3 พ.ย. เวลา 01:54 • ธุรกิจ
การเรียนรู้ของจิต ..ที่ไม่ใช่ แค่มีตาดีหูดี จดจำมา ด่วนสรุปว่า จิตนั้นรู้แล้วๆ รู้แล้วๆ .แต่จิตมันจมอยู่กับอะไร อ่านจิตตัวเองไม่ออก มันก็เลยแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ..
เรื่องหนึ่ง ที่เราก็เคยได้ยินมา ว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา อย่าไปยึดไปถือ รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ ไม่เที่ยง อย่าไปยึดไปถือ ..เค้าก็ว่ากันมา ..ยังไม่ได้สอบสวน สำรวจตรวจสอบ ว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรเลย ..รีบร้อน..บอกว่า อย่าไปยึดไปถือ ทั้งที่จิตตัวเองอาศัย อยู่ในเรือนกายนี้ ..กายที่พ่อแม่ ให้มา ก็ไม่ได้สำรวจว่า กายนี้เป็นของใครกันแน่
เค้าให้กายมนุษย์นี้มาใช้ทำอะไร เราเห็นคนนี้คนนั้น ไม่ดี ไม่ชอบใจ คนนี้ชอบโมโห ชอบหงุดหงิด เราก็ไม่หันมามองตัวเอง ว่าตัวเองนั้นมีมั้ย ..เรามองดูเค้าน้อยๆ มองตัวเองให้มากๆ..เพื่อเตือนสติตัวเอง เพื่อแก้ไข ในสิ่งที่เราก็ไปเห็นว่าไม่ดี ..ที่มันมีในตัวตนของเราที่อาศัย
นั่นก็คือเรื่องที่เกี่ยวพัวพัน เรื่องกาย อารมณ์ แล้วจิตที่อาศัยในกายนั้นยึดถืออารมณ์กรรมตัวกระทำอยู่ แล้วจิตนั่นก็เดินตามอารมณ์ มีตัวกระทำเกิดขึ้น .ตัวโลภ ตัวโกรธ ตัวหลง ..อิจฉาริษยา เกลียดชัง ชิงดีชิงเด่น ..ที่จิตนั้นหลงอารมณ์ ยึดอารมณ์ที่เกิดตัวตนที่กายที่จิตอาศัยอยู่ หลงอย่างไร ..หลงยึดเอาอารมณ์นั่นเป็นจิต . สิ่งที่ได้นั้นคือกรรม ..กรรมที่ตกเป็นทาสอารมณ์กรรมตัวกระทำ ..อารมณ์นั่นก็คือกรรม แต่จิตเราที่อาศัยในกายก็อ่านไม่ออก จิต..ไม่ตื่นเสียที..
1
บางก็เรียนรู้อภิธรรมตำรามากมาย แต่ทำไมหงุดหงิด โมโห ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ . ทำไมอ่านจิตัวเองไม่ได้ ..ตำราแท้จริงของคำว่า อภิธรรม นั้นก็อยู่ที่กาย .ทำไมไม่มาอ่าน ตรงนี้ ที่มีในตัวตนมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา
..อารมณ์นั่นใช้จิตเยี่ยงทาส ..เราก็เขื่ออารมณ์..เพราะไม่เคยไปสรวจตรวจสอบ ว่าจิตที่ทำตามอารมณ์ นั้น มันเกิดมีกรรม สะสมไว้ที่ไหนบ้าง ที่จิตนั้นต้องเป็นจิตมีกรรม ..เราก็ไม่สำรวจในกายที่อาศัยนี้เลย ว่ามันเปลี่ยนแปลง ขันธ์ห้าเปลี่ยนแปลง เนื่องด้วอะไรบ้าง ..
มีพระท่านบอก ให้เราฝึกหัด ทำกายนิ่ง จิตนิ่ง บอกหัดให้กราบพระ ว่ากราบยังไง ให้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำบุญยังไง ถึงจะเรียกว่า บุญ ทำบุญยังไง ..จิตเราจึงเก็บหลักฐานการกระทำ ไว้กับธาตุทั้งสี่ มันมีเรื่องราว หลายเรื่องที่ยากจะเข้าใจ
หากเราไม่นำกายนี้มา ฝึกหัดด้วยความหมั่นเพียร อดทน เอาเฉพาะ เรื่องกายนิ่ง จิตนิ่ง..นี่กยากเย็นแสนเข็น ทำไม่เค้าต้องทำให้กายนิ่ง จิตนิ่ง ..เค้านี้ กายก็นังไม่นิ่ง จิตก็ยังไม่นิ่ง ก็บอกว่า ปล่อยวางเสียแล้ว ที่ก็บอกว่า ทำตรงนี้ ทำให้กายนิ่ง จิตนิ่งให้ได้ แล้วเราจะมีปัญญา แต่จิตมันก็สับสน ในคำที่บอกกล่าว จิตยังสับสน เพราะยังทำไป ให้นิ่งไม่ได้
..สิ่งที่ทำให้ไม่นิ่ง .นั่นก็คือ ..กรรม ..ที่ทำให้เกิดอารมณ์ จิตก็ไหวไปกับอารมณ์ที่ไหวไปไหวมา เดี๋ยวอย่างนี้ ถูกใน อย่างนั้น ไม่ชอบใจ อย่างผิด อย่างนี้ถูก ..มันยังเป็นอารมณ์ไปเสียทั้งหมด เพราะจิตนั้น ยังนิ่งไม่ได้ เหมือนว่า กายนี้เป็นต้นไม้ เป็นเสา เคลื่อนที่ไม่ได้ . แต่จิตที่อาศัยอยู่ในกายที่เป็นเสา มันไม่นิ่งเหมือนเสา พอมีอารมณ์ไหลเข้ามา จิตมันก็ไหล ..ไปยึดอารมณ์ ยึดอารมณ์ที่เกิดขึ้น
1
เพราะจิตเรามันยังไม่แข็งแรง ที่จะปลดเปลื้อง อารมณ์นั้นได้ ปลดเปลื้องนิสัยสันดานกรรม ออกไปได้ กายทีจิตทำกายนิ่ง มันต้องรวบรวม กาย ขันธ์ทั้งหก วิญญาณทั้งหก ให้นิ่งไปด้วย ทำให้จิตเป็นหนึ่ง หยุดที่จิต อยู่ที่กายนิ่งจิตเฉย แล้วเราก็จะได้ประโยชน์ได้เรียนรู้จัก อะไรอีกมากมายก่ายกอง แต่เราก็มองเห็นว่า คนที่สนใจฝึกหัดนี้มันน้อย มีพระท่านบอกว่า พระทุกองค์ ท่านก็ไปทำต้องนี้แหละ ..ทำแล้ว เกิดปัญญาธรรม ท่านก็บอกแค่นี้ .ให้ฝึกหัดกันเอาเอง
ปล..ส่วนเรานั้น ไม่ใช่ผู้ที่ทำได้ แต่ก็มีผู้ที่ท่านทำได้ ..เมตตาสอนให้ฝึกหัด .ที่ก็อยู่ในเรื่องราวของการสร้างบุญกุศลบารมี ตามรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..ท่านก็แนะนำสอนให้เราได้เรียนรู้ขึ้นมาบ้างเล็กๆน้อยๆ ..นี่ท่านก็ยังบอกมาว่า ผู้รีบร้อน หลงว่าตัวเองทำได้ พูดว่า ยังนั้นอย่างนี้ เอาธรรม มาพูด ..หวังลาภยศเยินยอ หวังเงินทองชาวบ้าน มาปรนเปรอกายตัวเอง จิตตัวเอง .ดินฟ้าอากาศ ท่านจะเก็บกวาด ชำระสะสางที่สกปรกนี้เสียที ..เราได้ยินมาอย่างงั้น ..
พวกเรา ที่มีน้องไปปฏิบัติธรรมกัน ถึงเวลา จะสวดมนต์ ฟังธรรม ก็ไม่รวบรวมกายรวบรวมจิต บางที่มีพระที่ท่านมาสอน เหมือนผู้ใหญ่ มาสอน ก็ทำตัวเป็นเด็กผมจุกผมแกะ ..เอาตาไปมอง ไปอยู่ที่มือถือ ..ห่วงนั้นห่วงนี่ ..เค้าบอกว่า ให้บอกตัวเอง สั่งกายตัวเองให้นิ่ง ให้จิตเฉยๆ ดูลมหายใจเข้าออก ..หยุดนิ่งที่จิต ก็ยังสับสน ว่า หยุดนิ่งที่จิตเป็นอย่างไร ..เพราะมันไม่ตั้งอกตั้งใจ ที่จะทำกายทำจิต มาตั้งแต่เริ่มเข้ามากราบพระสวดมนต์ภาวนา ..แล้วก็ว่าทำแล้ว ไม่เห็นได้อะไร ..นั่นก็เพราะไม่ตั้งใจจะเรียนรู้จักจิตของตัวเอง ..
โฆษณา