เหนือ AI ยังมี Quantum Computing
ขณะที่โลกยังคงประหลาดใจกับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ Artificial Intelligence (AI) การมาอย่างเงียบๆของ Quantum Computing ซึ่งเคยอยู่แค่ในวงการฟิสิกส์ภาคทฤษฎี ก็ได้เกิดขึ้นเป็นเทคโนโลยีที่เตรียมจะมาเปลี่ยนแปลงโลก(อีกแล้ว)
แม้ว่า AI จะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและชีวิตประจำวันของผู้คนได้ แต่เกมเปลี่ยนโลกในอนาคตจะอยู่ที่การใช้ประโยชน์จาก Quantum Computing ต่างหาก
เรามาทำความเข้าใจ Quantum Computing กันก่อนครับ
Quantum Computing คืออะไร?
Quantum Computing เป็นคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ทำงานตามหลักการของกลศาสตร์ควอนตัม โดยใช้ปรากฏการณ์เช่น superposition, entanglement และ interference แตกต่างจากคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมที่ประมวลผลข้อมูลด้วยบิต (0 และ 1) คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้ควอนตัมบิตหรือควิบิต (qubit) ซึ่งสามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกันได้ คุณสมบัตินี้ช่วยให้ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างเร็วกว่าคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม
ทำไมศักยภาพ Quantum Computing เหนือกว่า AI?
1. การแก้ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ (Solving the Unsolvables)
Quantum Computing มีศักยภาพในการ 'แก้ปัญหาที่ซับซ้อน' ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถแก้ได้หรือต้องใช้เวลามากเกินไปด้วยคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งรวมถึงการ optimize ระบบที่ซับซ้อน การจำลองพฤติกรรมของโมเลกุล (ซึ่งจะกระทบอุตสาหกรรม: 'การวิจัยค้นพบยา' (drug discovery) และ 'วิทยาศาสตร์ด้านวัสดุ' (materials) อย่างแน่นอน)
รวมถึงการแตกรหัส encryption หลายๆประเภทซึ่งอาจปฏิวัติวงการ cybersecurity ที่กำลังบูมจับกระแสตาม AI อยู่ในตอนนี้
ในขณะที่ AI มีความเชี่ยวชาญในด้าน pattern recognition และการเรียนรู้จากข้อมูล แต่จะถึงขีดจำกัดเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่ต้องการความเข้าใจระดับควอนตัมของโลกทางกายภาพอย่างลึกซึ้ง หรือเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่เป็นไปตามความน่าจะเป็น (probability) [พูดง่ายๆ: ตอนนี้ AI เก่งการวิเคราะห์จากการใช้ข้อมูลเก่าๆ มากกว่าสร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ๆ]
2. ผลกระทบด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
Quantum Computing จะแก้ปัญหาบางอย่างได้โดยใช้พลังงานน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ขนานยักษ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากโลกกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยีที่ sustainable รักโลกมากขึ้น ความมีประสิทธิภาพด้านพลังงานของ Quantum Computing อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการลด carbon footprint ของการ computing ที่ AI กำลังสูงพลังงานใช้อยู่ ณ ตอนนี้
การฝึกฝนรูปแบบ deep learning model ซึ่งเป็นหัวใจของ AI นั้นต้องใช้พลังงานมาก เมื่อ AI ยังคงเติบโต ก็จะยิ่งมี carbon footprint มากขึ้น ซึ่งทำให้ Quantum Computing เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าสำหรับแอปพลิเคชันหลายๆอย่าง
3. การปลดล็อกวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ
Quantum Computing ให้ความสามารถในการจำลองระดับควอนตัม เปิดประตูสู่การค้นพบใหม่ๆ ในฟิสิกส์ เคมี และวิทยาศาสตร์วัสดุ ซึ่งอาจนำไปสู่ความก้าวหน้าในการเก็บพลังงาน วัสดุใหม่ และความเข้าใจของเรา เกี่ยวกับจักรวาล
ในขณะที่ AI สามารถวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่ก็สร้างบนพื้นฐานความรู้ที่มีอยู่แล้ว ในขณะที่ Quantum Computing มีศักยภาพที่จะเปิดเผยหลักการและวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ
4. การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจ
ความเร็วและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของ Quantum Computing อาจนำไปสู่การเพิ่มผลิตผลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การเงินและโลจิสติกส์ไปจนถึงสาธารนสุขและการศึกษา
ถึงแม้ว่า AI จะเพิ่มประสิทธิภาพ แต่มักจะเป็นนวัตกรรมเพิ่มเติม ในขณะที่ Quantum Computing มีโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงระดับ'ปฏิวัติ' ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในขณะที่ Quantum Computing มีศักยภาพอันมหาศาล แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงความเปราะบางของควิบิต ความจำเป็นในการพัฒนาอัลกอริทึมควอนตัมที่สามารถแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง และการพัฒนากำลังคนด้านควอนตัม การเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้จะต้องอาศัยความร่วมมือในระดับโลกระหว่างรัฐบาล สถาบันการศึกษา และผู้นำในอุตสาหกรรม
ขณะที่เราอยู่บนขอบของ digital transformation ครั้งนี้ ชัดเจนว่าแม้ว่า AI จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตในปัจจุบันของเรา แต่พลังการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของ Quantum Computing นั้นอาจเหนือกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการลงทุนในการวิจัย พัฒนา และการศึกษาด้วย
Quantum Computing ไม่ได้ทำให้เรา 'เตรียมตัว' สำหรับอนาคตได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เราสามารถ 'สร้าง' อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น มีนวัตกรรมมากขึ้น และลึกซึ้งมากขึ้นในศักยภาพของมนุษย์
อนาคตไม่ได้เป็นเรื่องของ AI เท่านั้น แต่ Quantum Computing อาจยิ่งใหญ่ขึ้นตามมาไม่แพ้กันก็ได้
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
