29 ต.ค. 2024 เวลา 07:54 • ท่องเที่ยว

China 2024 .. The Poetry of Nature .. อุทยานแห่งชาติ จิ่วจ้ายโกว A

Chaina 2024 .. The poetry of nature 05 .. Jiuzhaigou Valley
Jiuzhaigou Valley
หุบเขาจิ่วไจ้โกว (ภาษาธิเบต เรียกว่า จิ่วไจ้เต๋อกู : ภาษาจีนแปลว่า “หุบเขาเก้าหมู่บ้าน”) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาหมินซาน ทางตอนเหนือของเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในเขตปกครองตนเองทิเบตอาบาและเฉียงของมณฑลเสฉวน
อุทยานฯ มีพื้นที่กว่า 720 ตารางกิโลเมตร (72,000 เฮกตาร์) พร้อมเขตกันชนพิเศษอีก 598 ตารางกิโลเมตร (60,000 เฮกตาร์) .. ได้รับการตั้งชื่อตามหมู่บ้านทิเบตเก้าแห่งที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งอุทยาน
ทิวทัศน์อันงดงามของหุบเขาจิ่วไจ้โกว .. มีชื่อเสียงจากทะเลสาบสีฟ้าและสีเขียวที่งดงามตระการตา น้ำตกสวยงาม พื้นที่หินปูนรูปกรวยแคบๆ และสัตว์ป่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อุทยานแห่งชาติได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1992 อุทยานแห่งชาติได้เข้าร่วมเครือข่ายการอนุรักษ์มนุษย์และชีวมณฑลในปี 1997 และยังได้รับการรับรองจาก IUCN และ ISO 14,001 อีกด้วย
อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวเป็นอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของจีน ตั้งอยู่บนระดับความสูงระหว่าง 1,990 เมตร (6,529 ฟุต) ถึง 4,764 เมตร (15,630 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่บนขอบที่ราบสูงหิมาลัยของทิเบตในมณฑลเสฉวนตอนเหนือ .. ด้วยทัศนียภาพที่งดงามตลอดทั้งปี ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งของจีน
หุบเขาจิ่วไจ้โกว เป็นพื้นที่ที่ประกอบด้วยจุดชมวิว 6 จุด ได้แก่ ฉางไห่ เจี้ยนหยาน นัวรี่หลาง ซู่เจิ้ง จารู และเฮยไห่ หุบเขานี้กลายเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเนื่องจากมีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่หลากหลาย
…เช่น ยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำตกสองแห่ง ป่าไม้หลากสี และทะเลสีเขียว นอกจากนี้ ประเพณีของชาวทิเบตก็เป็นอีกจุดดึงดูดใจเช่นกัน หุบเขานี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1992
อุทยานแห่งชาติหุบเขาจิ่วไจ้โกวไม่เพียงแต่เป็นทัศนียภาพที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเขตความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
รวมถึงที่อยู่อาศัยของหมู่บ้านชาวทิเบต 9 แห่ง นกกว่า 220 สายพันธุ์ ตลอดจนพืชและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น แพนด้ายักษ์ ลิงทองคำเสฉวน ลิงเสฉวนทาคิน กล้วยไม้และกุหลาบพันปีอีกจำนวนมาก
เส้นทางการท่องเที่ยวในอุทยานจิ่วจ้ายโกว หากจะวาดเป็นภาพให้เห็นง่ายๆ ก็ให้หลับตานึกถึงไม้หนังสะติ๊กที่เด็กผู้ชายชอบเล่น หรือภาพของตัวอักษร Y .. จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่ส่วนขาของตัว Y จากนั้นจะมีทางแยกไปซ้าย-ขวา ณ ศูนย์รับประทานอาหาร
เราเข้าไปเดินชมทิวทัศน์และถ่ายภาพความงดงามของอุทยานสวรรค์แห่งนี้เป็นเวลา 2 วัน โดยวันแรกเราเช่าเหมารถเพื่อไปชมแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางด้านขวา .. วันที่สอง เราเข้าไปชมและเก็บทัศนียภาพทางด้านขวา และใช้บริการรถบัสท่องเที่ยวของทางอุทยาน
การเลือกใช้พาหนะในการเที่ยวชม หากเป็นรถเช่าเหมาจะมีความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ หากแต่ค่าเช่าโหดมาก .. ไกด์บอกว่าต้องจ่าน หนึ่งหมื่นหยวน (ใช่ค่ะ .. ราวห้าหมื่นบาทต่อคันต่อวัน)
หากเลือกที่จะใช้บริการรถบัสของทางอุทยาน ราคาจะย่อมเยาลงมา .. แต่คุณจะต้องผจญกับกองทัพคนจีนที่เข้ามาชมเช่นกัน ราววันละ 40,000-50,00 คนต่อวันในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูเทศกาลทางการท่องเที่ยว
ส่วนช่วงฤดูท่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึง นักท่องเที่ยวอาจจะทวีมากเป็น 2-3 เท่าได้ง่ายๆ .. และการแย่งเบียดกันขึ้นรถ หาที่นั่ง เป็นอันว่า Understood ไม่ต้องพูดถึงก็ได้
อีกปัญหาหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฟังและพูดภาษาจีนไม่ได้ คือการสื่อสาร .. รถบัสที่ให้บริการจากต้นทางจะไปส่งนักท่องเที่ยวที่ฝั่งตรงข้ามหมู่บ่นชาวทิเบต
… หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจะต้องเลือกเองให้ถูกต้องว่ามีความตั้งใจจะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใด และต้องเลือกรถให้ถูกคัน .. ไม่เช่นนั้น อาจจะพลาดจุดท่องเที่ยวสำคัญไปอบ่างน่าเสียดาย
เรามีไกด์ทัวร์ (ทั้งไกด์ไทย และไกด์จีนที่พูดภาษาไทยได้) ที่วางแผนมาอย่างดี ปัญหาเลยน้อย และทำให้เราเก็บเส้นทางที่สำคัญได้มาก แม้ว่า 2 วันจะยังไม่เพียงพอที่จะเก็บให้หมด
Lake ทะเลสาบในจิ่วจ้ายโกว
น้ำคือจิตวิญญาณของหุบเขาจิ่วไจ้โกว มีทะเลสาบ 114 แห่งในอุทยานซึ่งทอดยาวจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,000 เมตร .. ตำนานกล่าวกันว่า มีนางฟ้าที่งดงามนางหนึ่ง คือเทพธิดา Woluo Semo ซึ่งพำนักอาศัยอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า และเป็นธรรมดาที่ต้องมีเทวดาหนุ่มมาหมายปองนาง เทวดาได้ทำกระจกขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ด้วยส่วนผสมของลมและเมฆ แล้วนำมามอบให้กับนางฟ้าในดวงใจ
.. ครั้นที่ช่วงเวลาที่เทวดาส่งกระจกให้นาง นางฟ้ามีอาการเขินอายจึงรับกระจกพลาดไป .. กระจกแห่งลมและเมฆจึงหล่นจากฟากฟ้าลงสู่ผืนดิน แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆถึง 114 ชิ้น กลายเป็นทะเลสาบบนขอบเขตที่เรียกว่า จิ่วจ้ายโกว หรือ “ดินแดนแห่งเทพนิยายแห่งโลก”
จิ่วจ้ายโกว Jiuzhaigou จึงเสมือนเป็นภาพวาดชิ้นเอกชิ้นหนึ่งที่ไม่เกินจริง .. เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วง ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ยามที่ใบไม้ต่างก็พากันไล่สีเป็นเฉดต่างๆ อย่างสวยงาม ตัดกับ ทะเลสาบสีมรกต ที่ใสราวกับกระจกได้เป็นอย่างดี และด้วยความงดงามดั่งภาพฝัน จึงทำให้ จิ่วจ้ายโกว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน ที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝันอยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต
แม้ว่าที่จิ่วจ้ายโกวนั้นมีทั้งหมด 3 ฤดู ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาชื่นชมจิ่วจ้ายโกวได้ตลอดทั้งปี .. แต่ถ้าถามถึงฤดูไฮไลท์ที่ผู้คนนิยมมากที่สุด แน่นอนว่าจะต้องเป็น ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะเราจะได้ชมความงามของใบไม้ที่พากันไล่เฉดสีเป็นเหลือง แดง ส้ม สลับกับเขียว สะท้อนกับผืนน้ำในทะเลสาบใสสะอาดจนเกิดเป็นภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย
Mirror Lake ทะเลสาบกระจก
เราเริ่มเที่ยวชมความงามของทะเลสาบแห่งแรกกันที่ “ทะเลสาบกระจก” .. แค่เพียงสบตาแว๊บแรกกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ก็ทำเอาใจละลายไปเลย
“ภาพสะท้อนของใบไม้เปลี่ยนสี” ที่เกิดจากการสะท้อนจากพื้นผิวที่มันวาวราวกับกระจกของผืนน้ำ สะท้อนภาพของใบไม้เปลี่ยนสีออกมาเป็นภาพที่งดงามราวกับภาพมายา
ทะเลสาบแห่นี้ เป็นหนึ่งในจุดที่สวยงามและนักท่องเที่ยวแวะเยอะที่สุด ของจิ่วจ้ายโกว .. ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 2,472 เมตร น้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 5 เมตร ลึกที่สุด 243 เมตร
เงาสะท้อนของทะเลสาบกระจกเสมือนกระจกบานใหญ่สะท้อนเงาจากน้ำและท้องฟ้า ทำให้เกิดภาพพิเศษขึ้นมา คือ มีปลาว่ายกลางเมฆหมอก มีนกบินกลางสายน้ำ ริมทะเลสาบมีต้นไม้สองต้นพันกันสูงระฟ้า ทำให้คู่รักนิยมมาถ่ายรูปคู่ที่นี่ เพราะเชื่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อความรักตลอดไป
ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake) เป็นทะเลสาบที่ผืนน้ำใสและสะท้อนวิวธรรมชาติโดยรอบทั้งภูเขาและท้องฟ้าออกมาได้สวยงามราวกับกระจก ยิ่งในวันที่ฟ้าเปิดและมีแสงแดดอ่อนๆ ก็จะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ
ภาพแนวภูเขาสลับซับซ้อนหลากสีสัน สะท้อนกับน้ำสีฟ้าใสราวกระจก ความสวยที่เหมือนภาพวาด สวยเหมือนไม่มีอยู่จริง จนที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน แห่งแดนมังกร”
ทะเลสาบกระจก สูงจากระดับน้ำทะเล 2,390 เมตร น้ำลึกโดยเฉลี่ย 11 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 1.9 แสนตารางเมตร
จุดชมทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีของ Mirror Lake สุดร่มรื่น มีต้นไม้นับหมื่นต้นที่พร้อมใจกับเปลี่ยนสี ให้ภาพสะท้อนน้ำที่เลื่องชื่อ โดยเฉพาะเมื่อน้ำนิ่ง จะถ่ายรูปวิวสะท้อนน้ำได้สวยที่สุด ราวกับสะท้อนกระจก .. แนะนำว่าถ้าเป็นช่วงเช้าๆ ฟ้าเปิด แสงแดดอ่อนๆ ผิวน้ำจะนิ่งสงบ ทำให้เกิดเงาสะท้อนที่ชัดเจน และจะยิ่งสะท้อนให้เห็นภาพชัดใสสวยงามมากขึ้นไปอีก
ทะเลสาบหินปูนในจิ่วไจ้โกวมีระดับยูโทรฟิเคชันต่ำ และน้ำก็สะอาดมาก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้ทะเลสาบดูมีสีฟ้าสดใส
ด้านหน้าทางลงไปที่ชานชาลาไม้ของทะเลสาบกระจกสามารถถ่ายภาพได้สวยงาม .. มองเห็นแนวต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนสี มีภูเขาเป็นฉากหลังที่สวยงาม
ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี (Five Flower Lake) หรือทะเลสาบนกยูง
ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี .. สูงจากระดับน้ำทะเล 2,472 เมตร ลึก 5 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 หมื่นตารางเมตร เป็นทะเลสาบที่มีวิวสวยอันดับต้นๆ ของอุทยานจิ่วจ้ายโกว เนื่องมาจากการกระจายตัวของตะกอนหินปูน สาหร่าย และพืชน้ำ
Five Flower Lake .. จัดเป็นไฮไลท์ของจิ่วจ้ายโกว ด้วยผืนน้ำในทะเลสาบที่ไล่เฉดสีฟ้า-เขียว และเปล่งประกายเหมือนสีรุ้ง สีของน้ำทะเลสาบที่เห็นนี้เกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนตและพืชน้ำชนิดต่างๆ อีกทั้งน้ำยังใสจนเห็นพื้นทะเลสาบเลยทีเดียว
.. ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ ด้วยสีสันจากธรรมชาติ จัดว่าสวยที่สุดในจิ่วจ้ายโกวน้ำที่นี่มีลักษณะใส ใสจนสามารถมองเห็นลงไปถึงพื้นของตัวทะเลสาบทำให้เห็น ซากกิ่งไม้ และซากต้นไม้โบราณที่ โดนตะกอนหินปูทับถม
หินปูนเป็นส่วนสำคัญของภูมิทัศน์ทะเลสาบหินปูนในจิ่วไจ้โกว .. กลไกการก่อตัวของสีของทะเลสาบ แสดงให้เห็นว่าทะเลสาบหินปูนในจิ่วไจ้โกวมีสีฟ้าและสีเขียวเป็นหลัก จากการวิเคราะห์ความซ้ำซ้อนและการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่าการตกตะกอนของทรเวอร์ทีนเป็นแกนหลักในการสร้างสีของทะเลสาบหินปูนสีฟ้าในจิ่วไจ้โกว
นอกจากนี้ ปัจจัยทางกายภาพ เช่น ความลึกและความโปร่งใส การเปลี่ยนแปลงของพารามิเตอร์คุณภาพน้ำที่ส่งผลต่ออัตราการตกตะกอนของทรเวอร์ทีน และกระบวนการยูโทรฟิเคชั่น ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อการก่อตัว .. การวิเคราะห์องค์ประกอบหลักและการวิเคราะห์สีแสดงให้เห็นว่าสีของทะเลสาบหินปูนในจิ่วไจ้โกวแตกต่างกันอย่างมากจากสีของทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความแตกต่างของคุณภาพน้ำ
ทะเลสาบห้าสี (Five Flower Lake) .. ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีวิวสวยที่สุดในอุทยานแห่งชาติ จิ่วจ้ายโกว เพราะว่าน้ำในทะเลสาบนี้จะมีความไล่ระดับสีฟ้า สีเขียว สวยสุดๆ และน้ำใสมากจนเห็นพื้นทะเลสาบเลยทีเดียว ! เรามาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวช่วงใบไม้เปลี่ยนสี จึงได้เห็นวิวสุดอลังการที่ต้องมาดูด้วยตาตัวเองจริงๆ
คุณสามารถเพลิดเพลินกับทะเลสาบสีเขียวเทอร์ควอยซ์และเงาของต้นไม้รอบๆ ทะเลสาบในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นการผสมผสานของสีสันต่างๆ ที่สวยงามจนแทบไม่น่าเชื่อ เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามมาก ... ความพิเศษก็คือ สีของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ที่เป็นสีฟ้าและใสราวกับคริสตัล ไล่เฉดสีฟ้าเข้มและอ่อนโดยขึ้นอยู่กับระดับความลึกของน้ำนั่นเอง
น้ำใสสะท้อนแสงแดดเป็นประกายสีมรกต มีความใสสะอาด จนมองเห็นซากไม้ สาหร่าย พืชน้ำ สีต่างๆ มองออกไปไม่ไกลเป็นภูเขาสลับซับซ้อนเห็นต้นไม้ ใบไม้หลากสี สลับสีเขียว เหลือง ส้ม แดง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส (ในวันฟ้าเปิด) วิวทิวทัศน์ของจุดนี้ ถือเป็นวิวมหาชน ที่ทุกคนต้องถ่ายรูป ใครไม่ได้แวะจุดนี้ ก็เหมือนมาไม่ถึง จิ่วจ้ายโกว เลยแหละ
Five Flower Lake …ทะเลสาบที่มีสีฟ้าอมน้ำเงินในบริเวณน้ำลึก และกลับกลายเป็นสีเขียวมรกตในบริเวณน้ำตื้น ส่องประกายเป็นสีทองยามสะท้อนกับแสงแดด ตัวทะเลสาบนั้นอิงแอบในอ้อมกอดของหุบเขาที่ประดับประดาไปด้วยพงไพรและดอกไม้
ยิ่งในยามฤดูใบไม้ผลินั้น สีสันแดงอมน้ำตาลของใบไม้ที่ร่วงหล่นในทะเลสาบ เรียงรายประดับประดาจนคล้ายกับนกยูงรำแพน
Waterfalls : Pearl Shoal Waterfall น้ำตกธารไข่มุก
เราเริ่มเดินตามชานชาลาที่ทอดตัวยาวไปตามสายน้ำ .. ชมลำธารไข่มุก บางช่วงมองเห็นสายน้ำใสๆมากๆ สีเขียวฟ้าไหลผ่านแมกไม้ กระทบกับโขดหินขนาดเล็ก ผ่านกอหญ้า แต่สายน้ำก็ยังปนับตัวทอดยาวลดหลั่นกันลงมาเรื่อยๆ
เส้นทางเดินพาเราไปสู่ตัวน้ำตกซึ่งอยู่สุดทาง .. มองเห็นสายน้ำรวมตัวกันเป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะทิ้งดิ่งลงมาบนหน้าผาเบื้องล่าง กลายเป็นน้ำตกสีขาวสะอาดธารไข่มุก (Pearl Shoals Waterfall) หรืออีกชื่อคือ น้ำตกนู่รือหลาง (Nuo Ri Lang Waterfall)
… ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกหินปูนที่กว้างทีสุดในจิ่วจ้ายโกว มีความสูง 40 เมตร และกว้าง 310 เมตร
รูปทรงของน้ำตกมีลักษณะคล้ายพัดจีน .. จึงเป็นที่มาของชื่อ อันหมายถึงสายน้ำที่ไหลตกมางดงามราวกับเส้นไข่มุกที่ทอดตัวยาวในป่าเขียวชื้นด้วยละอองไอของน้ำตก โดยมีภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลังที่สวยงาม
ว่ากันว่า .. ตอนแสงแดดตกกระทบกับละอองของน้ำตกนับร้อยสายที่ไหลบ่าบนเขาหิน แล้วเกิดรุ้งนะ จะสวยซึ้ง ตรึงจิตมากมาย
ความสวยของน้ำตกสายนี้ สวยจนมีภาพยนตร์ดังหลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่ด้วย หนึ่งในนั้นคือเรื่องไซอิ๋ว ที่หลายคนรู้จักกันดี
ห้วงหนึ่ง ฉันยืนนิ่งมองละอองน้ำตก พลันเกิดความรู้สึกเย็นและสงบ .. สายน้ำไหลไปเรื่อยๆ แต่ยังเคลื่อนไหวตามครรลอง
บางครั้งชีวิตก็ไม่ต้องไปเรียกร้อง เร่งรีบอะไรมาก ลดความรุ่มร้อนลนลานลง แต่อีกนั่นแหละ ดูเหมือนว่าบางชีวิตก็ไม่ได้รับอนถญาตให้พบกับความสงบร่มเย็นนานนัก
อาหารกลางวัน .. เติพลังกันที่ภัตตาคารแห่งเดียวในอุทยาน เจอผู้คนเยอะมาก
อาหารที่มีบริการ มีทั้งแบบุฟเฟ่ ราคา 98 หยวน แต่ต้องรบรากับผู้คน และใช้เวลานานในการเข้าแถวตักอาหาร .. เราสั่งอาหารเหลา ราคาแพงมาก อาหารชุดนี้มีมากกว่า 10 เมนู
Arrow bamboo Lake & waterfall ทะเลสาบไผ่ลูกศร และน้ำตก .. น้ำตกสวยที่อยู่ในบริเวณเดียวกับ ทะเลสาบ Arrow Bamboo Lake เรามาเก็บภาพหลังรับประทานอาหาร
จุดนี้จะมีทะเลสาบและน้ำตกอยู่ในบริเวณเดียวกัน น้ำตกจะไม่สูงมาก แต่เป็นแนวยาวสวยงาม รอบๆ จะเต็มไปด้วยต้นไผ่จำนวนมาก น้ำมีสีฟ้าใส มองเห็นต้นไม้ที่ล้มตายกลายเป็นหิน บางครั้งบางปี ก็จะได้เห็นต้นไม้ใต้น้ำเติบโตขึ้นมาใหม่ด้วย
ทะเลสาบแรด (Rhinoceros Lake)
อุทยานแห่งชาติ จิ่วจ้ายโกว ประเทศจีน มีทะเลสาบสวยๆเยอะมากกกก อีกหนึ่งทะเลสาบที่มีวิวสวยสุดๆนี้ ชื่อว่า Rhinoceros Lake หรือที่เรียกกันว่า ทะเลสาบแรด ~ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากทะเลสาบยาว มีความใหญ่ และยาวราว 2 กม.
แม้จะมีชื่อนี้ แต่ก็ไม่เห็นมคแรดเลย .. ชื่อนี้อ้างอิงมาจากตำนานของชาวทิเบต เมื่อชายชราป่วยและแรดของเขามาที่ทะเลสาบแห่งนี้ เขาได้การรักษาโดยการดื่มน้ำ และในที่สุดก็อยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้ตลอดไป
ทะเลสาบแห่งนี้ มีบรรยากาศที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน บรรยากาศรอบๆ จะเป็นสีเขียว พร้อมด้วยดอกไม้ใบหญ้า ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงจะเต็มไปด้วยสีส้มแดงของใบไม้เปลี่ยนสี
ผืนน้ำในทะเลสาบใสสะท้อนวิวธรรมชาติโดยรอบ จัดว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีวิวเงาสะท้อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบขนาดเล็กในอุทยานจิ่จ้ายโกว ยังมึอีกมาก .. (หากมีเวลาก็มาชื่นชมกันค่ะ
โฆษณา