2 พ.ย. เวลา 11:35 • บันเทิง

เพลงจุฬาตรีคูณ

--------------
เพลงจุฬาตรีคูณ เป็นเพลงในละครเรื่อง จุฬาตรีคูณ ที่ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ (23 พ.ย. 2474) แต่ง ใช้นามปากกา พนมเทียน เริ่มประพันธ์ เมื่ออายุ 16 ปี ประพันธ์เสร็จในปี พ.ศ. 2491 แต่ไม่ได้รับการตีพิมพ์เนื่องจากสำนักพิมพ์ปฏิเสธ
พนมเทียนเล่าถึงที่มาว่าในหลักสูตรที่เรียนเกี่ยวกับวรรณคดีไทยมีเรื่อง “กามนิต-วาสิฎฐี” มีข้อความตอนหนึ่งที่ทำให้สะดุดใจ เพราะพูดถึงวังน้ำวนอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถือกำเนิดจากแม่น้ำคงคาและยมุนาไหลมาบรรจบกัน ความรุนแรงของสายน้ำที่มาบรรจบกันทำให้เกิดเป็นวังน้ำวนและในยามค่ำคืนก็จะมีทางช้างเผือกที่สว่างไสวขาวโพลนทอดยาวลงมาราวกับจะมาบรรจบกัน ณ ที่แห่งนั้น ทางช้างเผือกถูกเรียกขานว่า “คงคาสวรรค์”
จึงเท่ากับเป็นการบรรจบกันของแม่น้ำ 3 สาย คือ จากพื้นพิภพ 2 สาย และจากสรวงสวรรค์อีก 1 สาย ตำแหน่งที่แม่น้ำ 3 สายได้มาบรรจบกันนั้นถูกเรียกว่า “จุฬาตรีคูณ” ซึ่งฉัตรชัยคิดว่าเป็นชื่อที่ไพเราะและสถานที่คงจะสวยงามชวนฝัน หากเอาคำนี้มาผูกเป็นนิยายรักที่ออกเศร้าคงดีไม่น้อย
ในปีถัดมา เมื่อมีโอกาสได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของอินเดีย จึงค้นพบว่าแม่น้ำคงคา และยมุนามีจุดบรรจบกันจริงตามที่ว่า ณ เมืองพาราณสี เมืองหลวงของแคว้นกาสี
เมื่อเป็นดังนี้ "จุฬาตรีคูณ" ต้องมีอยู่จริงที่เมืองนี้ จึงคิดเอาไว้ว่าจะต้องเป็นเขียนเรื่องที่เป็นจินตนิยาย แบบย้อนยุค และออกแนวเศร้าแบบที่คิดไว้แต่แรก และยังได้แนวคิดมาจากเรื่องของ นาร์ซิสซัส ผู้ซึ่งเมื่อยามที่มองลงไปบนผืนน้ำแล้วได้เห็นเงาร่างของตัวเอง ก็บังเกิดความหลงใหลในเงาของตน จึงจินตนาการว่าหากมีสตรีนางหนึ่ง เกิดมีความคิดกลับกันในทางตรงกันข้ามจะน่าสนใจขนาดไหนกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเริ่มเขียน 3 เดือนให้หลังจึงแล้วเสร็จ
พนมเทียนนำจินตนิยายเรื่องจุฬาตรีคูณมาเสนอกับนางเอกละครวิทยุอย่าง มัณฑนา โมรากุล เธอพาไปพบครูแก้ว อัจฉริยะกุล
ครูแก้วดัดแปลงเป็นบทละครวิทยุ พร้อมกับร่วมเขียนเพลงกับครูเอื้อเพื่อประกอบละครเรื่องนี้ ละครเรื่องนี้ทำให้พนมเทียนเป็นนักเขียนแถวหน้าในเวลาต่อมา ในละครวิทยุคณะแก้วฟ้า เอื้อ สุนทรสนาน รับบท อริยวรรต, มัณฑนา โมรากุล รับบท ดารารายพิลาส, วินัย จุลบุษปะ รับบท ขัตติยะราเชนทร์ และเพ็ญศรี พุ่มชูศรี รับบท อาภัสรา เพลงในละครวิทยุเรื่องนี้ มีทั้งสิ้น 5 เพลงคือ จุฬาตรีคุณ, ใต้ร่มมลุลี, ปองใจรัก, เจ้าไม่มีศาล และอ้อมกอดพี่
ในปี พ.ศ. 2494 พฤหัส บุญหลงคณะเทพไท ได้นำมาดัดแปลงเป็นละครเวทีเล่นที่ศาลาเฉลิมไทย เพื่อที่จะหาทุนสร้างพระราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ณ บริเวณลานหน้าสวนลุมพินี คณะกรรมการจัดงานเชิญมัณฑนา โมรากุลรับบท “ดาราราย” ได้ค่าตัว 8,000 บาท บทอริยวรรต แสดงโดย ฉลอง สิมะเสถียร ส่วนคู่รอง นำแสดงโดย สวลี ผกาพันธุ์และชาลี อินทรวิจิตร ละครเรื่องนี้ผู้ชมหนาแน่น เล่นอยู่ร่วมเดือน ประสบความสำเร็จมาก
ต่อมาเมื่อบทประพันธ์เรื่องนี้ ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ทุกเพลงจากผลงานของแก้ว อัจฉริยะกุลและเอื้อ สุนทรสนานก็ยังถูกหยิบมาใช้อยู่เรื่อยๆ นับเป็นเพลงอมตะและไพเราะที่สุดชุดหนึ่งของวงดนตรีสุนทราภรณ์เลยทีเดียว
มัณฑนา โมรากุล ย้อนความหลังถึงละครเวทีเรื่องดังกล่าวให้ฟังว่า“ตอนซ้อมบทตัวละครชื่อ ดาราราย ต้องร้องไห้ไป หัวเราะไป ยายข้างบ้านเป็นคนจีนก็นึกว่า ดิฉันบ้า มันเดินไปถามพี่สะใภ้ คุณมัณฑนาอีเป็นอะไร อีเข้าห้องน้ำก็ร้องไห้ไป หัวเราะไป พี่สะใภ้บอก มันซ้อมละคร อายจะตาย ตอนนั้น น้าสมพงษ์ ทิพยกลิน บอกว่าเล่นทั้งเรื่องดีหมด ยกเว้นตอนกอดฉลอง สิมะเสถียร (ซึ่งเธอใช้ข้อศอกยันไว้) อ้าว...ก็เมียเค้า(กัณฑรีย์) จ้องมาตาเขม็งอย่างนั้น
ฉันไม่ใช่ดารามืออาชีพนะ ไม่ใช่แบบสุพรรรณ (บูรณพิมพ์) ถึงกล้ากอดกับ ส. (อาสนจินดา) กลม หนูเป็นข้าราชการ”
โฆษณา