29 ต.ค. เวลา 11:02 • ความคิดเห็น
สำหรับภาพใหญ่สุดของความรู้ทางการเงิน หรือ Financial Literacy คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้กำหนดไว้ว่า สำหรับผู้ประกอบการแล้ว จะมี 5 หลักสำคัญที่ต้องทราบ ไม่ทราบไม่ได้! คือ EARN (การได้มา) SPEND (การใช้ไป) SAVE & INVEST (การออมและลงทุน) BORROW (การกู้ยืม) และ PROTECT (การรักษาหรือป้องกันความเสี่ยง) จะเห็นได้ว่า นี่ยังไม่พูดถึงความรู้เรื่องภาษี (TAX) เลยนะคะ
ภาพที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนั้น เป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ ที่จะต้อง exercise ตลอดเวลา เพราะโลกนี้ต้องหมุนไปข้างหน้าด้วยธุรกิจ มันได้กลายเป็นอ๊อกซิเจนสำหรับมนุษย์ไปแล้วนั่นเอง ทีนี้หากเราจะตั้งคำถามว่า เราควรบรรจุความรู้ทางการเงินไว้ในหลักสูตรการเรียนหรือไม่ เราก็คงไม่ต้องถามหาในระดับอุดมศึกษา หรือ Higher education เพราะมีบรรจุอยู่แล้ว และเปิดเป็นหลักสูตรเฉพาะมานานแล้ว ตามที่เราทราบกันดีอยู่นะคะ
แต่เมื่อจะพูดถึงการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่า Higher education เราก็จำเป็นต้องคลี่ 5 หลักข้างต้นออกมาก่อนเพื่อพิจารณา "ความเหมาะสม" และเขียนออกมาเป็นหลักสูตร ในแต่ละระดับชั้นปีค่ะ เพราะมันมีรายละเอียดมากทีเดียว แต่....
เราทุกคนต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ด้วยกันทั้งนั้น สังเกตว่าในแต่ละระดับชั้นปี จะเรียนเนื้อหาต่างกัน อาทิ บวกลบ คูณหาร เศษส่วน ร้อยละ โดยเฉพาะการเทียบบัญญัติไตรยางค์ และคุณครูยังให้ทำแบบฝึกหัด ผ่านการสมมติที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าขาย การทำธุรกิจ การแบ่งเศษส่วน เหล่านี้ ก็คือพื้นฐานทางการเงินที่เด็กๆ จะต้องเข้าใจและแม่นยำในการคำนวณ เพราะเรื่องการเงินจะวนไปเวียนมาอยู่กับพื้นฐานตัวเลขเหล่านี้ ที่เหลือก็คือการตีความเพื่อการบริหารเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการอ่านตัวเลขค่ะ
โฆษณา