29 ต.ค. เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ในทุกวันนี้ มีอะไรกันบ้างครับ ที่ไม่ใช่ปัจจัยสี่ และเงินทองนะครับผม

วันอินเทอร์เน็ตแห่งชาติ (อเมริกา) 29 ตุลาคม National Internet Day
ยุค 90 เป็นยุคที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งก้าวเข้าสู่กระแสหลัก และบริการอีเมล หรือ "AOL Mail" ถึอเป็นแนวหน้าของการปฏิวัติทางดิจิทัล และการแจ้งเตือน "You've got mail!" ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แพร่หลาย
America Online (AOL) เปิดตัวในปี ค.ศ. 1993 AOL Mail กลายมาเป็นคำพ้องความหมายกับอีเมลอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกำลังกลายเป็นของใช้ในครัวเรือน
: You've got mail ในยุคนั้น ถือเป็นความตื่นเต้นอย่างหนึ่งของผู้คน เพราะเมื่อมีคำนี้ขึ้นมา นั้นหมายถึงมีอีเมลใหม่เข้ามา และถือเป็นวลีโด่งดังของสหรัฐฯ เปรียบเหมือนเครื่องหมายแห่งความทันสมัยและล้ำยุค
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 1990 อินเทอร์เน็ตเป็นดินแดนที่ยังไม่มีการสำรวจมากนักสำหรับบุคคลทั่วไป AOL ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้โดยเสนอ แพ็คเกจออนไลน์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล การท่องเว็บ และการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว แนวทางนี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการ ทำให้ AOL Mail กลายเป็นมากกว่าบริการอีเมล แต่ยังกลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมออนไลน์สำหรับผู้ใช้
ประวัติของวันอินเทอร์เน็ตแห่งชาตินั้นเริ่มต้นเรื่องราวในปี ค.ศ. 1969 ในวันที่ 29 ตุลาคม โดย Charley Kline นักศึกษาในมหาวิทยาลัย UCLA (มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส) พยายามส่งข้อความอินเทอร์เน็ตข้อความแรกถึง Bill Duvall เพื่อนร่วมงานของเขาที่มหาวิทยาลัย Stanford
โครงการ ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) เป็นการทำงานรวมกันภายใต้เครือข่ายที่ได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ในการเชื่อมต่อเทอร์มินัลสี่แห่งที่ติดตั้งที่ UCLA, Stanford, UC Santa Barbara และ University of Utah
คำแรกที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการส่ง คือ
"LOGIN"
จากจุดเริ่มต้นในวันนั้นทำให้มีอินเทอร์เน็ตในวันนี้ ที่เชื่อมต่อถึงกันไปทุกที่ทั่วโลกได้เพียงปลายนิ้ว และเชื่อมโยงเข้ากับทุกสิ่งได้ผ่านโลกออนไลน์
ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ไม่เพียงแค่ในการสื่อสารและการทำงาน แต่ยังรวมถึงการค้นหาข้อมูลและการแบ่งปันประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ หนึ่งในด้านที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเติบโตของอินเทอร์เน็ตคือ อาหาร
การค้นหาและแบ่งปันสูตรอาหาร
ด้วยอินเทอร์เน็ต เราสามารถค้นหาสูตรอาหารจากทั่วทุกมุมโลกได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสูตรอาหารไทย อิตาเลียน ญี่ปุ่น หรือเม็กซิกัน ความสะดวกนี้ทำให้เราสามารถทดลองทำอาหารใหม่ ๆ และเรียนรู้วัฒนธรรมการปรุงอาหารจากต่างประเทศได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มการแบ่งปันสูตรอาหารออนไลน์ เช่น YouTube, Pinterest และ Instagram ที่ให้เราได้ชมวิดีโอการทำอาหารและเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากเชฟมืออาชีพและผู้คนทั่วไปได้ตลอดเวลา
.
เชฟมืออาชีพในหลายๆท่าน หากเอ่ยชื่อมา เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักหน้าข้างตา รวมทั้งเมนูอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนแน่นอน
แต่ถ้าเป็นเมนูนอกเหนือจากเมนูปกติล่ะ!
มีเชฟที่สร้างสรรค์เมนูอาหารแปลกๆ ที่น่าสนใจอยู่มากมายทั่วโลก และเมนูหนึ่งในนั้นมี:
1. Balut (Philippines)
บาลุต คือ เมนู ตัวอ่อนของเป็ดที่นำมาต้ม เป็นอาหารริมทางยอดนิยมของฟิลิปปินส์ ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและความสำคัญทางวัฒนธรรม (ใช้เป็ดหรือไก่ก็ได้)
2. Haggis (Scotland)
แฮกกิส อาหารประจำชาติของสกอตแลนด์ เป็นพุดดิ้งชนิดหนึ่งที่ทำจากตับ หัวใจ และปอดของแกะ (หรือสัตว์อื่น) บดผสมกับไขมันวัวหรือเนื้อแกะและข้าวโอ๊ต ปรุงรสด้วยหัวหอม พริกป่น และเครื่องเทศอื่นๆ ส่วนผสมนี้จะถูกใส่ในกระเพาะของแกะแล้วต้ม
3. Rocky Mountain Oysters (USA)
ชื่อนี้อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นหอยนางรม แต่จริงๆ แล้วเมนูนี้คือ อัณฑะของวัวที่ปอกเปลือก ตำ คลุกแป้ง เกลือ และพริกไทย แล้วทอด หรือย่าง
4. Escamoles (Mexico)
เอสคาโมเล หรือที่เรียกอีกอย่างว่าคาเวียร์เม็กซิกัน หรือคาเวียร์แมลง เป็นตัวอ่อนและดักแด้ของมดที่กินได้ซึ่งพบในเม็กซิโก มีรสชาติคล้ายถั่วและเนย (คล้ายเมนูของไทยอย่าง ไข่มดแดง) และเมนูนี้มีการนำไปฟิวชั่นอีกหลายอย่าง เช่น Taco
5. Fugu (Japan)
เมนูจากปลาปักเป้าญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในด้านพิษเทโทรโดท็อกซินซึ่งเป็นพิษร้ายแรง และแม้จะมีพิษร้ายแรงถึงชีวิต แต่ปลาปักเป้าญี่ปุ่นก็รับประทานกันมาหลายร้อยปีแล้ว เคยถูกสั่งห้ามประมาณปี ค.ศ. 1570 ถึง 1870 แต่ปัจจุบัน หาซื้อได้ตามร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องผ่านการปรุงโดยเชฟที่มีใบอนุญาต และห้ามปรุงเองที่บ้าน
6. Century Tuna Eyes (Japan)
ตาของปลาทูน่า เรียกได้ว่าเป็นอาหารอันโอชะของชาวญี่ปุ่นอีกหนึ่งเมนู ซึ่งผสมโซจูกับของเหลวจากลูกตาของปลาทูน่า พบได้ทั่วไปในอิซากายะ ซึ่งกินเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย
.
หวังว่าจะมีเมนูที่เห็นแล้วเปรี้ยวปากอยากกินกันบ้างน๊า..
ว่าแต่เพื่อนๆ นอกจากอินเทอร์เน็ต และที่ไม่ใช่ปัจจัยสี่ และเงินทอง มีอะไรอีกบ้างที่จะอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแบบขาดไม่ได้กันบ้างครับผม..
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: holidaytoday
: wikipedia
: nationaldayfood
: tasteatlas
.
On This Day
โฆษณา