31 ต.ค. เวลา 13:44 • กีฬา

นอนหอพักมหาวิทยาลัย ขับรถมือสอง ชีวิตติดดินของโรดรี้

เรื่องคลาสสิคอีกหนึ่งอย่างของ โรดรี้ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด คือเขาเคยนอนหอพักของมหาวิทยาลัยอยู่หลายปี ในสมัยเริ่มต้นอาชีพนักเตะกับบียาร์เรอัล
นี่เป็นเรื่องที่แปลก เพราะไม่มีนักเตะที่ไหนทำกัน ส่วนใหญ่ก็จะเช่าอพาร์ทเมนต์หรูๆ ราคาแพงอยู่ เพราะคุณมีเงินค่าจ้างหลายหมื่นยูโรต่อสัปดาห์ จะนอนที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น
1
นอกจากนั้น นักเตะอาชีพยังกลัวการโดนรุมล้อมจากแฟนๆ จนไม่ได้ใช้ชีวิตปกติ เพราะในยุโรป นักเตะอาชีพก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเซเล็บคนหนึ่ง
แบ็กกราวน์ที่บ้านของโรดรี้ เป็นครอบครัวฐานะดี มีลูก 3 คน ใจจริง พ่อแม่อยากให้โรดรี้ทำอาชีพอื่นมากกว่า ดังนั้นตอนที่โรดรี้บอกว่าเขาอยากเล่นฟุตบอลอาชีพ พ่อแม่เลยยื่นเงื่อนไขว่า ต้องเรียนไปด้วย เตะบอลไปด้วย เผื่อเล่นบอลแล้วไม่เวิร์ก จะได้มีวุฒิการศึกษาเอาไว้ใช้ประกอบอาชีพ
ในปี 2013 โรดรี้อายุ 17 จึงทำสองอย่างควบกันไป นั่นคือ ลงฝึกซ้อมในอะคาเดมี่ของสโมสรบียาร์เรอัล และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเฆาเม่ ไอ ที่อยู่ห่างจากเมืองบียาร์เรอัลประมาณ 10 กิโลเมตร โดยโรดรี้เป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์
ในปีแรก ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี โรดรี้ใช้ชีวิตที่หอพักของนักบอลอะคาเดมี่ แล้วก็นั่งรถไปเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตแบบนี้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ความยาก เกิดขึ้นในปี 2014 เมื่อเขาอายุ 18 ปี เพราะกฎของสโมสรบียาร์เรอัล ระบุว่านักเตะคนไหนก็ตามที่อายุถึง 18 ปีแล้ว ต้องออกจากหอพักสโมสร แล้วไปหาอพาร์ทเมนต์หรือบ้านของตัวเอง เพื่อส่งต่อห้องพักให้รุ่นน้องเจเนเรชั่นต่อไป
โรดรี้เล่าว่า "ตอนนั้น แม่ของผมมีไอเดียขึ้นมาว่า 'ทำไมลูกไม่ย้ายไปอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยล่ะ?'ผมก็คิดว่า เออ เนอะ ก็ดีเหมือนกัน และผมก็เลยย้ายไปหอพักของมหาวิทยาลัยในที่สุด"
โรดรี้เคยเล่าเรื่องนี้ ในเว็บ The Players' Tribune ครับ ผมอ่านแล้วชอบ เพราะมันเรียลดี ขออนุญาตแปลมาให้อ่านนะครับ
โรดรี้เริ่มเล่าว่า "ผมคิดว่า ที่สเปน มันก็คล้ายๆ กับในประเทศอังกฤษ หอพักมหาวิทยาลัยจะมีห้องนอนแยกออกไป แต่ใช้ห้องซักผ้าเดียวกัน ห้องอาบน้ำเดียวกัน ใช้ห้องอาหารร่วมกัน แต่ละห้องนอน จะอยู่ติดๆ กัน แบบประตูชนประตู เพื่อนร่วมหอของคุณเรียกได้ว่าอยู่แนบชิดกันเลยทีเดียว โดยคุณจะได้อยู่ในห้องเล็กๆ ที่มีเตียงไม้"
"ตัวผมไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีเครื่องเพลย์สเตชั่น ผมมีแค่แล็ปท็อปเครื่องเดียว โดยกิจกรรมของผม ตอนเช้าผมจะไปซ้อมกับบียาร์เรอัล จากนั้นตอนบ่ายผมก็จะไปเรียนหนังสือ ส่วนตอนกลางคืนน่ะหรอ..."
1
"คืองี้ ตอนกลางคืนมันสนุกมาก เพราะเราคือเด็กมหาวิทยาลัย ทุกคืนวันศุกร์ นักศึกษาจะออกไปเที่ยวไนท์คลับกัน แต่ก่อนจะไป เราจะทำการ "อุ่นเครื่อง" กันก่อน ที่อเมริกาจะใช้คำว่า pregaming โดยนักศึกษาสักประมาณ 20 คน จะรวมตัวกันในห้องเล็กๆ ห้องเดียว แล้วเล่นดนตรีบ้าง ดื่มเบียร์กันบ้าง ก็นั่งกระจายๆ กันไป บนเตียงบ้าง บนพื้นบ้าง นั่งกันไปทั่ว"
"ผมก็เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยคนอื่นๆ แล้วพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าผมเล่นฟุตบอลอาชีพ ตอนที่เรารวมตัวกัน ผมก็จะเนียนๆ นั่งไปกับเขา โดยในมือจะถือน้ำเปล่า Sparkling Water ผมก็เฮฮาไปสักพักหนึ่ง พอได้เวลาที่ทุกคนจะไปไนท์คลับกัน ผมก็จะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว"
"ในที่สุด มีใครสักคนพูดขึ้นมาว่า 'โรดริโก้ ทำไมนายไม่เคยไปกับพวกเราเลยวะ ไม่เอาน่าพวก?' ทำให้ผมต้องบอกพวกเขาไปว่า 'คือ ฉันเล่นฟุตบอลน่ะ เลยต้องตื่นมาซ้อมในตอนเช้า'แล้วพวกเขาก็จะตะโกนใส่ผมว่า 'ห่วยยย อย่ามาอ้างเลยยย'พวกเขาไม่เชื่อเลย คิดว่าผมหาข้ออ้าง"
"ในตอนนั้นผมยังซ้อมอยู่กับทีมบียาร์เรอัล เบ ไม่มีใครรู้จักผมหรอก ผมก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่มีรถส่วนตัวอะไร แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะหอพักมหาลัย อยู่ห่างจากศูนย์ฝึกของสโมสรประมาณ 15 นาที"
"ผมไม่มีเงินจะจ่ายค่าแท็กซี่ทุกวัน ดังนั้นผมจะปั่นจักรยานไปถึงสถานีรถราง เอาจักรยานขึ้นรถรางไปด้วย พอลงปั๊บก็ปั่นต่อไปถึงศูนย์ฝึก ผมใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่นานเลย จนสุดท้ายไปสอบใบขับขี่ได้ ผมเลยบอกพ่อว่า 'พ่อ ตอนนี้ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่ประมาณ 3,000 ยูโร สามารถซื้อรถได้คันหนึ่ง พ่อช่วยดูให้หน่อยว่าจะหารถอะไรให้ผมได้บ้าง' "
"พ่อโทรกลับมาวันรุ่งขึ้นแล้วบอกว่า 'พ่อเจอข้อเสนอดีๆ แล้ว มีผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งกำลังจะขายรถพอดี แต่เธอต้องการ 4,000 ยูโรนะ นี่เป็นรถที่ดี มีคอมพิวเตอร์อยู่ข้างในด้วย"
"ผมรู้สึกว่า ว้าว มีคอมพิวเตอร์เลยหรอ ผมก็เลยตอบตกลงทันที"
"แล้วพ่อก็เอารถมาให้ผม มันคือรถโอเปิ้ล คอร์ซ่า (note : เป็นรถขนาดเล็กมาก subcompact car มี 3 ประตู ฟีลลิ่งเดียวกับขับนิสสัน มาร์ช หรือ มิตซูบิชิ มิราจ ในปัจจุบัน) ส่วนด้านในที่บอกว่าเป็น 'คอมพิวเตอร์' มันคือหน้าจอเล็กๆ ขนาด 8 เซนติเมตรเอง หน้าที่ของมันคือเปิด-ปิด วิทยุ แค่นั้นเลย จากนั้นมาผมก็ขับรถไปซ้อมทุกวัน คือด้วยความที่มันเป็นรถเล็กๆ ราคาถูก เพื่อนร่วมทีมก็ล้อเลียนผมกันใหญ่ แต่ผมไม่แคร์ ผมชอบมันนะ!"
"ในปี 2016 ผมได้โอกาสลงสนาม เป็นตัวจริงนัดแรกในลาลีกา และเพื่อนผมที่มหาวิทยาลัย คือมึนงงกันไปเลย พวกเขาเล่าว่ากำลังดูบอลอยู่ แล้วจากนั้นก็เห็นคนที่หน้าคุ้นเคย ขึ้นมาอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ ไอ้คนที่เรียนด้วยกันในวิชาบัญชี ลงเล่นในตำแหน่งหมายเลข 6 ให้กับบียาร์เรอัลเฉยเลย"
"พวกเขาไม่เชื่อว่า นั่นคือผม มีคนพูดขึ้นมาว่า 'เดี๋ยวนะ นี่คือไอ้คนที่เรียนวิชาบัญชีกับเราหรอ ไม่น่าเป็นไปได้นะ มันมีคนชื่อโรดริโก้เยอะ จะเป็นหมอนั่นไปได้ไง'สุดท้ายทุกคนก็ฟันธงว่า เฮ้ย ไม่ใช่หรอก แค่คนชื่อเหมือน หน้าคลายเท่านั้นเอง"
"แต่จากนั้น ผมก็ได้ลงมากขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็มารู้ในที่สุดว่า นั่นผมเอง พวกเขาพูดประมาณว่า 'นายไปทำอะไรที่นั่นวะเพื่อน? นายลงเล่นกับบาร์เซโลน่าเมื่อคืนนี้เนี่ยนะ!"
"ในสเปน เราจะมีเกมหนึ่งชื่อ Comunio มันคือเกมแฟนตาซีฟุตบอลนี่แหละ ที่เราต้องซื้อนักเตะเข้ามา ถ้าทำแต้มได้เยอะเราก็ชนะ นักศึกษาทุกคนในหอพักเล่นเกมนี้ทั้งหมด ดังนั้นถ้าวันไหนผมไปแข่งบอลกลับมา จะเห็นพวกเพื่อนๆ นั่งดื่มเบียร์กันในหออยู่ พวกเขาก็จะพูดขึ้นมาว่า 'เฮ้ย พวก เกิดไรขึ้นวันนี้ นายทำแต้มใน Comunio ไป 3 แต้มเองนะ อะไรกันเนี่ย!' ผมก็จะหัวเราะแล้วบอกไปว่า ขอโทษ! ขอโทษ!"
"นั่นคือช่วงเวลาที่สนุกสนานที่สุดในชีวิตของผม ผมไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พอเตะบอลเสร็จแล้วกลับไปมหาวิทยาลัย สมองของผมจะเปลี่ยนไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย ชีวิตที่มหาวิทยาลัยช่วยลดความกดดันจากฟุตบอลออกไปจากชีวิต"
"และเรื่องมหัศจรรย์อีกหนึ่งอย่างคือ ผมได้เจอภรรยาคนปัจจุบันตอนอยู่มหาวิทยาลัยนี่แหละ เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ และเธอก็ไม่สนใจเรื่องฟุตบอลของผมแม้แต่นิดเดียวด้วย ตอนไปเดทกันเธอไม่สนว่า ผมจะไปลงแข่งแล้วเสมอเซลต้า บีโก้มาหรือเปล่า"
"คำที่เธอบอกผมเสมอคือ 'เป็นคนเดิมอยู่เสมอนะ' กับ 'เฮ้ เธอ ใจเย็นๆ สิ มันแค่ฟุตบอลนะ'"
"ในสายตาอาจารย์ผู้สอน ผมเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง การเรียนมหาวิทยาลัยแปลว่าคุณต้องทำงานส่ง มีการบ้าน ผมไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรทั้งนั้น นั่นแปลว่า ผมจะใช้เวลาทำงานอย่างตั้งใจด้วยแล็ปท็อปของผม ผมจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ทำงานให้มันเสร็จให้ได้"
"มีวันหนึ่ง ผมกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบหรืออะไรสักอย่าง ก็เลยปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ ทันใดนั้น พอผมหยิบมาดู มีข้อความเข้ามา 20 ข้อความในแมสเซจ, มี 50 ข้อความใน WhatsApp และมีคนโทรเข้ามา 10 สาย ผมคิดในใจว่า มีใครตายหรือเปล่าเนี่ยะ เกิดอะไรขึ้น"
"จากนั้นก็มีเพื่อนร่วมทีมผมที่บียาร์เรอัล โทรมาพอดี ผมรับสาย แล้วเขาก็ถามว่าผมอยู่ไหน ผมตอบว่า ก็อยู่ที่มหาวิทยาลัยไง เขาสวนมาว่า 'ผู้จัดการทีมหานายอยู่ ทุกคนตามหานายอยู่' ความจริงคือ ทีมกำลังจะขึ้นรถบัสเดินทางไปแข่งกับบาเลนเซีย แต่ผมลืมวันลืมคืน ผมเลยบอกว่า ทุกคนไปก่อนเลย เดี๋ยวผมรีบตามไป"
"ผมรีบใส่เสื้อผ้าเร็วที่สุด เหมือนกับเจมส์ บอนด์ แล้วขับรถจากหอพักมหาวิทยาลัย ไปที่โรงแรมในเมืองบาเลนเซียทันที ตอนนั้นผมเหมือนเจมส์ บอนด์ ที่ขับรถโอเปิ้ล ทะลุทะลวงผ่านถนน ผมไปถึงโรงแรมตอนที่เขาประชุมทีมกันอยู่พอดี!"
"ในวันนั้น ที่เจอกับบาเลนเซีย ผมโดนเล่นงานยับเลย นั่นเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าของผม เพราะผมตระหนักว่า ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่เตรียมพร้อม ไม่มีทางที่งานจะออกมาดี"
"จะเห็นว่าทุกย่างก้าวในชีวิตของผม มันก็เรียนรู้มาจากความผิดพลาด ผมค่อยๆ ประกอบจิ๊กซอว์ชีวิตของผมขึ้นมาทีละชิ้น ที่บียาร์เรอัล ผมเรียนรู้การได้เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่แค่นักฟุตบอล แต่ได้รู้ว่ามืออาชีพจริงๆ เขาต้องทำงานกันยังไง"
เรื่องโรดรี้ นอนพักในหอมหาลัย เป็นเรื่องจริงที่มีหลักฐานมากมาย เพราะเพื่อนๆ ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ นี่เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ติดดินที่สุด ที่ทุกคนจะนึกถึง
วาเลนติน ฮานาเรโย่ เพื่อนร่วมคณะของโรดรี้ เล่าว่า "มีวันหนึ่งที่โรดรี้ เพิ่งเซ็นสัญญาล่วงหน้า เตรียมย้ายไปอยู่กับแอตเลติโก้ มาดริด จากนั้นเขาก็ลงเล่นเจอกับบาร์เซโลน่า พอกลับมาถึง เขาเอาพิซซ่าที่ได้หลังเกมมาให้เรา บอกให้เอาไปไมโครเวฟ แล้วเอามาแบ่งกันกิน"
1
"คือคุณนึกไม่ออกจริงๆ ว่าไอ้คนนี้เนี่ยนะ ที่ได้เซ็นสัญญาไปอยู่กับแอตเลติโก้ มาดริด!"
4
แน่นอน ว่าในปัจจุบัน โรดรี้ก็ไม่ต้องนอนหอพักมหาวิทยาลัยแล้ว และไม่ต้องขับรถโอเปิ้ลคอร์ซ่าอีกต่อไป แต่ในช่วงชีวิตหนึ่ง เขาได้ผ่านจุดนี้มา และแสดงให้เห็นว่า ต่อให้คุณเป็นนักฟุตบอลที่โด่งดัง ก็สามารถใช้ชีวิตติดดินแบบคนธรรมดาได้
นี่คือเหตุผลที่ผู้คนมักจะเรียกโรดรี้ว่า "คนธรรมดา" เพราะเขาก็เป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ชอบเล่นฟุตบอลเท่านั้น จะให้นอนที่ไหน เดินทางด้วยรถอะไร เขาไม่มีปัญหากับมันเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ก็นะ คนธรรมดาคนนี้ ที่เริ่มต้นจากการนอนหอพัก และใช้รถมือสอง สุดท้ายก็กลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในโลก และได้รับรางวัลที่ทรงเกียรติอย่างบัลลงดอร์ ก็ต้องยอมรับว่า มันช่างสุดยอดจริงๆ
1
โฆษณา