Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
30 ต.ค. เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Biscoff หุ้น 181 เด้ง ที่มีคนรู้สูตรลับบิสกิตแค่ 6 คน
รู้ไหมว่า Lotus Bakeries เจ้าของแบรนด์บิสกิต Biscoff อายุเกือบ 100 ปี ที่หลายคนเคยเห็นตามส่วนผสมในขนมตามร้านคาเฟ หรือชั้นวางสินค้าพรีเมียม เป็นหนึ่งในหุ้นระดับร้อยเด้ง
และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของหุ้นยุโรป โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 38.2%
มากกว่าหุ้นยาเบาหวาน Novo Nordisk หรือหุ้นแบรนด์เนม Hermès หรือแม้แต่หุ้นเครื่องจักรผลิตชิป ASML
1
อะไรที่ทำให้ Lotus Bakeries กลายเป็นหุ้น 181 เด้ง ?
กลยุทธ์ของ Lotus Bakeries คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของบิสกิตในตำนาน เกิดขึ้นในปี 1932
หรือเมื่อ 92 ปีที่แล้ว โดยคุณ Jan Boone Sr. เชฟขนมหวานชาวเบลเยียม
คุณ Boone ได้ทำขนม Speculoos หรือ บิสกิตกรอบผสมเครื่องเทศ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวเบลเยียมและชาวดัตช์ ในสูตรของตัวเองมาขาย
โดยจะเป็นบิสกิตคาราเมล ที่มีรสชาติของซินนามอนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทานคู่กับกาแฟแล้วเข้ากันมาก ๆ
และตั้งชื่อแบรนด์ว่า Lotus Bakeries เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์แบบดอกบัว เพราะขนมของเขาเน้นส่วนผสมธรรมชาติ ไม่ได้แต่งเติมอะไรมากมาย
Speculoos สูตรของคุณ Boone เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปี 1956 เกิดเป็นเครื่องหมายการค้า “Biscoff” ที่เกิดจากการนำคำว่า Biscuit กับคำว่า Coffee มารวมกัน นั่นเอง
ต่อมาในปี 1974 ตระกูล Boone ได้จับมือกับตระกูล Stevens เจ้าของ Corona ร้านเบเกอรีชื่อดังในเบลเยียม ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้ Lotus Bakeries มีสินค้าที่หลากหลายขึ้น
Lotus Bakeries ได้เติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านกลยุทธ์ทั้ง
- การขยายไปตลาดต่างประเทศ
ด้วยอายุการเก็บรักษาที่นาน และการผลิตที่มีขั้นตอนน้อย ทำให้การส่งออก Biscoff ไปขายยังประเทศอื่นไม่ใช่เรื่องยากมากนัก
1
โดยเริ่มจากการขยายสู่ตลาดเอเชียในยุค 80 ตามมาด้วยการขยายไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลายมาเป็นตลาดหลักของ Lotus Bakeries มาจนถึงทุกวันนี้
- การขยายกลุ่มสินค้าของ Biscoff
นอกจากสินค้าขายดีอย่างบิสกิต Biscoff แล้ว Lotus Bakeries ยังออกสินค้าอื่นในไลน์เดียวกัน เช่น สเปรด ไอศกรีม และแซนด์วิชคุกกี้
รวมถึงการ Collab กับแบรนด์ดังอื่น ๆ ทำเมนูพิเศษ เช่น McDonald's, KitKat และ Krispy Kreme
- แตกแบรนด์ใหม่และซื้อกิจการอื่นเข้ามา
หลังจาก Biscoff ประสบความสำเร็จ Lotus Bakeries ก็มีทั้งการเปิดแบรนด์ใหม่ของตัวเอง เช่น Suzy waffles
รวมถึงการซื้อกิจการของแบรนด์อื่น เช่น ขนมปังขิงแบรนด์ Annas หรือขนมเพื่อสุขภาพแบรนด์ nākd และ TREK ซึ่งทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดย Lotus Bakeries จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บรัสเซลส์ มาตั้งแต่ปี 1988 และตอนนี้มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 366,000 ล้านบาท
โดยวันนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Lotus Bakeries มากกว่า 50% ยังคงเป็นตระกูล Boone และตระกูล Stevens
ที่น่าสนใจก็คือ นับตั้งแต่ปี 2000 หรือในช่วงระยะเวลากว่า 24 ปีที่ผ่านมา
Lotus Bakeries มีราคาหุ้น +18,018 หรือ 181 เด้ง
ทีนี้เราลองมาดู ผลประกอบการย้อนหลังของ Lotus Bakeries ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2020 รายได้ 23,900 ล้านบาท กำไร 3,000 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 27,000 ล้านบาท กำไร 3,300 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 31,600 ล้านบาท กำไร 3,700 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 38,300 ล้านบาท กำไร 4,650 ล้านบาท
ครึ่งแรกของปี 2024
รายได้ 21,700 ล้านบาท กำไร 2,600 ล้านบาท
จะเห็นว่า
- รายได้เติบโตเฉลี่ย 17%
- กำไรเติบโตเฉลี่ย 16%
1
การเติบโตในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทาง TikTok
โดยในช่วงล็อกดาวน์นั้น การทำอาหารที่บ้านเป็นที่นิยม บวกกับคลิปไวรัลของเมนูขนมหวานที่ทำด้วย Biscoff เช่น ชีสเค้กที่ทำง่าย แล้วอร่อยมาก
ทำให้ขนมที่มีส่วนผสมของ Biscoff เป็นที่นิยม และเปลี่ยนจากแบรนด์อายุเกือบ 100 ปี ให้กลายมาเป็นขนมที่กลุ่มคน Gen Z ชื่นชอบ
ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นไวรัลนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของบริษัท แต่ Lotus Bakeries ก็เปลี่ยนเรื่องบังเอิญนี้ ให้กลายมาเป็นโอกาส
โดยเพิ่มงบการตลาดทางช่องทาง TikTok รวมถึงการ Collab กับแบรนด์ระดับโลกทั้งหลาย นั่นเลยทำให้ผลประกอบการของ Lotus Bakeries เติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับสัดส่วนรายได้หลักของ Lotus Bakeries
- 54% มาจาก สินค้าภายใต้แบรนด์ Biscoff
- 24% มาจาก สินค้ากลุ่มขนม Healthy เช่น แบรนด์ nākd, BEAR, TREK, Kiddylicious, Peter's Yard
- 22% มาจาก สินค้าแบรนด์อื่น ๆ เช่น Lotus, Annas
และล่าสุด Lotus Bakeries กำลังบุกตลาดประเทศอินเดีย โดยเป็นพาร์ตเนอร์กับอาณาจักร Mondelēz เจ้าของคุกกี้โอรีโอ
จะเห็นว่าสิ่งที่ทำให้ Lotus Bakeries เจ้าของขนมบิสกิต Biscoff ขายดีมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่มีอายุเกือบ 100 ปี
เกิดจากการขยายธุรกิจไปหลากหลายประเทศ การซื้อกิจการขนมเข้ามาเพื่อเสริมทัพธุรกิจขนมให้แข็งแกร่ง ไปจนถึงการคว้าโอกาสที่มาพร้อมกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ ทำให้ Biscoff ยังเป็นแบรนด์บิสกิตยอดฮิตจนถึงตอนนี้
แต่อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ Biscoff เป็นแบรนด์บิสกิตยอดฮิตที่หลายคนนึกถึง ก็คือ รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
ซึ่งตอนนี้มีเพียง 6 คนเท่านั้น ที่รู้สูตรลับของ Biscoff..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
Lotus Bakeries มีราคาต่อหุ้นสูงที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2
ซึ่งปัจจุบันราคาอยู่ที่หุ้นละ 451,000 บาท เป็นรองเพียงแค่ Berkshire Hathaway
และมี P/E หรือราคาหุ้นเทียบกำไรต่อหุ้นย้อนหลัง 12 เดือน อยู่ที่ 70 เท่า..
References
-
https://www.lotusbakeries.com/history
-
https://www.ft.com/content/b863779f-1afc-453e-946e-805d6cb2063c
-
https://www.brusselstimes.com/851180/the-story-of-speculoos-the-belgian-biscuit-that-united-a-nation
-
https://www.lotusbiscoff.com/en-gb/foodprofessionals/partnerships
-
https://quartr.com/insights/company-research/baking-a-family-fortune-the-rise-of-lotus-bakeries
-
https://www.just-food.com/comment/biscoff-deal-could-presage-deeper-mondelez-interest-in-lotus-bakeries/?cf-view
-รายงานประจำปี 2023 ของ Lotus Bakeries
หุ้น
การลงทุน
13 บันทึก
31
1
15
13
31
1
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย