31 ต.ค. เวลา 13:16 • ธุรกิจ

เปิดวิสัยทัศน์ผู้บริหาร"โรงแรมพลาย ไพร์มโฮเทล ระยอง" กับแนวคิด Green Hotel มุ่งสู่ความยั่งยืนทุกมิติ

ผู้คนยุคใหม่ ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้น การดำเนินธุรกิจโรงแรมจึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวคิดรักษ์โลกที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับต้น ๆ ของการดำเนินงาน บริษัท กุญชร โมเดิร์น ลิฟวิ่ง จำกัด ถือเป็นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่มุ่งเน้นความสำคัญของการพัฒนาโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า โรงแรมสีเขียว (Green Hotel) มาโดยตลอด
บทความนี้ เราชวนไปพูดคุยกับ คุณภูษิต ไชยฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ แห่งบริษัท กุญชร โมเดิร์น ลิฟวิ่ง จำกัด ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และต่อยอดสู่ธุรกิจโรงแรม ที่ใช้แนวคิดและกลยุทธ์ในการสร้างโรงแรมสีเขียว รวมถึงความท้าทายและโอกาสการดำเนินงานที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความยั่งยืนในธุรกิจอย่างแท้จริง
คุณภูษิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ผมทำงานเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในบริษัทเอกชน ก่อนจะย้ายกลับมาที่ระยอง จังหวัดบ้านเกิดที่ผมใช้ชีวิตและเติบโตอยู่ที่นี่ จึงเข้าใจถึงความต้องการของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน 20 ปีก่อน อุตสาหกรรมในมาบตาพุดขยายตัว ทำให้มีผู้คนจากจังหวัดอื่น ย้ายเข้ามาทำงานจำนวนมาก จึงเห็นโอกาสในการทำธุรกิจที่พักอาศัย
และตัดสินใจลงทุนสร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โดยให้บริการหอพักและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ระดับพรีเมียมในราคา 10,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ด้วยคุณภาพและบริการที่แตกต่าง ทำให้โครงการของเราประสบความสำเร็จอย่างสูง
CEO ผู้คิดนอกกรอบ
ด้วยความตั้งใจเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง คุณภูษิตจึงคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยการออกแบบอาคารพาณิชย์ หน้ากว้าง 6 เมตร จากทั่วไปที่จะสร้างเพียง 4 เมตร แม้หลายคนจะมองว่าไม่คุ้มค่า แต่เขาเชื่อว่าการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว และผลงานที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาตัดสินใจถูกต้อง
“ผมได้เปิดตัวโครงการทาวน์โฮมระดับพรีเมียมในจังหวัดระยอง ด้วยราคาที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด คือ 5 - 6 ล้านบาท ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า เนื่องจากประสบการณ์ที่เราสร้างมาจากการพัฒนาอาคารพาณิชย์หน้ากว้าง 6 เมตร ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคุณภาพ ต่อมา เราได้ขยายโครงการไปสู่บ้านเดี่ยวระดับหรู ราคา 10 ล้านบาท จำนวนกว่า 100 ยูนิต
โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้า ผู้บริหาร และพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองในจังหวัดระยอง ผมจึงคิดสร้างแบรนด์ที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม ที่ตรงใจลูกค้าไปพร้อมกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี”
หลังจากได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว คุณภูษิต มีโอกาสได้พบกับผู้บริหารของธนาคารกรุงเทพท่านหนึ่ง และได้พูดคุยเกี่ยวกับที่ดินแปลงหนึ่งของเขาที่ถนนสุขุมวิท อำเภอเมืองระยอง ท่านให้ไอเดียว่า เหมาะจะพัฒนาเป็นโรงแรม จึงตัดสินใจลองทำ โดยอาศัยประสบการณ์ในการทำอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ “กุญชร” ที่ประกอบด้วยเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ทาวน์โฮม และหมู่บ้านจัดสรรในจังหวัดระยองมาอย่างยาวนาน
เพื่อลดความเสี่ยงในการเริ่มต้นธุรกิจโรงแรม คุณภูษิต ได้ปรึกษาเชนโรงแรมหลายแห่งในภูมิภาคอาเซียน และตัดสินใจร่วมมือกับเชนโรงแรมจากสิงคโปร์ คือ D Varee Diva Central Rayong เป็นเวลา 5 ปี อย่างไรก็ตาม การทำงานร่วมกับเชนโรงแรมขนาดใหญ่ มีข้อจำกัดบางประการ ทำให้เราไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวเท่าที่ควร เมื่อครบสัญญา เขาจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์โรงแรมของตัวเอง ภายใต้ชื่อ พลาย ไพร์ม โฮเทล ระยอง (PLAAI Prime Hotel Rayong) เนื่องจากต้องการความยืดหยุ่นในการดำเนินงานมากขึ้น
นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็ง และความสามารถในการแข่งขันของ PLAAI Hotels โรงแรมภายใต้ Local Brand ของจังหวัดระยอง
ความต่าง ระหว่างการบริหารโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
คุณภูษิต อธิบายว่า การบริหารทั้ง 2 รูปแบบแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการรายรับ-รายจ่าย เนื่องจากเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มักจะมีการแบ่งหน่วยงานย่อยเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายแต่ละส่วน และมีการรายงานผลการดำเนินงานรายเดือนเพื่อวิเคราะห์ งบกระแสเงินสด (Cash Flow) และทำการบัญชีอย่างละเอียด
ทำให้ความซับซ้อนของการดำเนินงานแตกต่างกันด้วย ลูกค้าโรงแรมมักจะเข้าพักเป็นรายวัน และมีความต้องการที่หลากหลาย ทำให้ต้องปรับตัว และให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
ปรับตัว รับเทรนด์เทคโนโลยี
ปัจจุบันเทคโนโลยี AI และ Big Data ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ลึกซึ้ง สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนธุรกิจโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นเซ็กเมนต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าไทยที่พักในโรงแรมระดับกลาง จุดแข็งของธุรกิจ คือการนำอาคารอพาร์ตเมนต์เก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม ทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว
จากประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 5 ปี ผมได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง โดยคุณภูษิต ตั้งเป้าหมายจะนำธุรกิจโรงแรม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2570
พาธุรกิจ ก้าวข้ามวิกฤต
ช่วงโควิด 19 ธุรกิจโรงแรมของผมได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากจังหวัดของเราถูกมองว่าเป็นพื้นที่ระบาด ทำให้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเสียหาย ผมจึงตัดสินใจปิดโรงแรมก่อนที่รัฐบาลจะประกาศ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม หลังจากนั้น เราพยายามหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม เช่น การจัดส่งอาหารให้โรงงาน และเพิ่มบริการจัดเลี้ยง ซึ่งช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่ดีขึ้นมากนัก แต่ด้วยการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพผ่านมาตรการสินเชื่อพิเศษของรัฐบาล ทำให้ธุรกิจของเราฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ในฐานะผู้บริหาร ผมมีมุมมองว่าธุรกิจทุกแห่งย่อมต้องเผชิญกับอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค หรือการแข่งขันจากคู่แข่งรายใหญ่ สิ่งสำคัญคือเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้เป็นแค่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเราต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการแข่งขันทางธุรกิจ
ใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ
คุณภูษิต กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการบริการ เรายังให้ความสำคัญกับการใช้ระบบ ERP เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด และนำมาวิเคราะห์พฤติกรรม ความพึงพอใจของลูกค้าแต่ละราย เราใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนาระบบสมาชิกและโปรแกรมสะสมแต้ม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การแนะนำห้องพักที่ตรงกับความชอบ หรือการจัดโปรโมชันที่ตอบโจทย์ความต้องการ
ปัจจุบันเรายังนำเทคโนโลยี AI และระบบจดจำใบหน้ามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ เช่น การเรียกชื่อลูกค้าเมื่อมาถึงโรงแรม ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจกับความใส่ใจในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย จุดเด่นของเรา คือการมอบประสบการณ์การเข้าพักที่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ในราคาที่คุ้มค่าและบริการที่เป็นเลิศ
ระบบหลังบ้าน เราจะเก็บข้อมูลลูกค้าผ่าน Database แยกออกไปเป็นเซกเมนต์ต่าง ๆ ทั้งลูกค้าที่จองจากแพลตฟอร์ม เช่น Agoda หรือ Booking รวมถึง ลูกค้ากลุ่มองค์กร (Corporate) ที่เป็นฐานใหญ่ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับโรงแรมในสัดส่วนค่อนข้างมาก ส่วนลูกค้าอื่น ๆ จะเป็นกลุ่มทั่วไปที่ Walk – in เข้ามา โดยเราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ เพื่อบริการให้ตรงกับความต้องการ
ยกตัวอย่างลูกค้าองค์กร จะต้องการเรื่องความรวดเร็วของอินเตอร์เน็ต ความเงียบสงบของที่พัก อาหารเช้าที่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้บริการก่อนลูกค้าออกไปทำงาน หรือการให้บริการเรื่อง Business Center ที่ลูกค้าอยากให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงาน ส่วนลูกค้ากลุ่มครอบครัว เราจะมีห้อง Family Room และมีเมนูสำหรับเด็กไว้บริการ เราให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกเซกเมนต์ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนรู้สึกว่า ‘มาพักแล้วได้ครบทุกอย่าง
“พลาย ไพร์ม โฮเทล ระยอง” โรงแรมที่ไม่ต้องรอเช็คอินบ่าย 2
สิ่งที่สร้างความแตกต่าง คือ เราให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการเข้าพัก ลูกค้าสามารถเช็คอินและเช็คเอาท์ได้ตามความสะดวก ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับเวลาเช็คอิน 14.00 น. และเช็คเอาท์ 12.00 น. เหมือนโรงแรมทั่วไป อีกทั้งลูกค้าสามารถใช้บริการเช็คอินอัตโนมัติผ่าน QR Code และชำระ เงินผ่านระบบแชทบอทได้เลย
โรงแรมของเรา ที่สาขาบ่อวิน จะเป็นแหล่งที่มีโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จึงเป็นลูกค้าชาวญี่ปุ่น เข้าพักในวันจันทร์ - ศุกร์ จำนวนมาก ส่วนเสาร์-อาทิตย์ จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่จะมาเป็นช่วง ๆ เช่น กลุ่มที่มาตีกอล์ฟ หรือพวกวัยรุ่นที่มางานคอนเสิร์ตเช่น มางานคอนเสิร์ต
จากประสบการณ์ เราพบว่าลูกค้าที่มาจากกรุงเทพ หรือจังหวัดอื่น ๆ จะนึกถึงทุเรียนที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดระยอง เราจึงคิดแคมเปญการตลาด สำหรับกลุ่มที่ต้องการมาพักผ่อน ด้วยการทำคอนแทคกับสวนทุเรียน หรือสวนผลไม้ และขายเป็นแพ็คเกจ ที่พัก 2 คืน + สวนผลไม้ หรือ + อาหารทะเล สามารถเลือกตามความต้องการ ซึ่งผลตอบรับถือว่าดีมาก
โรงแรมสีเขียว สู่ความยั่งยืน
คุณภูษิต กล่าวถึงประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมว่า ยุคนี้ การทำธุรกิจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องรวมความยั่งยืนเข้ามาด้วย ทั้งการสร้างความร่วมมือกับชุมชนและท้องถิ่น เพื่อให้เกิดผลในระยะยาว ปัจจุบันโรงแรมเรามีการปล่อยคาร์บอนต่ำมาก อยู่ที่ประมาณ 450 ตันต่อปี และตั้งเป้าที่จะลดลงอีก 10% ภายในปีหน้า
ทั้งนี้ เราร่วมมือกับ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ในการวางแผนลดคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนชุมชนโดยการนำอาหารท้องถิ่นมาใช้ในเมนูอาหารของโรงแรม เช่น ปลาอินทรีย์จากชุมชนเก้ายอดและแหลมเจริญ เป็นการสนับสนุนสินค้าจากชุมชน
รวมถึงการจัดการด้านพลังงาน ด้วยการเปลี่ยนรถภายในองค์กรเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดพลังงาน เรามี Model Business เรื่องความยั่งยืน ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ก็ตาม เราจะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตตามความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน
เราตระหนักดีว่า ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วน และทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไข ในฐานะผู้ประกอบการ มองว่าธุรกิจควรเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลก เราจึงดำเนินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และทำการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงแรมอย่างละเอียด ผลการประเมินพบว่าโรงแรมของเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าโรงแรมอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง
ขณะเดียวกัน เรายังได้ร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และลดการใช้พลังงาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“ผมมองว่าในอนาคต กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเข้มงวดมากขึ้น และธุรกิจทุกแห่งจะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ ผมจึงได้เตรียมความพร้อมของโรงแรมให้สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว เพื่อให้เราสามารถดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับชุมชน ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในโครงการพัฒนาเทศบาลนครระยองคาร์บอนต่ำ (Low carbon development for Rayong city municipality) อีกด้วย”
การทำธุรกิจควรมีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อ พนักงาน องค์กร และสังคม ในอนาคต โลกแห่งการแข่งขันไม่สามารถทำงานเพียงคนเดียวได้ เราต้องสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง โดยผู้บริหารต้องมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก และเตรียมพร้อมในการสร้างองค์กร สำหรับธุรกิจโรงแรม เราคือที่อยู่อาศัย
ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ยังคงต้องตอบสนองความต้องการของนักเดินทางและอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความยั่งยืน เราต้องบาลานซ์ระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และประชาสังคม การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จะช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ คุณภูษิต ทิ้งท้าย
การดำเนินธุรกิจโรงแรมยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นเรื่องท้าทาย แต่ บริษัท กุญชร โมเดิร์น ลิฟวิ่ง จำกัด ได้มองเห็นโอกาสในการเติบโตจากความท้าทายเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านความยั่งยืนและการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง นับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างแรงบันดาลใจ ด้านการทำธุรกิจอย่างมีจิตสำนึก สร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการทำกำไร เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ ที่ต้องการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน
ติดตาม บริษัท กุญชร โมเดิร์น ลิฟวิ่ง จำกัด เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา