ชาติกำเหนิด จุดเริ่มต้นของโชคชะตา
ถ้าจะบอกว่า “โชคชะตาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสำเร็จของมนุษย์” ผมอยากจะชวนคิดในสิ่งที่เชื่อมโยงกับคำว่า “โชคชะตา” ซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงไหม? ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันส่งผลอย่างไรต่อชีวิต? สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าจะเชื่อมโยงและบอกเราได้ดีถึงการมีอยู่และการเริ่มทำงานของโชคชะตาต่อชีวิตของเรานะครับนั่นคือเรื่องของ “ชาติกำเหนิดของแต่ละคน” ที่คำว่า “โชค” ซึ่งถือเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งทำงานกับชีวิตของคนเราแตกต่างกันไป ส่วนมันจะมีผลมาจากอะไรนั้นเดี๋ยวเรามาว่ากันต่อจากนี้ครับ
การเกิดมาของแต่ละคนนั้นเรามักจะรับรู้กันได้โดยทั่วไปได้ว่า “คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้” และถ้าโชคดีก็จะได้เกิดในตระกูลที่ดี มีต้นทุนชีวิตที่ดี เกิดในประเทศศิวิไลซ์ซึ่งพัฒนาแล้วและเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย จะทำอะไรก็มีฐานการสนับสนุนที่แข็งแรง ล้มได้ลุกได้หลายครั้งแบบไม่เจ็บตัวมากมายนักเผลอแทบจะไม่สะเทือนอะไรกับชีวิตเลยด้วยซ้ำ เลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจของตนเองต้องการ
แต่บางคนโชคร้ายเกิดมาในตระกูลที่มีต้นทุนชีวิตที่ต่ำหรือติดลบเลยด้วยซ้ำ เกิดในประเทศที่ด้อยพัฒนามีแต่การรบรา ฆ่าฟัน ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นการออก Start ชีวิตสู่ความสำเร็จที่ต้องลำบากกว่าพวกที่โชคดีไปแล้วหนึ่งอย่างเรียกได้ว่าแพ้ตั้งแต่เกิดแล้วก็ได้
แต่ฉันใดก็ฉันนั้นในบางครั้งการเกิดมาเป็นคนโชคดีมันก็มีเรื่องของโชคชะตามากำหนดอีกเช่นกันว่าเด็กคนนั้นจะโชคดีและรักษาความโชคดีที่เป็นต้นทุนนี้ไปได้นาน ขนาดไหน? จะมีตัวแปรอะไรมาทำให้กลายเป็นคนโชคร้ายในช่วงต่อมาของชีวิตได้หรือเปล่า ทั้งแบบที่ทำตัวเองให้กลายเป็นคนที่โชคร้ายและหลุดจากความโชคดีด้วยตัวเอง หรือมีอุบัติเหตุ มีเหตุการณ์พลิกชีวิตที่ตัวเองไม่ได้คาดคิดและควบคุมไม่ได้มาเกิดขึ้นจนทำให้ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือหรือไม่
ซึ่งเหตุการณ์คาดเดาไม่ได้นี้เป็นโชคชะตาที่ขีดเส้นทางไว้ให้หรือเปล่า? ที่ทำให้เขาต้องหมดตัว เจ็บป่วย ฯลฯ เพราะในบางเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถใช้เหตุผลและอธิบายได้ว่า “มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” เป็นไปได้ไหมที่โชคชะตาคือผู้ที่กำหนดไว้ให้ว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นกับชีวิตคนๆ นี้ แม้เขาจะไม่ได้ทำตัวเองให้เข้าไปสู่ความตกต่ำนั้นด้วยความตั้งใจและการใช้ชีวิตไปในทางที่ผิดก็ตาม
เช่นกัน กับคนที่เกิดมาโชคร้ายต้นทุนชีวิตต่ำมันก็ไม่ได้มีอะไรมารับประกันได้ว่าเขาจะลำบากยากเย็นแสนเข็ญ ต้องดิ้นรนเลือดตาแทบกระเด็น ทุกข์ระทมไปตลอดชีวิต ในบางครั้งอาจมีเหตุการณ์ดีๆ เกิดขึ้นกับเขาโดยบังเอิญ มีคนมารับอุปการะเลี้ยงดูหรือมีคนมามอบโอกาสทางธุรกิจ มีโชคลาภโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยไม่ได้คาดหวังแล้วดันกลายเป็นเหตุการณ์ที่พลิกชีวิตเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากดินสู่ดาว กลายเป็นคนที่ได้ดีในระยะยาว ประสบความสำเร็จในชีวิตไปเสียอย่างนั้นก็ได้
ถ้าโชคชะตาเริ่มทำงานกับชีวิต ส่วนตัวผมเชื่อว่าต่อให้เราจะขี้เกียจ นั่งกินนอนกิน ทำอะไรไม่สนโลกสักแค่ไหน แต่เมื่อมันทำงาน มันจะมีอะไรมาดึงเราแรงๆ มาผลักเรา มันบังคับเราให้ “ต้องทำ” ในสิ่งที่ถูกมันกำหนดมาแล้วว่าเราต้องทำและหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่สามารถจะขี้เกียจ นั่งกินนอนกินได้เมื่อมันทำงานเพราะมันจะมาพร้อมข้อจำกัด ข้อบังคับ ความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้เราต้องปรับตัวเองและลุกขึ้นไปทำ
จนท้ายที่สุดมันก็จะสำเร็จเพราะโชคชะตากำหนดมาแล้ว และเช่นกันในความที่เป็นคนโชคดีอยู่แล้วเมื่อมันทำงาน บางครั้งมันก็อาจมีอะไรมาดลจิตดลใจหรือทำให้เราต้องตัดสินใจ “ทำบางอย่าง” ที่ดูโง่ๆ จนทำให้ชีวิตล้มเหลวได้ด้วยเช่นกัน
“จุดเริ่มต้นของโชคชะตานั้น มันทำงานกับ ชาติกำเหนิดและสถานภาพความเป็นอยู่ของชีวิตเรามาตั้งแต่เกิดแล้ว”
ชาติกำเหนิด สิ่งนี้น่าจะเป็นตัวบ่งบอกถึงการมีอยู่ของโชคชะตาได้ดีที่สุดเพราะก่อนที่เราจะเกิดมานั้น เราไม่สามารถเลือกได้เลยว่าเรา “อยากจะเกิดที่ไหน อยากจะเกิดเป็นลูกใคร” การที่จะเกิดเป็นลูกมหาเศรษฐี ร่ำรวยมากมาย หรือ เกิดเป็นลูกยาจก ชีวิตข้นแค้นแสนลำบาก เราไม่สามารถกำหนดได้เพราะทุกอย่างนั้น “โชคชะตา” เป็นสิ่งที่กำหนดให้เราไว้แล้ว
คำถามต่อมาคือ “ถ้าโชคชะตามีผลต่อชาติกำเนิดของเราแล้วล่ะก็ อะไรล่ะ? คือตัวกำหนดว่าโชคชะตาที่ทำหน้าที่ของมันตั้งแต่ก่อนเราเกิด มันจะนำพาเราไปในทิศทางใด?”
จริงๆ แล้วถ้าจะพูดถึงการประสบความสำเร็จในชีวิต สิ่งที่เราทำมักจะเป็นตัวบ่งบอกถึงสิ่งที่เราจะได้รับในปัจจุบันและอนาคต แต่เมื่อพูดถึงเรื่องโชคชะตาชีวิตแรกเกิดของเรานั้น เราไม่ได้อยู่ในจุดที่เปิดโอกาสให้เราพยายามเพื่อให้เราเกิดมาในจุดที่มีฐานะดี สบาย มั่งคั่ง ร่ำรวย มีชีวิตที่ดี ได้เลยเพราะเราไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งต่างๆ ในปัจจุบันเพื่อให้มันส่งผลต่ออนาคตคือการเกิดมาของเราได้ เพราะก่อนที่เราจะเกิดนั้นตลอด 9 เดือนเราอยู่แต่ในท้องของแม่เรา
ซึ่งจุดที่น่าสนใจตามหลักตรรกะทั่วไปคือถ้าทุกอย่างมี “เหตุและผล” ในการเกิดขึ้น เมื่อเราเกิดมาเป็นอะไรก็ตามที่เราเป็น สิ่งนี้คือผล แล้วหากพูดถึง “เหตุล่ะ?” มันเกิดขึ้นตอนไหน? เราไปทำมันไว้ตอนไหนในเมื่อ 9 เดือนที่ผ่านมาเราอยู่แต่ในท้องของแม่เรา นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ได้ไหมว่า “หรือเรื่องราวของอดีตชาติและการเกิดขึ้นหลายภพหลายชาติของมนุษย์นั้นมีอยู่จริง?”
โดยมีหลักฐานมาจากการเกิดขึ้นของโชคชะตาที่บางครั้งมนุษย์ไม่สามารถ “เลือกที่จะเกิด” เข้าทำนองว่า “คนเราเลือกเกิดไม่ได้นั่นแหละครับ” เราทำอะไรไว้เราก็จะได้รับผลในสิ่งที่เราทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทีนี้ถ้าจะอธิบายว่า “อะไรคือตัวกำหนดให้โชคชะตานำพาเราให้ไปเกิด ณ จุดๆ นั้น”ผมขอยกตัวอย่างตามหลักของศาสนาพุทธที่ส่วนตัวผมว่าน่าจะอธิบายการเกิดขึ้น มีอยู่และส่งผลกับชีวิตของคนเราได้ดีที่สุด ย้ำว่า “ในความคิดส่วนตัวของผมนะครับ” ซึ่งศาสนาอื่นอาจจะมีสิ่งที่ใช้อธิบายได้คล้ายๆ กัน แต่อาจจะเรียกชื่อไปในทางอื่นที่แตกต่างจากศาสนาพุทธที่ผมมองว่าตัวที่กำหนดโชคชะตาของเราในชาตินี้นั้นมีผลมาจากสิ่งที่เราทำในชาติที่ผ่านๆ มา
ศาสนาพุทธ “เชื่อในการเกิดของคนเราในหลายภพหลายอดีตชาติก่อนหน้านี้และไม่มีหนทางใดจะหลุดพ้นวงจรนี้ได้นอกจากไปถึงซึ่งนิพาน” คือไม่กลับมาเกิดอีกเลยดังที่พระพุทธเจ้าได้เดินทางไปถึง ณ จุดนั้น สิ่งที่ผมจะอ้างถึงตามหลักศาสนาพุทธที่ส่งผลต่อโชคชะตานี้เรียกกันว่า “บุญ และ กรรม”
ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำสะสมกันมาในหลายภพหลายชาติ บุญ กรรม แต่ละชาติที่เราสะสมมาในชาติก่อนหน้านี้ มันจะส่งผลในชาติถัดไปที่เราเกิดมา ในมุมมองของผมสิ่งนี้นั่นแหละครับที่ผมเรียกมันว่าเป็นตัวกำหนด “โชคชะตา” ของคนเราแต่ละคนที่ทำให้ชีวิตทุกคนและเรื่องราวในชีวิตของทุกคนนั้นแตกต่างกัน
ด้วยเพราะโชคชะตาคือสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ส่งผลกับชีวิตของเราตั้งแต่เกิด บุญและ กรรม ที่ตามหลักทางพุทธศาสนาใช้อธิบายถึงสิ่งที่จะส่งผลต่อชีวิตของเราได้ค่อนข้างเชื่อมโยงที่สุด (ตามหลักศาสนาพุทธนะครับ) กับประโยคที่เรามักจะได้ยินกันว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราล้วนมาจาก กรรม ซึ่งก็คือผลของการกระทำต่างๆ ที่เราเคยได้ทำมาตั้งแต่ในอดีตซึ่งมันจะส่งผลต่ออนาคต
ในทางโชคชะตานี้ก็คือการที่เราทำอะไรไว้ก่อนหน้าที่เราได้เกิดมาหลายภพหลายชาติ กรรมดี หรือ กรรมชั่ว ต่างๆ มันก็จะส่งผลเป็นทอดๆ กันมาในแต่ละชาติ เมื่อผูกโยง กับเรื่องของ วัฏสงสาร สังสารวัฏ หรือ สงสารวัฏ ที่ว่าด้วยเรื่องของการเวียน ว่าย ตาย เกิด การหลุดพ้นจากวงจรนี้ ซึ่งมนุษย์เรานั้นล้วนแล้วแต่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วหลายภพ หลายชาติ บางชาติเราเกิดเป็นมนุษย์ บางชาติเราก็อาจจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นผู้ยากไร้ เกิดเป็นเศรษฐี เกิดเป็นคหบดี
ซึ่งการจะเกิดเป็นอะไรเหล่านี้ล้วนไม่มีคำอธิบายเลยว่าเราได้เกิดมาในที่นั้นๆ ได้อย่างไร? ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบายแค่เราเกิดมาตามที่โชคชะตากำหนดก็เท่านั้น
ในทุกๆ ครั้งที่เราเกิดมา เราก็จะผ่านการดำรงชีวิตที่มีการทำความดี เช่น การช่วยเหลือผู้ยากไร้ การดูแลบิดามารดา การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การให้ทาน การปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรมอันดีไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีการกระทำ (กรรม) ที่ไม่ดีปะปนกันไปด้วย เช่น ลักเล็กขโมยน้อย คดโกง เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น พรากชีวิตผู้อื่น ผสมปะปนกันไป ซึ่งใครจะทำ กรรมดี มากกว่า กรรมชั่ว หรือ กรรมชั่ว มากกว่ากรรมดี ก็สุดแล้วแต่ว่าคนๆ นั้นมีมีจิตใจที่ฝักใฝ่ไปทางใดมากกว่า
เมื่อเราเชื่อมโยงเรื่องของ บุญกรรม และการกระทำทีเมื่อเราทำอะไรไว้ในชาติภพก่อนหน้า มันจะส่งผลกลับมาในชาติภพนี้โดยที่เราไม่ได้มีสิทธิเลือก ซึ่งในที่นี้เป็นเรื่องของการเลือกเกิดไม่ได้ซึ่งแน่นอนว่ามันมีผลมาจากสิ่งที่เราทำและมีผลลัพธ์ออก มาคือ “โชคชะตา” ที่กำหนดมาว่าเราต้องเกิดเป็นอะไรโดยที่เราไม่มีสิทธิเลือกเลย และทุกครั้งในชาติภพปัจจุบัน บุญกรรม ทั้งดีและไม่ดี ที่เราทำ มันจะส่งผลติดตัวเราไปเรื่อยๆ ทุกชาติภพ วนเวียนเกิด ดับ แบบไม่รู้จบ เมื่อถึงวันที่เราตายสิ้นลมหายใจไป
ดวงจิตที่ยังไม่เข้าสู่จุดสูงสุดของการขึ้นสู่ระดับ นิพพาน เราก็จะยังคงกลับมาเกิดและเวียนว่าย วนเวียนต่อไปโดยการย้ายไปสู่การเกิดใหม่ในฐานะอะไรก็สุดแล้วแต่ที่เราได้ทำบุญทำกรรมอะไรมาบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรา “ต้นทุนชีวิต”
หากเราประพฤติดี ทำดี เราก็จะได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิ ในฐานะที่ดี ซึ่งตามความเชื่อในพระพุทธศาสนาเราจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นเพศสมณะที่มีโอกาสในการหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้เพราะเราสามารถสร้างบุญกุศลเพื่อสะสมบุญบารมีเลือกทำในสิ่งที่ดีให้กับชีวิตได้ ซึ่งแม้เราอาจจะยังไม่ไปถึงซึ่งนิพพานแต่ในชาติภพถัดไปเราก็มีโอกาสในการไปเกิดในฐานะที่ดีมี “ต้นทุนชีวิต” ที่ทำให้ไม่ลำบากยากเย็นมากนัก
หากแต่ในทางกลับกันถ้าเราทำกรรมชั่วสลับกรรมดีหรือกรรมชั่วอย่างเดียว โชคชะตาก็จะขีดเส้นให้เราได้ไปเกิดในชาติภพต่อด้วยต้นทุนชีวิตที่ลำบากและไม่ได้เอื้อต่อความสำเร็จในชีวิตมากเท่าไหร่ หรือแม้แต่ในบางครั้งที่บุญ บาป มีจำนวนเท่ากัน เราก็อาจจะไปเกิดในชนชั้นที่ลำบากและต้องพยามอย่างหนักหน่วด้วยเพราะบาปที่เราทำแต่สุดท้ายแล้วก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เพราะเป็นผลมาจากบุญที่ทำ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ย่อมเป็นผลที่เราสามารถอธิบายการเกิดขึ้นของโชคชะตาที่เริ่มต้นทำงานกับชีวิตของเราตั้งแต่แรกเกิดได้ว่ามันมีอยู่จริงและเริ่มต้นทำงานกับเราตั้งแต่แรกเกิด จากคำถามที่ว่า “ถ้าโชคชะตาส่งผลต่อชีวิตเราแล้วอะไรส่งผลต่อโชคชะตา” ซึ่งในที่นี่ที่เราเห็นไปข้างต้นมันก็คือ บุญและกรรม ที่เราทำนั่นเอง เพราะอย่างที่บอกว่า การเกิดนั้นเราไม่สามารถใช้ความพยายาม ความอดทนในการกำหนดให้เรามาเกิดในต้นตระกูลหรือมีฐานะที่ดีได้
เพราะเรายังไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่ร่างกายเรายังต้องรอวันที่มันงอกเงยออกมาจนครบ 32 ด้วยเหตุนี้ในชาติภพนี้หลายคนจึงพยายามสร้างบุญ สร้างกุศล ทำบุญทำทาน เพื่อหวังว่า “ชาติภพหน้า” หากต้องกลับมาเกิดอีกก็จะมีโอกาสที่ดีที่โชคชะตาจะนำพาให้ได้ไปเกิดในจุดที่ดีที่สุดของการสร้างชีวิต มีทั้งรูปทรัพย์ ฐานะ สุขภาพ ฯลฯ ที่เอื้อให้ไม่ลำบากยากเย็นสนการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตในชาติภพนั้น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
