29 ต.ค. เวลา 10:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ตัวเองต้องบอกกับตัวเองได้ครับ
"ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" :)
1.ก่อนบรรลุฌาน
เป็นผู้มีศีล
สํารวมด้วยดีในข้อปฏิบัติ
ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร
มีปรกติเห็นเป็นภัยแม้ในโทษที่เล็กน้อย
สํารวมอินทรีย์ (อายตนะ 6)
เป็นผู้รู้ประมาณในการกินการดื่ม
1
ประกอบความเพียรในธรรมเป็นเครื่องตื่น, ไม่หลับ, ไม่ง่วง, ไม่มึนชา
เป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ รู้ตัวรอบคอบ
ละอภิชฌา
ละพยาบาท
ละถีนะมิทธะ
ละอุทธัจจะกุกกุจจะ
ละวิจิกิจฉา
2.บรรลุฌาน
เพราะสงัดจากกาม
และสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
*จึงบรรลุฌานที่ ๑ มีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่
เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้
*จึงบรรลุฌานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสในภายใน เป็นที่เกิดสมาธิแห่งใจ ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่
เพราะความจางแห่งปีติ ย่อมอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
*บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่าผู้ได้ฌานนี้ เป็นอยู่อุเบกขามีสติ อยู่เป็นสุข
และเพราะละสุข และทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน
*จึงได้บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุขมีแต่ความที่มีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่
พราหมณ์เอย ! ภิกษุเหล่าใดที่ยังเป็นเสขะ คือยังต้องทําต่อไป ยังไม่บรรลุอรหัตตมรรคยังปรารถนานิพพาน อันเป็นที่เกษมจากโยคะ ไม่มีอื่นยิ่งไปกว่าอยู่ คำสอนที่กล่าวมานี้แหละ เป็นคำสอนสำหรับภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น
ส่วนภิกษุเหล่าใด เป็นอรหันต์สิ้นอาสวะแล้ว จบพรหมจรรย์แล้วทํากิจที่ต้องทําสําเร็จแล้ว มีภาระอันปลงได้แล้ว มีประโยชน์ตนอันได้บรรลุถึงแล้ว มีสัญโญชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบแล้ว, ธรรมทั้งหลายในคําสอนเหล่านี้ เป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรมและเพื่อสติสัมปชัญญะ แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ด้วย
1
ที่มาของคำตอบ
๗. คณกโมคคัลลานสูตร
ว่าด้วยพราหมณ์ชื่อคณกโมคคัลลานะ
*คนตอบก็ยังพยายามฝึกอยู่เหมือนกันครับ
โฆษณา