2 พ.ย. 2024 เวลา 00:38 • ความคิดเห็น

ยุคตื่นทอง!!

ผมจำได้ว่าตอนเด็กผมเคยจับฉลากได้รางวัลเป็นทองคำ
ซึ่งสมัยนั้นราคาทองจะประมาณบาทละ 5,000-6,000 บาท
พอโตขึ้นมาทำงานแล้วผมเคยนำเงินไปซื้อทอง เพราะราคาทองเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดว่าเก็บทองไว้
มูลค่าก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น จำได้ว่าราคาทองประมาณบาทละ 20,000 บาท
ส่วนตัวคิดว่าราคาทองตอนนั้นถือว่าแพงมากแล้ว และก็ไม่เคยคิดว่าราคามันจะสูงได้ไปไกลอีกแค่ไหน
ตัดภาพมาปัจจุบันด้วยภาวะเศรษฐกิจโลก
สงครามการค้าระหว่างประเทศ
สงครามความขัดแย้งในหลายๆ ภูมิภาค
ความไม่แน่นอนในนโยบายของประเทศมหาอำนาจ
การผันผวนค่าเงินสกุลต่างๆ
คนจึงหันกลับมาสนใจทองคำกันอีกครั้ง
เนื่องด้วยเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ความเสี่ยงต่ำ ทำให้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
ราคาทองคำสูงขึ้นที่สุดในประวัติศาสตร์
ทำลายสถิติราคาสูงสุดหลายรอบ หลายครั้งภายในเพียงไม่กี่วัน
ที่ตอนต้นปีราคาทองทะลุไปบาทละ 40,000 บาทแล้ว
แต่ล่าสุดยังไม่ทันข้ามปีราคาทองคำก็พุ่งถึงประมาณบาทละ 45,000 บาทเลยทีเดียว
ราคาขึ้นสูงกว่าตอนที่ผมยังเด็กกว่า 7 เท่า!
ทำไมมนุษย์เราจึงให้มูลค่ากับทองคำได้มากขนาดนี้?
ด้วยเพราะ ทองคำ เป็นธาตุโลหะชนิดหนึ่ง
มีสีเหลืองทองมันวาว เนื้ออ่อนนุ่ม
สามารถยืดและตีเป็นแผ่นได้
ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีส่วนใหญ่
ดังนั้นทองคำแท้เมื่อสัมผัสกับอากาศที่เป็นออกซิเจน
ก็จะไม่หมองและไม่เกิดสนิม
รวมทั้งไม่ผุกรอนเมื่อเจอกับคลอรีน หรือ ฟลูออรีนอีกด้วย
1
ทองคำมีคุณสมบัติต่างๆ ทั้งงดงามมันวาว
คงทนไม่หมอง ไม่ผุกร่อน เป็นของหายาก
และยังนำกลับไปใช้ได้ใหม่อีกครั้งด้วยวิธีการ
เอาไปหลอมให้บริสุทธิ์ได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้ทองคำเป็น
ที่ต้องการของมนุษย์มานานนับพันปี
โดยมนุษย์เรานำทองคำมาทำเป็นเครื่องประดับ
เพื่อแสดงฐานะ ความสวยงาม
รวมทั้งยังนำทองคำมาตี
มูลค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนเงินตรา สินค้า
และยังเป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศอีกด้วย
ในสมัยก่อนเราแบ่งประเภททองคำ
ตามลักษณะมูลค่าของเนื้อทองคำ
โดยเริ่มตั้งแต่
ทองเนื้อสี่ จะหมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท มีราคา 4 บาท
ทองเนื้อห้า จะหมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท มีราคา 5 บาท
ทองเนื้อหก จะหมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท มีราคา 6 บาท
ทองเนื้อเจ็ด จะหมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท มีราคา 7 บาท
ทองเนื้อแปด จะหมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท มีราคา 8 บาท
ทองเนื้อเก้า จะหมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท มีราคา 9 บาท
อย่างที่บอกว่าเป็นการเอาราคาของทองคนในสมัยก่อน
มาเรียกเพื่อบอกประเภทของทองคำออกมา ซึ่งราคานี้คงใช้กับปัจจุบันไม่ได้
แต่เราก็ยังเรียกกันจนติดปากกันอยู่
ทองเนื้อสี่จะเป็นทองที่มีคุณภาพต่ำที่สุด ในขณะที่
ทองเนื้อเก้าจะเป็นทองคำที่มีเนื้อทองบริสุทธิ์มากที่สุด
ราคาจึงแพงที่สุด มีสีเหลืองอร่าม อมแดง
เป็นทองธรรมชาติ
ซึ่งมีชื่อเรียกทองประเภทนี้หลายๆ ชื่อ
เช่น ทองชมพูนุช ทองนพคุณ เป็นต้น
สำหรับในปัจจุบันเราแบ่งประเภททองคำตามลักษณะการใช้งาน
- ทองคำ 99.99% หรือเรียกอีกอย่างว่า ทอง 24K เป็นทองที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุด เนื้อทองจะนิ่มกว่าทองประเภทอื่น
- ทอง 96.5% หรือ ทอง 100% ไทย เป็นทองที่เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมค้าทองคำของไทย โดยจะมีส่วนผสมของทองคำอยู่ที่ 96.5% จะมีความบริสุทธิ์ของทองน้อยกว่าทอง 99.99% เพียงเล็กน้อย นิยมไปทำเป็นทองรูปพรรณในไทย
- ทอง 90% หรือ ทอง 20K จะมีส่วนผสมของทองคำในปริมาณ 90% มีเนื้อแข็งขึ้น นิยมไปทำเป็นจิวเวอร์รี่
- ทอง 75% หรือ ทอง 18K จะมีส่วนผสมของทองคำในปริมาณ 75% แล้วใส่ส่วนผสมของแพลตตินั่มลงไปผสมตามสัดส่วน
1
หากดูให้ดีคิดๆ แล้วบางทีคนเราก็เป็นเหมือนทองคำ
ต้องผ่านอุปสรรคผ่านความเคี่ยวกรำมาตั้งแต่ยังเด็ก
ต้องเรียนรู้ สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา
ที่ช่วยหล่อหลอมออกมาจนเป็นตัวเราอย่างทุกวันนี้
ส่วนผสมของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปตามเหตุการณ์ที่พบเจอ
ตามสิ่งที่ได้รับและเรียนรู้
ซึ่งถ้าเราเอาแต่เคี่ยวกดดันมันอย่างเดียว
มันก็จะเป็นแค่สารของเหลวสีทองไม่มีมูลค่าใดๆ
ต่อเมื่อเราหล่อหลอม
ชุบตัวจนจับตัวเป็นก้อนมันวาวสวยงามแล้ว
เราถึงจะมีราคาค่างวด มีมูลค่า
ที่นี่ก็อยู่ที่ตัวเราว่า
อยากเป็นทองคำแบบไหน
เพราะทองคำที่บริสุทธิ์ เนื้อจะดี
แม้อยู่ในสถานที่ไม่เอื้ออำนวย
หรือในสภาพแวดล้อมที่แย่ก็ตามที
เนื้อของมันก็จะยังคงดีไม่ผุกร่อน
หรือไม่เสื่อมสลายใดๆ นั่นเองครับ
ในยุคตื่นทองเช่นทุกวันนี้
ก็ขอให้ทุกคนรู้คุณค่าที่แท้จริงในตัวเอง เหมือนอย่างทองคำที่มีค่าไม่เสื่อมคลายกันครับ
โฆษณา