30 ต.ค. เวลา 14:09 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] ตกลงปลงใจ - คนนท์ ชาญคลีเช่

“บอกผมทีว่าคุณคาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์”
การ “อารัมภบท” ที่เริ่มต้นด้วยคำถามที่ชายคนนี้อยากรู้เสมอมา 20 แทร็คต่อจากนี้คือการพยายามเสาะแสวงหาคำตอบจากประสบการณ์การมีความรัก การสังเกตความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว ทั้งในโลกอินเตอร์เน็ต การเดินสวนไปมาในที่สาธารณะ รวมถึงภาพยนตร์ที่บางทีก็ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัดอยู่แล้ว บ้างก็ surreal จนเกินจริงเสียบ้าง
ผมคงสปอยล์จุดหมายปลายทางของ ปุน-ควันธรรม นนทพุทธ (a.k.a คนนท์ ชาญคลีเช่) ได้เลยว่า
เขายังคงเป็นหนุ่มเนิร์ดและยังโสด อาจจะไม่ได้สมหวัง แต่ที่แน่ๆเขาตกผลึกอะไรได้หลายอย่างจากการออกเดทเพียงชั่วครู่ การจินตนาการไปสู่ความรักมากมาย นำมาซึ่งความเป็นมนุษย์ที่ลึกซึ้งถึงความคิดมากกว่าที่แล้วมา
#ตกลงปลงใจ represent ไอ้หนุ่มมักรักเขาข้างเดียวที่เต็มเปี่ยมด้วยใจรักในฮิปฮอปทางเลือก ชอบทดลองโน่นนี่อันเป็นที่พึ่งทางใจโดยที่ไม่แคร์ว่า แร็ปเกี่ยวกับความรักมันจะต้องแมสเหมือนเพลงแร็ปไทยในกระแสยุคปัจจุบันมั้ย ถึงน้องมันจะหวังอยู่ลึกๆว่า ชุดนี้คงต้องมีซักเพลงใดเพลงนึงเตะหูใครซักคน ระบบอัลกอริทึ่มสุ่มเพลงให้คนอื่นที่เค้าหลงไหลกับเพลงในกระแสได้ยินบ้าง
ความเฉพาะทางและแนวคิดสุดอินดี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการค้นพบเท่านั้นจึงจะให้ใครมา “ตกลงปลงใจ” ตามผลงานของชายคนนี้ได้ ซึ่งผมรู้สึกโชคดีมากๆที่ได้เปิดใจรับฟังเด็กคนนี้ ประหนึ่งค้นพบความคัลท์บางอย่างที่มาเติมสีสันให้วงการเพลงไทยให้ได้มาตัดเลี่ยนเพลง T-Pop รักๆเลิกๆดูบ้าง
อ้าวเห้ย !!! ตกลงปลงใจ ก็พูดถึง “ความรัก” นี่หว่า มันอาจจะฟังดูง่ายๆกับการเล่นประเด็นที่คนส่วนใหญ่เล่นเป็นแสนหมื่นล้าน แต่แต้มต่อของการเป็นแรปเปอร์สุดเนิร์ดเนี่ยแหละกลับกลายเป็นการไม่ยึดติดแนวทางรูปโฉมให้โดนจับไต๋ได้ว่าเห่อตามกระแสแต่อย่างใด เนี่ยคือสิ่งที่ชนะใจคนชอบฟังเพลงเป็นอัลบั้มอย่างผมมากๆ อย่างน้อยก็มีอะไรคัลท์ๆแบบไทยๆให้ได้กระแทกหูบ้าง
ตอนที่ผมส่องแทร็คลิสท์ ผมเองก็คาดเดาไม่ได้จริงๆว่า จุดหมายปลายทางแห่งการ “ตกลงปลงใจ” ในครั้งนี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน แต่เมื่อฟังจบจนสามารถสปอยล์ได้ตามพารากราฟแรก เมื่อเอามาเปิดวนอีกรอบที่ 3-4 ผมก็ยังรู้สึกแปลกใหม่ในการเก็บดีเทลรายทางอยู่ดี
แค่ Art Direction ก็เริ่มทุ่มทุนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าอัลบั้มไตรภาคที่ผ่านมา ถ้าว่ากันตามตรงก็ออกแนวงานคราฟต์ดิบๆนักศึกษาม.ปลาย สำหรับ era ใหม่นี้ก็มีอะไรให้ชวนน่าค้นหาเข้าไปใหญ่ด้วยการ tribute ถึง pop culture แห่งดนตรีไทยลูกกรุง ตั้งแต่ format artwork ที่มักจะใช้ในปกไวนิลเพลงไทยรุ่นคุณพ่อคุณแม่ ฟ้อนท์ตัวอักษร เลขไทย การใช้คำไทยแท้ประดับเครดิตโดยที่ไม่มีภาษาต่างประเทศปน ขนาดการเรียกสาวที่ชอบ ปุนยังใช้คำว่า “อิสตรี” แทนที่สรรพนามปกติอยู่เลย
สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างคือการทิ้งร่องรอยความเก่าของภาพฟิล์มที่มีความขุ่นๆแตกๆ และร่องรอยแผ่นไวนิลเป็นวงราวกับว่าแผ่นเพลงชุด “ตกลงปลงใจ” ถูกใช้สอดเข้าถอดออก และเก็บเข้ากรุมาตั้งนานนม (ทั้งๆที่ยังเป็นดิจิตอลอยู่นะ 555) เมื่อดูจากรูปโฉมที่ดูแสนเชยกลับกลายเป็นความเฟี้ยวโคตรคูลจะไม่ให้อยากสนใจได้ไง
และรอบนี้ไม่ได้ tribute พร่ำเพรื่อ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปุนหลงไหลกับการได้ฟังเพลงลูกกรุงผ่านแผ่นไวนิล นั่นทำให้เขาปิ้งไอเดียที่จะผสมผสาน sample ของเพลงลูกกรุง และ skit ละครน้ำเน่าไทยสมัยละครวิทยุลงไปสร้างสีสันให้เกิดกลิ่นอายเรโทรแบบไทยๆสอดรับตีมหลักของชุดนี้อย่างที่เห็น
เปิดด้วย #อารัมภบท อันเป็นอินโทรเปิดอัลบั้มที่ไม่ได้มาเกริ่นนำสั้นๆพอเป็นพิธี แต่ใส่แร็ปในแบบที่มีเรื่องอะไรสงสัยเกี่ยวกับ “ความรัก ความสัมพันธ์” เต็มไปหมด บางคู่ก็พบพานความมั่นคงจริงๆ บางคู่ก็ขับเคลื่อนด้วยความต้องการ อยากเปิดซิงนั่นแหละ บางคู่ก็เพื่อสืบทายาท ซึ่งการเริ่มต้นด้วยความสงสัย เขาก็ยังคงจะสงสัยอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้
#รักครั้งใหม่ บีทแน่นๆแช่มชื้นแบบนี้ผมโคตรชอบเลยครับ และวางอยู่ในลำดับที่สองด้วย ยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากที่จะฟังเค้าแรปเกี่ยวกับความรักต่อๆไปเลย ซึ่ง รักครั้งใหม่ ของไอ้หนุ่มปุนคงไม่ใช่การได้เป็นแฟนกับใครซักคนเสียทีเดียว แต่เป็นความรู้สึกตาเป็นประกายราวกับเจอขุมทรัพย์เมื่อได้ต้องตาใครซักคน แม้ตลอดที่ผ่านมาเขาแทบจะปฏิเสธสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด
#นี่หรือคือรัก (เธอรู้สึกบ้างไหม) ซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมา โชว์ความป็อปด้วยการเอื้อนผ่านออโต้จูน เป็นความแหบแปร๋นๆที่ให้ฟีลความละเมอเพ้อพบอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้ทุกครั้งที่ผมฟังเพลงนี้ ผมไม่ได้ฟังด้วยความรู้สึกหวานเลี่ยน เหม็นความรักเลยครับ แต่เป็นความรู้สึกแปลกๆที่มาจากตัวศิลปินเอง รวมถึงชื่อเพลงที่จั่วถึงความรู้สึกที่เขานั้นยังไม่เคยพบเจอมาก่อน
#โอเคนัมเบอร์วัน อันนี้ชัดเจนในแง่ของไอ้หนุ่มที่เพิ่งตกหลุมรัก ความคลั่งรักบังเกิด ยังไงก็ต้องคิดถึงเธอคนนั้นเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ผลักคนอื่นไว้ทีหลังเข้าไว้ก่อน #คู่เจริญ เป็นการตั้งคำถามถึง soulmate ความเป็นคู่บุญคู่บาป ภายใต้บีทดุ่มๆประหนึ่งจิงเกิ้ลเข้าสู่ช่วงตอบคำถามในรายการเกมส์โชว์ ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดที่อยู่ดีๆเจ้าของเพลงไปโดนคู่รักคู่ไหนด่ามาไม่ทราบ แต่ก็ตลกดีที่คู่รักปากร้ายคู่นั้นดันแยกย้ายไปมีแฟนใหม่ อย่างไรก็ตามเขาเองก็ยังไม่เคยสัมผัสถึงความหวานปนขมนั้นเลย
#สมพงษ์ดวงหาไม่ ซิงเกิ้ลสองที่บีทมานิ่งๆแต่ไรห์มโคตรคูล พรรณนาถึงความพยายามจีบคนโน้นคนนี้ แต่สุดท้ายก็ดวงกุดกลับไปกินแห้วตามระเบียบ verse สุดท้ายเปรียบเปรยความผิดหวังได้คมและเห็นภาพชัดมากๆ มีทั้งไปต่อย Dragon Punch ประชดจนได้ score พุ่งสูง การมองนิยามความรักที่เป็นได้แค่การแข็งในกางเกง พอพูดถึงเกมส์ต่อยนวมที่มักใช้เพื่อระบายอารมณ์ด้วยก็เลยเชื่อมกับ interlude #เกมงี่เง่าที่เราเล่น ที่ความรักมักเหมือนเกมที่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้สูตรไหนที่จะชนะใจอิสตรีได้ นับนานวันยิ่งเลื่อนลอย
#ดอกอะไรใช้นิยาม ตอนเห็นชื่อเพลงครั้งแรก คิดในใจไปว่า มันหลอกด่าสาวที่ไหนรึเปล่านะ แต่ที่ไหนได้เป็นเพลงจีบสาวที่ไม่มีการประชดประชันใดๆเลย (ไม่มี “ทอง” ห้อยท้าย) บีทมาในจังหวะโจ๊ะฟังก์พรรณนาถึงคนที่ชอบหว่านเสน่ห์เสียจนไอ้เราก็เป็นหนึ่งในนั้นพลอยโดนตกไปด้วย
#กระบือบันลือรัก เหมือนจะต่อเนื่องจากเพลงเมื่อซักครู่นี้เลย พอโดนหว่านเสน่ห์ เป็นเรื่องธรรมดาที่อะไรๆก็ดูเหมือนเค้าจะมีใจให้ ทั้งการกดไลค์ ตอบแชทไวประหนึ่งได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ เราคือคนแรกที่เขาคิดถึง แต่ก็ถึงบางอ้อตอนเห็นมือถือที่แอบเม็มชื่อคนโน้นคนนี้ว่าเป็น “ที่รัก” เฟรนด์ลี่กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ปัดโถ่เอ้ย ไอ้ต้าวคนเจ้าชู้ดีๆนี่เอง
#นี่โบ้เอง โมเมนต์แห่งการทำตัวเป็นผู้ชายแสนดี คอยปลอบใจคลายทุกข์ให้เธอทุกครั้งเรื่อยไป ไอ้เราก็ดีใจนึกว่าเธอจะเลิกกับเขาได้แล้ว แต่ที่ไหนได้สามวันดีสี่วันไข้ เธอก็ไปคืนดีกับเขาเอง ผู้ชายแสนดีคนนี้กลับไปทานเพดดีกรีแทนข้าวดังเดิม แต่แล้วเพลงถัดมา
#ภิชญา2561 ที่พยายามส่งข้อความ เล่นมุกเสี่ยวๆอยู่บ่อยครั้งจนสาวไม่คิดจะซื้อ ชวนไปงานสัปดาห์หนังสือ แต่เธอก็หาย ไลน์ไม่ตอบ อ้างว่ายุ่ง คำตอบช่างริบหรี่เหมือนประชาธิปไตยในไทย ด้วยความ obsessed นั้นเองก็อดรนทนไม่ไหว โทรหาแม่งเลย แต่ดันเจอดีเมื่อคู่ปลายสายที่มารับสายคือผัวตัวจริงของเธอนั่นเอง
#เธอเธอ(เข้าเรื่องเลยแล้วกัน) ซิงเกิ้ลที่ 3 หยอกเย้ากับความรู้สึกค้างคาที่อยากให้เธอช่วยส่งสัญญาณอะไรบางอย่างที่ชัดเจนให้รู้ที คนมันตกหลุมรัก ต่อให้เพื่อนจะห้ามว่าพอเถอะ มันก็ยังอยากจะรุกเข้าไปหาอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่เขาทิ้งสัญญาณแห่งการเสียเวลาให้ได้รับรู้แล้ว
#อรชรอ้อนรัก แค่ชื่อเพลงก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ผมโคตรชอบบรรยากาศแห่งเสียงจั๊กจั่นและการใช้ภาษาในเพลงนี้มากๆ พรรณนาโวหารด้วยภาษาเพลงลูกกรุงปนกับอังกฤษให้เข้ากับยุคสมัย มีความลูกทุ่งมากสุดในชุดนี้ และยังได้พี่วิน (แปลงซะเสีย) มาโปรดิวซ์ให้ด้วย
พักเรื่องความรัก วกมาที่เรื่องปม body shaming #ลูกบ่าวแม่หาม่ายเสน่ห์ ซิงเกิ้ลล่าสุดที่ตัดพ้อถึงเรื่องที่ผิดหวังความรักเป็นเพราะรูปร่างหุ่นหมี ไม่ได้รูปหล่อหุ่นดีอย่างที่สาวๆหลงไหลรึเปล่า? แต่นั่นก็ทำให้เขาโดนเรียกสติขึ้นมา เมื่อครั้งนึงเขาเคยรับคำท้าจากสาวที่เคยจีบว่า ถ้าออกกำลังกายแล้วลดหุ่นได้ ยอมพลีกายให้เอาเลย ซึ่งนั่นก็ what the fuck ไปกับความอิหยังวะที่ไม่ได้ชอบในตัวตนที่แท้จริงเลยซักนิด สุดท้ายก็ต้องปลุกความมั่นใจในตัวเองและยอมรับการเกิดมาแตกต่างด้วยตัวเอง
มาถึงเพลงติดเรท #บทอัศจรรย์แนบเนื้อ เพลงแบ่งสองพาร์ทที่จินตนาการถึงประสบการณ์สุดเสียว ราวกับว่าปุนไปทำการบ้านอ่านหนังสือโป๊ไทยมาอย่างดี บรรยายเรื่องอุ่นเตียงเอาซะเร่าร้อนโชกเหงื่อเลยทีเดียว ชอบในความขมุกขมัวดุจดั่งปีศาจตัณหามันกำลังทำงาน นี่ถือเป็นเพลงไฮไลท์ที่คาดไม่ถึงกับทักษะ storytelling สุดวาบหวามไม่แพ้ใคร
#มนต์รักข้าวต้มกุ๊ย พรรณนาถึงสาวในอุดมคติที่ยอมใช้ชีวิตติดดิน ไม่สนเงินในกระเป๋า ไม่จำเป็นต้องพาไปร้านชาบูหรือกินราเมงหมูชาชู แค่ข้าวต้มและถ้วยกับข้าววางเรียงรายบนโต๊ะก็อิ่มอร่อยเพียงพอ เวลาเจอผู้หญิงแบบนี้ยิ่งกว่าถูกหวย ต่อให้แม่ค้าถือแผงมาให้เลือกเลขก็ไม่สนแล้ว ณ จุดนี้ (นี่มัน “กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม” ชัดๆ)
#ฝนตกเป็นหมวกกันน็อค เห็นชื่อเพลงครั้งแรกถึงกับงงเลยซิครับ ถึงขั้น DM ไปหาปุนว่า เอ็งต้องการสื่ออะไร? ก็ได้คำตอบในเชิง inspiration มาจากหนังเรื่อง หมานคร หนังโรแมนติกไทยสุดคลาสสิคที่มีฉาก ฝนตกเป็นหมวกกันน็อคและภูเขาขวดพลาสติก อันเป็นภาพจำ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นความ surreal ที่ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาก นอกจากใจความหลักที่ว่า ชีวิตย่อมมีความวิปโยคได้ทุกเมื่อ อยากสารภาพรักกับใครก็จงทำซะ
ด้วยความที่อะไรๆไม่แน่นอนที่ปุนได้ปูทางไว้ในเพลง #ฝนตกเป็นหมวกกันน็อค เลยเป็นที่มาของการเชื่อมด้วยเพลงที่ส่วนตัวที่สุด ล่อไปกว่า 180 บาร์อย่าง #เพลงนี้เกี่ยวกับคุณ.mp4 แร็ปบู๊ๆ ไม่มีแม้แต่ท่อนฮุคบัลลาดซึ้งๆ และดูไม่มีอะไรจะเสียกับการสารภาพความในใจถึงสาวที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน
ความใจกล้าเริ่มแรกคือสารภาพแบบเต็มหน้ากระดาษไปแล้ว แต่เธอให้เหตุผลว่า เธอยังไม่ต้องการความรักในตอนนี้ เธอไม่ได้ขาดแคลนนัก ชีวิตค่อนข้างยุ่งยากสารพัด นั่นก็เป็นเหตุผลที่ปุนมองอิสตรีท่านนั้นว่า ยังโสด แค่ไม่พร้อม
ความใจกล้าครั้งที่สองก็บังเกิดขึ้นตอนที่อีเว้นท์ Studio Ghibli ที่สาวคนนั้นชอบมาจัดที่เซนทรัลเวิร์ลพอดี และนั่นเป็นโอกาสอีกคราที่ปุนได้มีโอกาสชวนสาวไปเที่ยวเล่นนิทรรศการ อย่างน้อยก็ได้เจอกันแบบ offline เพื่อให้ได้สารภาพความในใจนั้นไปเลย ถึงแม้ว่าปุนจะไม่เคยดู Studio Ghibli เลยก็ตาม สำคัญตรงที่ไปกับใครต่างหาก
และแล้วก็เข้าสู่ห้องเย็นที่ร้านอาหารญี่ปุ่นอักษรย่อตัว Y เมื่อความในใจดันกระเด็นออก ความเจ็บแปล๊บก็บังเกิด เหตุผลที่เธอให้ยังคงเดิม ภาระอันยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งในแบบที่เรื่องรักยังไม่ขัดสน สุดท้ายเป็นได้แค่เพื่อน ปุนกลับบ้านอย่างมือเปล่าพร้อมเลียแผลใจด้วยความเจ็บจี๊ด ฟังแล้วก็สงสารเลยฮะ
#คู่สร้างคู่สม นอกจากจะเป็นชื่อนิตยสารรายปักษ์สุดคลาสสิคแล้ว ยังเป็นการสร้าง what if หากได้ครองคู่จริงๆ หากวันนั้นมาถึง ทั้งปุนและว่าที่ภรรยาคงต้องมีบททดสอบอะไรมากมาย ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับชะตาว่าจะให้อยู่คู่ครองหรือพลัดพราก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บางทีการมีคู่ครองก็ไม่ทำให้เหงา แต่ไม่มีก็ดีในแง่ที่ไม่ต้องมีวิวาทะให้เปลืองน้ำลาย สุดท้ายก็แยกกันตายอยู่ดี
นั่นเป็นสิ่งที่ปุนเริ่มจะปลงเรื่องความรักได้แล้วในระดับนึง นำมาซึ่งบทสรุปสุดลอยๆ ให้บีทมันนำพาใน Outro #รักอยู่รอบตัว กับการหยอกเย้าประโยคสุดคลาสสิคตามชื่อเพลง ซึ่งมันมีการเถียงไปมาระหว่างคอรัสเจี๊ยวจ๊าวที่รันเพลงไปตามปกติกับเจ้าของเพลงตัวจริง ก็เถียงแทรกขึ้นมาประมาณว่า รักอยู่รอบตัว (ตรงที่ใด?) เป็นการจบอัลบั้มแบบปลายเปิดที่ไม่โลกสวยดีครับ
ถ้าหากคุณเคยชินกับเพลงป็อปแร็ปไทยที่พูดถึงความรัก คุณอาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินการนำเสนอที่ติดกลิ่นอินดี้ หยั่งเชิงการทดลอง ความแปลกประหลาดของ Auto-Tune และการใส่แร็ปแบบรัวๆบู๊ๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้คนฟังฮิปฮอปอเฉกเช่นผมที่อายุปูนนี้แล้ว ลึกๆก็อยากไฝ่หาความ catchy บางอย่างให้คลิ๊กแบบละเมียดบ้าง ตลอดการตะลุยอัลบั้มโดนใส่รัวๆแบบนี้มันไม่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะ catch up ทัน บางครั้งก็นึกว่า อ้าว !!! นี่เข้าแทร็คถัดไปแล้วหรอเนี่ย นึกว่ายังไม่จบเพลงเสียอีก
ด้วยจำนวนแทร็คเหยียบหลักยี่ และการเรียบเรียงที่ไหลยาวๆด้วย ทำให้ขาด space แห่งการพักหายใจหายคอให้ได้ซึมซับความรู้สึกที่ยังไม่ทันได้เจือจางจากแทร็คก่อน เป็นอัลบั้มเพลงรักที่อาจสร้างความไม่คุ้นชินและไม่ง่ายเลยที่จะจบอัลบั้มโดยไม่เบรคเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง 14 นาที
ไหนจะไม่มี skit แถม interlude ก็ร่ายยาวเหมือนเพลงปกติเลย อุปสรรคทางจำนวนและการอยากมีเรื่องรักๆอกหักๆอยากจะเล่าเยอะ เป็นอุปสรรคให้ยากต่อการย่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียดายที่น่าจะเว้นระยะขยี้ความเป็นลูกกรุงแบบ distortion ให้ได้กลิ่นความเอื้อนเอ่ยให้ได้เชยชมเต็มที่เสียหน่อย
แต่ช้าก่อน !!! นั่นคือข้อเสียที่ได้รู้สึกไปหมดแล้ว สิ่งที่ยังทำให้ปุนยังเป็นที่เชื่อมั่นได้อยู่คืออุดมการณ์ในการสร้างความแตกต่างและความคิดสร้างสรรค์ในการหยิบจับสิ่งหลงไหลรอบตัว โดยเฉพาะการหลงไหลกับดนตรีลูกกรุงอันเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการสร้างตีมอัลบั้มให้มีกลิ่นอายความเรโทรเจืออยู่
อันมีทั้งบีทโจ๊ะๆ คลิปเสียงละครวิทยุ การ distort เพลงลูกกรุงจนกลายเป็น element ที่กลายเป็นความแปลกประหลาดและน่าพิสมัยขึ้นมาทันที ในเรื่องของเซนส์ป็อปก็เริ่มเห็นเค้าลางบ้างแล้ว หลังออกจากกรมอยากเชียร์ให้ไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติมจริงๆ
ต่อให้อัลบั้มจะสุมด้วยบทเพลงที่ว่าด้วยความรักซะเยอะจนเป็นเรื่องที่น่าบ่นเกี่ยวกับวงการเพลงไทยว่า เมื่อไหร่เพลงในกระแสหลักเหล่านั้นจะหลุดพ้นเซฟโซนทางเนื้อหา topic ลักษณะนี้บ้าง (เหมือนวงการหนังไทยที่มีแค่หนังผีและรอมคอมอยู่นั่นแหละ) แต่สำหรับ “ตกลงปลงใจ” ยังคงเป็นความแตกต่างที่สดใหม่ทางไอเดียโดยที่ไม่ใส่ฟีลเตอร์อะไรมากมาย
และยังแสดงให้เห็นถึงเด็กรุ่นใหม่คนนึงที่ไม่หลงลืม Thai pop culture เก่าๆ และเห็นคุณค่าผ่านภาษาศัพท์แสงเก่าๆที่คนรุ่นใหม่ไม่ใช้ในชีวิตประจำวันและใส่ลงในเพลงแล้ว ผมจึงไม่เคยรู้สึกว่า นี่คือเพลงรักเชยๆที่ไม่ธรรมดาเลยด้วยซ้ำ
ขอให้โชคดีกับชีวิตในกรมทหารครับ
Top Tracks : รักครั้งใหม่, นี่หรือคือรัก (เธอรู้สึกบ้างไหม), คู่เจริญ, สมพงษ์ ดวงหาไม่, ดอกอะไรใช้นิยามเธอ, กระบือบันลือรัก, นี่โบ้เอง, ลูกบ่าวแม่หาม่ายเสน่ห์, อรชรอ้อนรัก*** (ชอบใส่ไข่พิเศษ), บทอัศจรรย์/แนบเนื้อ, ฝนตกเป็นหมวกกันน็อค, เพลงนี้เกี่ยวกับคุณ.mp4
Give 7.5/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา