6 ชั่วโมงที่แล้ว • การตลาด

‘Starbucks’ เลิกชาร์จราคานมพืช ยอดขายตก เพราะแพงกว่าร้านอื่น งดทำ ‘เมนูลับ’ เสิร์ฟช้าทำลูกค้าหาย

ยอมลดเพื่อดึงลูกค้ากลับมาซื้อ! “Starbucks” ประกาศเลิกเก็บเงินเพิ่ม หากลูกค้าต้องการเปลี่ยนจากนมวัวเป็นนมทางเลือก นำร่องสหรัฐเป็นแห่งแรก จับตานโยบายสะเทือนร้านเงือกเขียวทั่วโลกหรือไม่ ด้านผู้บริหารมองยอดขายไตรมาสที่ผ่านมายังน่าผิดหวัง
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย สำหรับกาแฟ “สตาร์บัคส์” (Starbucks) เจ้าตลาดที่ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายตลอดปีนี้ในตลาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ สหรัฐ และจีน ยังลดลงเรื่อยๆ สร้างความกังวลใจให้กับ “ไบรอัน นิคโคล” (Brian Niccol) ผู้บริหารสตาร์บัคส์คนใหม่ โดยล่าสุดก็มีการปรับเปลี่ยนนโยบายอีกครั้ง หวังกระตุ้นยอดขาย-ดึงลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ ด้วยการประกาศเลิกเก็บเงินเพิ่ม สำหรับการเปลี่ยนส่วนผสมจากนมวัวเป็นนมทางเลือก
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า “สตาร์บัคส์” มีแผนยกเลิกการเก็บเงินเพิ่มสำหรับตัวเลือกนมทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นนมโอ๊ตหรือนมอัลมอนด์ก็ตาม ซึ่งจะช่วยลดราคาให้กับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามรายงานระบุว่า หากไม่มีการชาร์จเงินเพิ่มในส่วนนี้ จะช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากถึง 10% ต่อหนึ่งออเดอร์ ในสหรัฐพบว่า “นมทางเลือก” เป็นการ “Customized” ที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับสอง รองจากการเพิ่มเอสเพรสโซ 1 ช็อต
การประกาศนโยบายนี้คาดว่า เกิดจากยอดขายที่ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวบิซิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ระบุว่า “นิคโคล” ถึงกับเอ่ยปากว่า ตัวเลขผลประกอบการค่อนข้างน่าผิดหวัง อีกทั้งคาดการณ์จนจบปีก็ดูจะไม่สดใสเท่าไหร่ นอกจากนโยบายนี้ “นิคโคล” ยังต้องการเพิ่มความเร็วในการให้บริการ โดยมุ่งไปที่การลดความซับซ้อนของบางเมนู หรือการทำเมนู “Customized” ด้วย
“เรารู้ว่า การปรับแต่งเมนูเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ สตาร์บัคส์ต้องการทำให้ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มในแบบที่พวกเขาต้องการได้ง่ายขึ้น และยังรู้สึกถึงความคุ้มค่า” ผู้บริหารกล่าว
วันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ “นิคโคล” พูดคุยกับนักลงทุนนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนกันยายน “นิคโคล” บอกว่า ร้านต้องกลับมาให้ความสำคัญกับกาแฟเป็นอันดับแรก โดยต้องปรับปรุงการให้บริการ จบออเดอร์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 4 นาทีหรือน้อยกว่านั้น รวมถึงต้องมุ่งเน้นไปยังประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากหน้าร้าน เช่น การเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยแก้วเซรามิกแทนแก้วพลาสติกหากลูกค้านั่งทางที่ร้าน และการเพิ่มบาร์ให้ลูกค้าเพิ่มนมหรือน้ำตาลได้ด้วยตัวเอง
ผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาสะท้อนว่า สตาร์บัคส์ยังมีอาการทรงตัว ยอดขายสาขาเดิมลดลง 7% ติดต่อกันสามไตรมาส ตัวเลขติดลบในทุกๆ ภูมิภาค กำไรหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยพบว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาเครื่องดื่มที่สูงขึ้น รวมถึงระยะเวลารอคอยออเดอร์ที่ยาวนาน เนื่องจากพนักงานต้องดูแลทั้งหน้าร้าน ไดร์ฟทรู และเดลิเวอรี พร้อมกับการ “Customized” สารพัดเมนูที่ทำให้การจบออเดอร์ยาวนานมากขึ้น
อ่านต่อ:
โฆษณา