คนใดคนหนึ่งได้เปรียบและการเริ่มต้นพร้อมกันคือสิ่งที่จะวัดผลลัพธ์ได้ว่า “ใครคือคนที่วิ่งเร็วที่สุด” เพราะคนที่วิ่งเร็วที่สุดจะเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกการอยู่จุด Start ที่เท่ากันก็เพื่อไม่ให้มีข้อครหาได้ว่าชนะเพราะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า
เป็นต่อกว่าตั้งแต่เริ่ม แต่สิ่งที่อาจารย์ท่านนี้ทำมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาทำกันทั่วไป โดยอาจารย์ได้เรียกเด็กๆ ทุกคนมารวมตัวกันที่จุด Start แต่ยังไม่ได้สั่งให้เริ่มการแข่งขัน เด็กทุกคนต่างเตรียมพร้อมที่จุด Start และเริ่มอบอุ่นร่างกาย ทุกคนมีสีหน้าและแววตาแห่งความมุ่งมั่น เชื่อมั่นว่าตนจะเป็นผู้ชนะ เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้
สักพักอาจารย์มีการแจ้งกติกาเพิ่มเติมก่อนการแข่งขันโดยบอกกับนักเรียนว่า
“หากนักเรียนคนใดก็ตามที่มีคุณสมบัติตามที่อาจารย์กล่าวต่อไปนี้ให้เขยิบก้าวออกมาข้างหน้าทีละก้าวและคนที่ไม่มีมีคุณสมบัติดังกล่าวให้หยุดอยู่ที่เดิม”
เริ่มต้นที่ข้อแรกอาจารย์ถามว่า “ใครที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์มีครบทั้งพ่อและแม่บ้าง?” พูดจบนักเรียนบางคนที่มีคุณสมบัติตามที่อาจารย์บอกก็ก้าวออกมาจากจุด Start ทีละคน ตอนนี้มีเด็กจำนวนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าเพราะมีคุณสมบัติตามที่อาจารย์บอก ส่วนเด็กที่เหลือที่ไม่ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ยังคงอยู่ที่จุด Start จุดเดิม
ต่อมาอาจารย์ได้ถามต่อว่า “ใครที่มีเงินมาโรงเรียนทุกวันโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนบ้าง” พูดจบข้อนี้เด็กกลุ่มหนึ่งที่มีคุณสมบัติตามที่อาจารย์บอกก็ก้าวออกมาข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ส่วนเด็กที่ไม่มีคุณสมบัติตามที่อาจารย์บอกก็ยังคงอยู่ที่จุดเดิม คำถามต่อมาอาจารย์ถามว่า “ใครที่มีอาหารกินครบ 3 มื้อทุกวันโดยไม่ต้องอดอาหารบางมื้อเลยบ้าง?”
ซึ่งก็มีนักเรียนบางคนที่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพิ่มอีกหนึ่งก้าวและเช่นเคยเด็กบางคนก็ยังคงอยู่ที่เดิม จากผลของคำถามเหล่านั้นทำให้ตอนนี้ในสนามมีทั้งเด็กที่ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพิ่มและเด็กที่ยังไม่ได้เริ่มต้นก้าวไปข้างหน้าเลยแม้แต่ก้าวเดียวอยู่ในสนามแข่งขันเดียวกัน
หลังจากนั้นอาจารย์ก็ถามคำถามต่อมาเรื่อยๆ เช่น “ใครที่เรียนจบไปแล้วไม่ต้องหางานเพราะที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว?” ฯลฯ และให้ เด็กๆ ค่อยๆ ก้าวเท้าออก มาข้างหน้าทีละก้าวหากมีคุณสมบัติตามที่อาจารย์บอก จนถึงคำถามสุดท้ายก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น…
ปรากฏว่าถึงตอนนี้มีเด็กกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าเส้นชัยแบบที่วิ่งอีกแค่ 3 - 4 ก้าวก็เข้าเส้นชัยได้แล้ว เด็กอีกกลุ่มอยู่ถัดรองลงมา กลุ่มอื่นๆ ลดหลั่นกันลงมาเรื่อย ๆ และสุดท้ายมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ยัง “ยืนอยู่ที่จุด Start เริ่มต้นโดยที่ไม่สามารถขยับก้าวขึ้นมาข้างหน้าได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว” เพราะไม่มีคุณสมบัติตามที่อาจารย์บอกมาทุกข้อ
ถึงตอนนี้เด็กทุกคน..มีจุดเริ่มต้นในการแข่งขันที่แตกต่างกัน
ถึงเวลาปล่อยตัวเพื่อทำการแข่งขัน พวกเด็กๆ ที่อยู่หัวแถวใกล้เส้นชัยก็วิ่งอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็เข้าเส้นชัยเรียบร้อย พวกที่อยู่กลางๆ ก็วิ่งอีกนิดหน่อยก็ถึงเส้นชัย และพวกที่อยู่ถัดลงมาก็อาจจะออกแรงวิ่งมากหน่อยแล้วก็เข้าเส้นชัย แต่ที่น่าเห็นใจสุดๆ คือพวกสุดท้ายที่ไม่มีโอกาสได้ก้าวไปข้างหน้าก่อนการแข่งขันเริ่มต้นเลยและอยู่ในตำแหน่งต่ำที่สุดในการแข่งขัน
หลายคนต้องวิ่งอย่างบ้าระห่ำเพื่อพาตัวเองให้ไปถึงเส้นชัยให้ได้และไม่จบการแข่งขันที่อันดับท้ายๆ เกินไปนัก
เมื่อการแข่งขันจบลงอาจารย์ก็เรียกนักเรียนทุกคนมารวมกันแล้วอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำไมอาจารย์ถึงให้ทุกคนออก Start ในจุดที่ไม่เท่ากัน?
อาจารย์อธิบายว่า “ในชีวิตและความเป็นจริงของโลกในปัจจุบันทุกคนล้วนเกิดมามีต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากันซึ่งเป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ว่าจะมาเกิดที่ไหน? เกิดกับใคร? โชคชะตาทำงานโดยการกำหนดให้เรามาเกิด ณ จุดที่เป็นที่ของเรา การที่แต่ละคนมีจุดเริ่มต้นของการแข่งขันครั้งนี้ที่ไม่เท่ากันเปรียบเหมือนในชีวิตปัจจุบันทุกคนมีต้นทุนชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกันซึ่งมันจะส่งผลต่อความสำเร็จและการต้องพยายามมากหรือน้อยจนกว่าจะไปถึงจุดที่สำเร็จที่ไม่เท่ากันของแต่ละคน
หากเรามีต้นทุนชีวิตดีนั่นเท่ากับเรามีแต้มต่อในความสำเร็จที่มากกว่าคนอื่นขอเพียงแค่จริงจังและประคองความตั้งใจให้ตลอดลอดฝั่งก็จะไปถึงเป้าหมายได้ไม่ยาก แต่กลับกันคนที่มีต้นทุนชีวิตน้อยกว่าคนอื่นหรือไม่มีเลย การจะไปถึงเป้าหมายและความสำเร็จต้องออกแรกและพยายามมากเป็นพิเศษเพื่อให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายให้ได้เพราะไม่ได้มีตัวช่วยสู่ความสำเร็จมากนัก”
เรื่องราวต่างๆ อาจจะไม่ได้ตรงตามเรื่องเล่าแบบครบถ้วนเพราะผมตัดบางช่วงบางตอนออกไปและการอธิบายความหมายของอาจารย์ก็เป็นสิ่งที่ผมขยายความเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นของความเกี่ยวข้องของ “โชคชะตากับต้นทุนชีวิต” นะครับ
โฆษณา