1 พ.ย. เวลา 06:40 • ท่องเที่ยว

“เมืองลับแล” เรื่องราวที่จริง ๆ แล้วไม่ได้ลับแลอย่างที่คิด

“ชมลับแลแลงามตามบุรี
ลับยาหยีเหลือจะตรมอารมณ์จร”
-นิราศหลวงพระบาง, หลวงทวยหาญรักษา 2428
ช่วงนี้หนังเรื่องธี่หยด 2 กำลังมาแรงกับการบุกไปฟัดผีกลางป่าดงโขมดในลับแล ซึ่งแน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่เราอาจจะพอคุ้นชื่อของเมืองลับแลกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุเรียนก็ดี หรือเรื่องของตำนานก็ตาม แต่ในความเป็นจริงนั้น เมืองลับแลมีความเป็นมาอย่างไรกัน?
ว่ากันในเรื่องของตำนาน เมืองลับแลเล่ากันว่าเป็นเมืองที่มองไม่เห็น โดยมีตำนานเล่าถึงว่าเป็นเมืองที่ห้ามพูดโกหกทำให้ประชากรส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิง (สะท้อนถึงทัศนะทางสังคมที่มองว่าผู้ชายนั้นมักพูดโกหก)
ซึ่งเล่าว่ามีชายคนหนึ่งเห็นหญิงสาวจากเมืองลับแลจึงขอติดตามเธอเข้าไปในเมือง ซึ่งก็รู้สึกชอบพบกับหญิงคนนั้นจึงแต่งงานกันและอาศัยอยู่ในเมืองลับแล แต่แล้วมันหนึ่งชายคนนี้ก็พูดโกหกทำให้ถูกขับจากหมู่บ้าน ภรรยาชาวลับแลจึงเอาขมิ้นใส่ย่ามให้เป็นจำนวนมาก แต่ฝ่ายชายไม่เห็นว่าจะเอาขมิ้นไปทำอะไรจึงทิ้งไปเกือบหมด แต่พอออกจากลับแลมาก็พบว่าขมิ้นที่เหลืออยู่นั้นกลายเป็นทองคำไป
ในแง่มุมของทางประวัติศาสตร์นั้น ปรากฏการตั้งถิ่นฐานของชุมชนลับแลมาอย่างยาวนานดังที่ปรากฏในจารึกเจดีย์พิหาร สมัยสุโขทัย โดยเป็นส่วนหนึ่งของเมืองทุ่งยั้ง ซึ่งสันนิษฐานกันว่าประชากรส่วนใหญ่เป็นไท-ยวนที่อพยพจากโยนกเชียงแสนมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้
สำหรับที่มาของชื่อลับแลนี้ก็มีอยู่หลัก ๆ 2 เรื่องราว เรื่องราวแรกเกี่ยวข้องกับความที่ป็นลับแลเล็ก ๆ ตลอดจนมีถนนหนทางที่คดเคี้ยว เข้าถึงยากจึงเรียกกันว่าลับแลเพราะว่ามองไม่เห็น เข้าไม่ถึง ในขณะที่อีกเรื่องราวหนึ่งระบุว่าอาจจะเพี้ยนมาจากคำว่า “ลับแลง” เพราะว่ามีดอยม่อนฤาษีกั้นพระอาทิตย์อาไว้ทำให้ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะยังไม่ตกดินแต่ในเมืองลับแลก็เย็นเสียแล้ว จึงเรียกว่า “ลับแลง” แลงที่แปลว่า “ยามเย็น”
ลับแลนับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวสำหรับสายรักทุเรียน ซึ่งมีทุเรียนและคาเฟ่ที่มีทุเรียนตั้งอยู่หลายแห่ง เป็นเมืองเล็ก ๆ สงบ ๆ ที่คนรักทุเรียนน่าจะชื่นชอบกัน นอกจากนี้ยังมีวัดเก่าแก่ และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่าง ๆ ที่น่าไปชมไปสัมผัสกันอีกด้วย
#ที่โปรด #ลับแล #อุตรดิตถ์
โฆษณา