1 พ.ย. เวลา 01:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

All Shall Be Well (2024)หนังที่ผมอยากดู

หลังจากห่างหายไปจากหน้าจอกว่า 30 ปี ในปีนี้หลี่ หลินหลินภรรยาของเดวิด เจียงที่ครองคู่กันมา 5 ทศวรรษจะกลับมามีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ โดยเธอแสดงร่วมกับนักแสดงอาวุโส อู เจียเหวิน ในเรื่อง All Shall Be Well กำกับโดยหยาง เหยาไค งานเด่นของเขาคือ Suk Suk ที่นำเสนอเรื่องราวของชายรักร่วมเพศสองคนที่แต่งงานกันอย่างลับๆ ส่วน All Shall Be Well ก็ยังคงเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์แบบเพศเดียวกัน โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบ LGBTQ+ ระหว่างผู้หญิงสองคนที่คอยดูแลกันมาตลอดสี่ทศวรรษ
เมื่อคนหนึ่งจากไป อีกคนต้องเผชิญความยากลำบากในการจัดการปัญหาทั้งหมดที่ครอบครัวของอีกฝ่ายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
เรื่องราวใน All Shall Be Well กล่าวถึงแองจี้(อู เจียเหวิน) และ แพท(หลี่ หลินหลิน)คู่รักหญิงวัยชรา ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันมากว่า 40 ปี ในอพาร์ตเมนต์ของแพทที่ฮ่องกง ความสัมพันธ์ของพวกเธอได้รับการยอมรับจากเพื่อนและครอบครัวของทั้งคู่ ชีวิตประจำวันของทั้งสองเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสนอบอุ่น ทั้งการเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ การดื่มชา ผลัดกันดูแล แต่บรรยากาศเหล่านั้นพลิกผันเมื่อแพทเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด ทำให้แองจี้ต้องตกอยู่ในความเศร้าโศกและหันไปหาความปลอบใจจากครอบครัวของแพท
แต่เมื่อจัดการเรื่องกฎหมาย ก็พบว่าแพทไม่มีพินัยกรรมหรือใบสมรส ทำให้ทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงอพาร์ทเมนต์ที่เธอเคยอยู่กับแพท ตกเป็นของชิงน้องชายของแพท
แรกๆ ก็ดูดีอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความขัดแย้งก็เริ่มก่อตัว เมื่อเกิดการโต้แย้งเกี่ยวกับพิธีศพและมรดกของแพท กลายเป็นความบาดหมาง แม้ทั้งคู่จะอยู่กินกับแบบครอบครัวเหมือนสามีภรรยา แต่ไม่ได้มีการรับรองทางกฎหมายใดๆ ซึ่งเธอไม่มีสิทธิ์ทางกฎหมายที่จะอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ทั้งคู่เคยอาศัยร่วมกัน เพราะมันเป็นชื่อของแพท
แม้ว่าคู่รักหญิงชราจะเคยแบ่งปันภาระทางการเงินกันอย่างเท่าเทียม แต่แพทคือคนที่จัดการทุกอย่างในชีวิตของทั้งคู่ แองจี้จึงเหมือนคนทำอะไรไม่เป็นที่ต้องเริ่มชีวิตใหม่ เธอจึงเริ่มต้นเส้นทางการปลดปล่อยแสวงหาตัวเองในช่วงปลายชีวิต
เช่นเดียวกับ Suk Suk ตัวหนังได้สะท้อนถึงชีวิตประจำวันอันเปราะบางของกลุ่ม LGBTQ+ ผู้สูงวัยในสังคม ผ่านตัวละคร
หนังออกฉายไปแล้วและได้รับคำชื่นชมว่าเป็นดราม่าที่ทรงพลัง นำเสนอเรื่องราวสะท้อนถึงความเจ็บปวดของความสูญเสียและความไม่ยุติธรรมในสังคม สิ่งที่แฝงอยู่ในเรื่องคือความไม่ยุติธรรมที่แองจี้เผชิญ จากคู่ชีวิตที่มีตัวตนเธอกลายเป็นเพียง “เพื่อน” หลังจากการจากไปของแพท
ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและใช้การนำเสนออย่างเรียบง่าย ที่โดดเด่นในเรื่องนี้คือการที่ผู้กำกับทำให้ผู้ชมสัมผัสถึงการมีอยู่ของแพท แม้เธอจะปรากฏในฉากเพียงไม่กี่ฉาก แต่กลับทิ้งความรู้สึกที่ลึกซึ้งในหัวใจของแองจี้และในบ้านที่เคยอบอุ่น
รอครับ แว่วว่ามีโอกาสฉายบ้านเรา
โฆษณา