30 ต.ค. เวลา 08:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ ติด 1 ใน 3 ธุรกิจน่าจับตามองเติบโตแบบก้าวกระโดด

ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ คีบตุ๊ก ล้างรถ ติด 1 ใน 3 ธุรกิจน่าจับตามองเติบโตแบบก้าวกระโดด
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนกันยายน 2567 มีจำนวน 7,867 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 เพิ่มขึ้น 760 ราย (10.69%) และทุนจดทะเบียน 22,048.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 ลดลง 2,122.13 ล้านบาท (8.78%) แต่ที่น่าสนใจ คือ
จดทะเบียนธุรกิจใหม่สะสม 3 ไตรมาส โตขึ้น 1.5% เฉพาะเดือนกันยายน ‘67 โตขึ้น 10.7% เผย 3 ธุรกิจน่าจับตามองเติบโตแบบก้าวกระโดด
การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ 3 ไตรมาส (มกราคม - กันยายน 2567) มี 3 ธุรกิจที่น่าจับตามองเพราะมีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คือ
- ธุรกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นทางออนไลน์) ที่มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 41 เท่า เนื่องจาก กสทช.ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงดำเนินการขอรับใบอนุญาตกิจการกระจายเสียงภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 เพื่อนำไปประกอบการขออนุญาตดังกล่าว
- ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น ตู้หยอดเหรียญล้างรถ ตู้หยอดเหรียญคีบตุ๊กตาและจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และตู้บริการถ่ายภาพโฟโต้บูธ จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 3.60 เท่า
- ธุรกิจปลูกข้าวจ้าว จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 2.56 เท่า เนื่องจากกรมการข้าวสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกร จัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อเข้าร่วมโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร
ขณะที่ เดือนกันยายน 2567 มีนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 1 ราย คือ บริษัท แกรนด์ เรสซิเดนซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มูลค่าทุนจดทะเบียน 1,520.00 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อ จัดหา รับ เช่า เช่าซื้อ ให้เช่า ถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง ปรับปรุง ใช้ และจัดการ โดยประการอื่นซึ่งทรัพย์สินใดๆ ตลอดจน ดอกผลของทรัพย์สินนั้น
ประเภทธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
ส่วนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนกันยายน 2567 มีจำนวน 2,254 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 เพิ่มขึ้น 215 ราย (10.54%) และทุนจดทะเบียนเลิก 16,611.91 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 ลดลง 618.06 ล้านบาท (3.59%)
ทั้งนี้ เดือนกันยายน 2567 มีนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย คือ
  • บจ.เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด (แพลตฟอร์ม JD CENTRAL) ทุนจดทะเบียนเลิก 4,959.27 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าปลีกผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
  • บจ.เซ็นทรัล เจดี มันนี่ จำกัด (แพลตฟอร์ม Dolfin Wallet) ทุนจดทะเบียนเลิก 2,532.00 ล้านบาท ประกอบกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการ
ขณะที่การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการสะสม 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2567) มีจำนวน 12,246 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ลดลง 764 ราย (5.87%) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสม 116,005.25 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 34,604.61 ล้านบาท (42.51%)
สำหรับการคาดการณ์จดทะเบียนในไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีปัจจัยกระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐ เช่น โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2568 เริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 (ตุลาคม 2567) ที่จะทยอยเริ่มโครงการ และช่วงปลายปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 - เมษายน 2568
จะเป็นปัจจัยกระตุ้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมทั้ง นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ประกาศออกมาในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เช่น การผลักดันการปรับโครงสร้างหนี้ การส่งเสริมและป้องการผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นต้น
จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายให้กับภาคเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 - 23,000 ราย ทั้งนี้ คาดว่าตลอดปี 2567 จะมีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ประมาณ 90,000 - 98,000 ราย
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/stock-investment/235563
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา