30 ต.ค. เวลา 09:44 • การเมือง

การเมืองแบบสาดโคลนในอเมริกา

โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง หัวข้อถกเถียงในหน้าสื่ออเมริกัน “ใครกันคือฮิตเลอร์”
การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในสหรัฐฯ ได้ก้าวไปสู่จุดพีคครั้งใหม่ สื่อและชาวอเมริกันกำลังถกเถียงกันว่า “ใครคือฮิตเลอร์ของพวกเขา” ทรัมป์ หรือ แฮร์ริส เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางฉากหลังของการชุมนุมสนับสนุนทรัมป์ที่เมดิสันสแควร์การ์เดน ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก - อ้างอิง: [1]
มีการพูดจาที่รุนแรงและใช้คำหยาบในการชุมนุมของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่เมดิสันสแควร์การ์เดนในนครนิวยอร์กทำให้หลายคนนำไปเปรียบเทียบกับตอนที่มีการชุมนุมกันของกลุ่มผู้สนับสนุนฮิตเลอร์เต็มไปหมดที่เมดิสันสแควร์การ์เดน (ที่เดียวกัน) ในปี 1939 การชุมนุมหาเสียงของทรัมป์ที่จัดขึ้นนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ถูกอธิบายว่าเป็นพวก “ฟาสซิสต์”
ทรัมป์ตกเป็นเป้าหมายโจมตีของฝ่ายพรรคเดโมแครต โดยพวกเขาได้ตอบโต้ทีมทรัมป์อย่างเต็มเหนี่ยว และพวกเขารีบเร่งบอกทุกคนว่าในปี 1939 การประชุมของ “กลุ่มสันนิบาตชน อเมริกัน-เยอรมัน” ก็จัดขึ้นที่เมดิสันสแควร์การ์เดน ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นองค์กรลัทธินาซีที่เปิดเผยในอเมริกาและพยายามสนับสนุนให้เกิดความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐอเมริกาและนาซีเยอรมนีในช่วง WWII นั่นหมายความว่าพรรคเดโมแครตพยายามดึงทรัมป์ให้เชื่อมโยงกับฮิตเลอร์ให้จงได้
1
เครดิตภาพ: MSNBC
Reductio ad Hitlerum (เป็นภาษาละติน) คือความพยายามที่จะทำให้ข้อโต้แย้งของผู้อื่นเป็นโมฆะ โดยอ้างว่าแนวคิดเดียวกันนี้ได้รับการส่งเสริมหรือปฏิบัติโดยฮิตเลอร์หรือพรรคนาซี ถ้ามีการพูดถึงคำนี้ถือเป็นสัญญาณที่ใกล้แสดงถึงความพ่ายแพ้ เมื่อมีคนเริ่มอ้างว่า “พวกนาซีก็ทำเช่นกัน” หรือตาม “กฎของกอดวิน” เมื่อมีการเปรียบเทียบคู่ต่อสู้กับฮิตเลอร์โดยตรง แสดงว่าข้อโต้แย้งนั้นถือว่าสิ้นสุด - อ้างอิง: [2]
อย่างไรก็ตาม Reductio ad Hitlerum ซึ่งนำเสนอโดยลีโอ สเตราส์ ผู้เป็นบิดาแห่งลัทธินีโอคอนของอเมริกา เห็นได้ชัดว่าย่อมมีอีกฝั่งหนึ่งเทียบเคียงกันนั่นคือพวกลัทธิทร็อตสกี (มาร์กซิสต์รูปแบบหนึ่ง) ของฝ่ายเสรีนิยมจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ
ในปัจจุบันข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นฟาสซิสต์และการเหยียดเชื้อชาติต่อทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขาที่ “จัดการชุมนุมในสถานที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนาซี” ได้ถูกตีแผ่ออกมาจากสื่อกระแสหลักฝั่งตะวันตกอย่างเช่น AP, Reuters, NYT, Politico – อ้างอิง: [3][4][5][6]
เครดิตภาพ: Rhona Wise/AFP/Getty Images
เดาได้ไม่ยาก ผู้สนับสนุนทรัมป์ไม่สามารถคิดอะไรได้ดีไปกว่าการใช้วิธีโต้แย้งแบบซ้ำซากจำเจในแนวคิดว่า “เราจะเป็นพวกต่อต้านชาวยิวได้ยังไง เรามีเพื่อนที่เป็นชาวยิวเยอะมาก… ลองดูสิว่ามีชาวยิวกี่คนที่มาชุมนุมกับเรา”
พรรครีพับลิกันเริ่มโต้แย้งกลับไป “ลองดูสิว่าการชุมนุมหาเสียงของแฮร์ริส ไม่สามารถสร้างความมีชีวิตชีวาและความยินดีได้เท่ากับการชุมนุมในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (ของเรา) แน่นอนว่าการชุมนุมพวกเดมไม่สามารถดึงดูดชาวยิวที่เคร่งศาสนาอย่างเปิดเผยได้ หรือแม้กระทั่งผู้ที่นับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม”
พรรคเดโมแครตได้ใส่ร้ายป้ายสีทรัมป์อย่างไร้เหตุผลและน่าละอายมาเกือบสิบปีแล้ว โดยกล่าวหาว่าทรัมป์คือฮิตเลอร์ แต่คำดูถูกของพวกเขาไม่เพียงแต่โจมตีทรัมป์เท่านั้น แต่ยังโจมตีชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้นที่สนับสนุนเขาด้วย คำดูถูกนี้ยังเท่ากับเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว และโยนความผิดให้ผู้ที่ต่อต้านพรรคเดโมแครตอีกด้วย
อ้างอิง: [7][8]
เครดิตภาพ: (ซ้าย) - Alex Wong/Getty Images (ขวา) - Stephanie Keith/Getty Images
การสาดโคลนกันไปมาของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน มองจากมุมคนภายนอกอเมริกาล้วนแต่ไร้สาระและเป็นการเย้ยหยันเล่นกันหนักของแต่ละฝ่าย
ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ติดตามของแฮร์ริสไม่ได้แม้แต่จะนึกถึงว่าในปี 1976 การประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตจัดขึ้นที่เมดิสันสแควร์การ์เดน “จิมมี คาร์เตอร์” ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานาธิบดีที่นี่ด้วยเช่นกัน (อ้างอิง: [9]) และดูเหมือนว่าไม่มีใครเปรียบเทียบคาร์เตอร์ในตอนนั้นกับฮิตเลอร์เลย
ส่วนพรรครีพับลิกันซึ่งใช้ตรรกะว่า “หากใครถือธงอิสราเอล มีพวกเป็นชาวยิว เขาก็ไม่สามารถเป็นนาซีได้” กำลังสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูดีขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในสายตาของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นมุสลิม
เรียบเรียงโดย Right Style
30th Oct 2024
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: Getty Images / AP / The Independent>
โฆษณา